วันพุธ ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568
“คนละครึ่งพลัส” เริ่มใช้สิทธิ์วันแรก 29 ตุลาคม ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ยอดประชาชนได้สิทธิ์ 20 ล้านคน ร้านค้าเข้าร่วม 5.6 แสนราย เริ่มผูกฟู้ดเดลิเวอรี่ 3 พฤศจิกายนนี้ ยันให้พ่อค้าแม่ค้า-วินจยย.รับจ้างเข้าร่วมได้ถึง 19 ธันวาคมนี้“คลัง”เตือนห้ามใช้ผิดประเภท ไม่เช่นนั้นจะถูกระงับสิทธิ์
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า ในวันที่ 29 ตุลาคม 2568 โครงการ ‘คนละครึ่งพลัส’ จะเปิดให้ใช้สิทธิ์วันแรก ผ่านแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ลงทะเบียนครบ 20 ล้านคนแล้ว โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ฝากขอบคุณประชาชนที่ลงทะเบียนครบถ้วน ส่วนผู้ที่ถูกปฏิเสธราว 190,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งได้รับเงินช่วยเหลือผ่านบัตรโดยตรง
นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า สำหรับฝั่งร้านค้า มีผู้ลงทะเบียนแล้วประมาณ 590,000 ราย แบ่งเป็นร้านค้าเดิมราว 100,000 ราย และร้านค้าใหม่กว่า 400,000 ราย โดยรวมเกือบ 600,000 ราย และยังมีอีกราว 100,000 รายอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล ทั้งนี้ ร้านค้ายังสามารถลงทะเบียนได้ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 โดยเปิดให้พ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ร้านบริการนวด สปา และรถรับจ้างสาธารณะที่มีใบอนุญาตขนส่งร่วมโครงการได้
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 ร้านค้าที่ลงทะเบียนแล้วกว่า 600,000 ราย จะสามารถเริ่มผูกกับแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ เพื่อขยายตลาดสู่ช่องทางออนไลน์ ซึ่งรัฐบาลตั้งใจให้ ‘คนละครึ่งพลัส’ เป็นโครงการที่ช่วยเพิ่มทักษะและโอกาสทางรายได้ให้พ่อค้าแม่ค้า โดยบางแพลตฟอร์มจะลดค่า GP จากเดิม 30% เหลือเพียง 5% เพื่อจูงใจร้านค้าเข้าร่วม
“โครงการนี้ไม่ใช่แค่ช่วยลดค่าครองชีพ แต่ยังช่วยให้ร้านค้ารายย่อยขยายตลาดจากหน้าร้านสู่โลกออนไลน์ เพิ่มรายได้และเพิ่มทักษะการขายให้กับคนไทย” นายเอกนิติกล่าวและว่า นอกจากนี้รัฐบาลยังเตรียมจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้กับผู้ค้าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ สอนเทคนิคการขายออนไลน์ การลดต้นทุน และการเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อยกระดับศักยภาพทางธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อย
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความพร้อมแล้วในการดำเนินการโครงการ‘คนละครึ่งพลัส’ โดยเริ่มใช้จ่ายวันแรกผ่านแอปฯ ‘เป๋าตัง’ ตั้งแต่เวลา6 โมงเช้าวันที่ 29 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ขณะนี้มีผู้ได้รับสิทธิ 20 ล้านคน แบ่งเป็นคนที่ยื่นภาษีได้รับเงิน 2,400 บาท 7.93 ล้านคน และคนที่ไม่ยื่นภาษีได้รับ 2,000 บาท 12.07 ล้านคน จะใช้ได้จนถึงวันที่31 ธันวาคม 2568 การเปิดลงทะเบียนคนละครึ่งพลัสรอบนี้ มีคนลงทะเบียนทั้งสิ้น 20.19 ล้านคน และได้รับสิทธิ 20 ล้านคน ในจำนวนนี้ลงทะเบียนไม่สำเร็จ 1.94 แสนคน เนื่องจากเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1.92 แสนคน เสียชีวิต 758 คน เคยทำผิดเงื่อนไข 191 คน และเกี่ยวข้องบัญชีม้า 341คน ส่วนความพร้อมร้านค้านั้น ปัจจุบันมีร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสสำเร็จมากกว่า 5.6 แสนราย และอีกจำนวนหนึ่งรอการตรวจสอบคุณสมบัติอยู่ รัฐบาลยืนยันว่า ร้านที่เข้าร่วมครั้งนี้จะไม่มีการส่งข้อมูลยอดขายให้กับกรมสรรพากร โดยผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจ สมัครเข้าร่วมได้ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 และเปิดรับสแกนรับเงินจากประชาชนได้จริงในวันที่ 29 ตุลาคม-31 ธันวาคม2568
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการ‘คนละครึ่งพลัส’ ของรัฐบาล เตรียมเปิดให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิกว่า 25ล้านคน เริ่มใช้จ่ายวันแรกในวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ผ่านแอปฯ‘เป๋าตัง’ โดยรัฐบาลยังคงสนับสนุนค่าใช้จ่าย50% ไม่เกินวันละ200บาท กระทรวงการคลังย้ำว่าการใช้สิทธิต้องอยู่ในขอบเขตที่กำหนด หากนำไปใช้ผิดประเภทเช่น ซื้อสินค้าต้องห้ามอย่างสุรา บุหรี่ สลากกินแบ่งรัฐบาล น้ำมันเชื้อเพลิง บัตรกำนัล หรือการจ่ายค่าสาธารณูปโภค จะถูกระบบตรวจจับและระงับสิทธิการใช้งานทันที
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้สิทธิกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ เช่น ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ประจำวัน ของสดในตลาด ร้านค้าทั่วไป รวมถึงบริการในชีวิตประจำวันบางประเภทที่มีการลงทะเบียนถูกต้องกับกระทรวงการคลัง ส่วนผู้ค้ารายใหม่ที่ต้องการเข้าร่วมสามารถสมัครผ่านแอปฯ ‘ถุงเงิน’ได้เช่นกัน โดยโครงการ ‘คนละครึ่งพลัส’จะเปิดให้ใช้สิทธิจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี