นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงนโยบายพลังงานที่ต้องเร่งผลักดันให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ว่า ได้ผลักดันโครงการ “Quick Big Win” ด้านพลังงานเพื่อลดรายจ่ายประชาชน พร้อมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ส่งเสริมสังคมคาร์บอนต่ำ และส่งเสริมการลงทุนเอกชน มั่นใจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดมูลค่าการลงทุนสูงถึง 700,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 16,000 ตำแหน่ง และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 10 ล้านตันต่อปี
ทั้งนี้กระทรวงพลังงานจะตรึงราคาพลังงานทุกชนิด และหากราคาตลาดโลกลดลงก็จะลดราคาในประเทศลงด้วย ทั้งน้ำมัน แอลพีจี และค่าไฟ โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลจะตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 32 บาทต่อลิตร ตลอด4เดือนของรัฐบาล แต่หากราคาตลาดโลกลดลง ดีเซลก็จะลดลงตามไปด้วย รวมทั้งเบนซินแต่ละชนิด จะพยายามตรึงราคา หากตลาดโลกลดลงก็จะลดราคาเบนซินลงไปด้วย โดยในส่วนของแอลพีจี 423 บาทต่อ15กก. และค่าไฟ 3.94 บาทต่อหน่วย ก็จะตรึงราคาเช่นกัน โดยเฉพาะค่าไฟปัจจุบันแอลเอ็นจีราคาตลาดโลกไม่สูง ถือเป็นสัญญาณที่ดี และจะใช้เครื่องมือของแต่ละหน่วยงานเข้าดูแล
ทั้งนี้จะเร่งโครงการโซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร กว่า 1,200 ระบบ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 7 แสนไร่ทั่วประเทศ คาดว่าจะเกิดเม็ดเงินผ่านการลงทุนกว่า 12,500 ล้านบาท ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้ 87.5 เมกะวัตต์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 0.6 ล้านตันต่อปี รวมทั้งโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน เป้าหมายกำลังการผลิต 1,500 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนได้กว่า 30,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 1,600 ตำแหน่ง และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 0.8 ล้านตันต่อปี โดยจะประกาศรับซื้อไฟฟ้าได้ภายในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
อย่างไรก็ดีส่วนเป้าหมาย การลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ติดตั้งโซลาร์เซลล์ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วม 90,000 ครัวเรือน กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุน ได้กว่า 20,250 ล้านบาท ลดการใช้ไฟฟ้าได้ 585 ล้านหน่วยต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 2.8 แสนตันต่อปี
นอกจากนี้ยังมีการเร่งอนุมัติการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ลอยน้ำใน 3 เขื่อนหลักของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ประเทศไทย(กฟผ.) ทั้งเขื่อนภูมิพล เขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งมีต้นทุนต่ำ กำลังการผลิตรวม 1,638 เมกะวัตต์ เกิดการลงทุนกว่า 53,000 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 0.8 ล้านตันต่อปี
นายอรรถพล กล่าวว่า ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบพลังงานรองรับภาคอุตสาหกรรม ได้เร่งดำเนินการ โครงการสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสะอาดตรง หรือ Direct PPA 2,000 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเสนอ กบง. ได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2568
เกิดเม็ดเงินลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 65,000 ล้านบาท ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาระบบไฟฟ้ารองรับอุตสาหกรรมเขตภาคตะวันออก (EEC) คาดว่าจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้ากว่า 800 เมกะวัตต์ รองรับธุรกิจ Data Center 16 ราย
รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมผ่านการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร วัสดุอุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์ผ่านกลไกกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานการสร้างความยั่งยืนระยะยาวรองรับ Net Zero 2050 ผ่านโครงการต่างๆ ข้างต้น รวมทั้งการเร่งจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า หรือ แผน PDP ที่จะมีการทบทวนรายละเอียดให้การผลิตไฟฟ้าตอบโจทย์กับเป้าหมายNet Zero 2050 ผ่านการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้าให้มากขึ้น
นอกจากนี้จะเริ่มโครงการพัฒนาการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) คาดว่าจะสามารถเริ่มกักเก็บก๊าซคาร์บอนฯ ได้ภายในปี 2577 และระหว่างปี 2577 ถึงปี 2607 (30 ปี) จะสามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนฯ ได้ 6.4 ล้านตันต่อปี
ขณะเดียวกันคืบหน้าการแต่งตั้งผู้บริหารและกรรมการชุดต่างๆ ของกระทรวงพลังงานทั้งหมดจะเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีตำแหน่งผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ที่ผ่านการอนุมัติจากบอร์ดกฟผ.แล้ว จะเสนอครม.เร็วๆนี้ รวมทั้งกรรมการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ(พีดีพี) จะเสนอคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในเร็วๆนี้เช่นกัน นอกจากนี้จะเร่งตั้งผู้อำนวยการกองทุนน้ำมัน ตลอดจนกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ที่ว่างอยู่ 4 ตำแหน่ง โดยเร็วเช่นกัน
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี