** จากที่หนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ได้เคยรายงาน ถึงกรณีเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ (ส.ท.ช.) ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. และผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้สอบพฤติกรรมผู้บริหาร บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. (https://www.naewna.com/business/columnist/63712) หลายกรณี โดยเฉพาะประเด็นอาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) มีธุรกิจส่วนตัวเป็นเจ้าของและกรรมการบริษัทเอกชนอื่น
ล่าสุดผู้สื่อข่าว ได้รายงานว่า มีแหล่งข่าวใน ทอท. แจ้งว่าผู้บริหารที่ถูกร้องรายนี้ เป็นหนึ่งในผู้สมัครสรรหาเป็นผู้สมัครผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ด้วย ก็คือ นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ จึงเชื่อว่าทาง ป.ป.ช. และผู้ตรวจการแผ่นดิน คงกำลังไล่ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกอย่างเข้มข้น และได้ให้ข้อมูล เอกสารหลักฐาน และคำอธิบายอย่างละเอียด ดังเนื้อหาต่อไปนี้
โดยข้อมูลและเอกสารหลักฐานที่มาจากการตรวจสอบกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ เป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการผู้มีอำนาจอย่างต่อเนื่องในบริษัทเอกชนอื่นขณะทำงานผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ทอท. จนถึงปัจจุบัน ตามหนังสือสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นและหนังสือรับรองบริษัท คอนเน็ก ฟาบริเคชั่น จำกัด และบริษัท ฐิติพงศ์ รีเทล จำกัด ที่แนบมา ซึ่งแหล่งข่าวได้เปิดเผยขยายความต่อว่า ตาม “พระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พศ. 2518” (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) กรณีนี้จัดเป็นลักษณะต้องห้ามตาม พรบ. คุณสมบัติฯ ดังกล่าว ตามมาตรา 8 ตรี (2) “สามารถทำงานให้แก่รัฐวิสาหกิจนั้นได้เต็มเวลา” และมาตรา 8 ตรี (7) “ไม่เป็นผู้บริหารหรือพนักงานของรัฐวิสาหกิจอื่น หรือกิจการอื่นที่แสวงหากำไร” และมาตรา 9 (3) “สามารถทำงานให้แก่รัฐวิสาหกิจนั้นได้เต็มเวลา” ซึ่งหากอ้างอิงตามมาตรา 8 เบญจ “ผู้บริหารพ้นจากตำแหน่งเมื่อ (3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 8 ตรี”
รวมทั้งยังมี “ระเบียบบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) การแต่งตั้ง การพ้นสภาพ วินัย การดำเนินการทางวินัย การลงโทษ และการอุทธรณ์ของพนักงาน พ.ศ. 2554” “ข้อ 7 พนักงานต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ ... (1) มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ... (5) ไม่เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจอื่น พนักงานขององค์การมหาชน หรือองค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ หรือบริษัทเอกชน”
ทั้งนี้ เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7811/2560 ตัดสินว่า ผู้ทำการแทนบริษัทก็คือกรรมการของบริษัทซึ่งมีฐานะเป็นผู้แทนแสดงความประสงค์ของบริษัทตาม ป.พ.พ. มาตรา 70 วรรคสอง แต่กรรมการก็คงมีอำนาจหน้าที่จัดการงานของบริษัทตามที่บริษัทมอบหมาย และตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ตลอดจนต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อบังคับของบริษัทและอยู่ในความครอบงำของที่ประชุมใหญ่ตามมาตรา 1144 และตามผลของมาตรา 1167 กรรมการมีฐานะเป็นผู้แทนและเป็นเสมือนตัวแทนของบริษัทด้วย โดยกรรมการต้องมีการจดทะเบียนตามมาตรา 1157 และถือว่ากรรมการที่มีชื่อปรากฏอยู่ในทะเบียนเป็นกรรมการของบริษัท
อีกนัยหนึ่งคือ กรรมการเป็นผู้แทนของบริษัทในการแสดงความประสงค์ของบริษัท และเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท กรรมการจึงเป็นลูกจ้างตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 5 ซึ่งการเป็นหรือทำงานในตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัทเอกชนอื่นด้วยเวลาซ้ำซ้อนกันอย่างต่อเนื่องหลายปี อาจเป็นกรณีได้ว่าไม่ได้ทำงานให้แก่ ทอท. เต็มเวลาจริง จึงผิด พรบ.คุณสมบัติฯ และระเบียบของ ทอท. (ยังไม่นับเป็นกรณีมีผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) ตามที่ถูกร้องไปยัง ป.ป.ช. ด้วยหรือไม่) จึงอาจกล่าวได้ว่า นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ (ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัทดังกล่าวตั้งแต่ต้น จนกระทั่งช่วงทำงานใน ทอท.และเข้ารับตำแหน่งรองผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.) ส่อมีลักษณะต้องห้ามตั้งแต่ปี 2566 ถึงปัจจุบัน อันเป็นกรณีที่เกิดสำเร็จไปแล้ว ไม่ว่าจะมาลาออกตอนนี้หรือไม่ก็ตาม จึงต้องถือว่าตั้งแต่ต้นก็ไม่เคยเป็นตำแหน่งรองฯ ดังกล่าว และต้องพ้นจากตำแหน่งนี้ในทันทีด้วย (ยังไม่นับกรณีผิดจริยธรรมหรือกรณีรายงานข้อมูลไม่ครบถ้วนต่อหน่วยงานต่างๆ ด้วยหรือไม่)
ทั้งนี้ ตาม “ประกาศคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เรื่อง รับสมัครบุคคลเพื่อรับการคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.” ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ข้อ 3.2 “คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง” ข้อ 3.2.1.2 “กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากส่วนราชการตั้งแต่ระดับกรมขึ้นไป รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐที่เทียบเท่ากรมขึ้นไป ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรนั้น” ดังนั้น อาจถือได้ว่าผู้สมัครขาดคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งดังกล่าวด้วย หากต้องพ้นหรือขาดคุณสมบัติจากตำแหน่งรองผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. จากที่กล่าวข้างต้น
ทั้งนี้ ยังมีข่าวว่าจากสื่อมวลชนว่า คณะกรรมการ ทอท. ได้แต่งตั้งนางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ ไปแล้ว เช่นหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ได้ตีพิมพ์ข่าวเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 หัวข่าวว่า “ชงบอร์ด AOT แต่งตั้ง ปวีณา จริยฐิติพงศ์ เอ็มดี ทอท. คนใหม่ 24 ก.ย.นี้” (https://www.thansettakij.com/business/tourism/639579)
นื่องจากเป็นตำแหน่งสำคัญของรัฐวิสาหกิจและบริษัทมหาชนสำคัญของประเทศ จึงสมควรอย่างยิ่ง ที่ฝ่ายบุคคล ที่เป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร คณะกรรมการสรรหาฯ ที่เป็นผู้รับรองคุณสมบัติและคัดเลือก และคณะกรรมการ ทอท. ที่เป็นผู้อนุมัติแต่งตั้ง สมควรรีบพิจารณากรณีและข้อมูลเอกสารเหล่านี้ และดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างโปร่งใสจริงจัง และชี้แจงผลการดำเนินการกรณีดังกล่าวต่อสื่อมวลชน ต่อสาธารณะ ต่อผู้ถือหุ้น ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และต่อรัฐบาล ว่าถูกผิดอย่างไร ไม่ปล่อยให้มีความเสี่ยงหากกลายเป็นกรณีที่ผิดกฎหมายและระเบียบ ทอท. ในการแต่งตั้งผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. คนใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายจากกรณีความผิดกฎหมายและระเบียบของ ทอท. หรือการถูกดำเนินคดีฟ้องร้องภายหลัง ไม่ให้ลุกลามถึง ทอท. และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะหากละเลยไม่ดำเนินการและชี้แจงใดๆ แล้วหากปรากฏภายหลังว่ากรณีนี้นำไปสู่ความผิดตามมา คณะกรรมการสรรหาฯ ที่เป็นผู้รับรองคุณสมบัติ และคณะกรรมการ ทอท. ก็จะกลายเป็นผู้ร่วมรับผิดชอบต่อความผิดนั้นด้วยหรือไม่
** กระบองเพชร**
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี