มุมมองนักบริหาร :  ‘ถอดบทเรียนจีน แก้ มอก. เหล็ก’ ความปลอดภัยสาธารณะต้องอยู่เหนือผลประโยชน์ทางธุรกิจ

มุมมองนักบริหาร : ‘ถอดบทเรียนจีน แก้ มอก. เหล็ก’ ความปลอดภัยสาธารณะต้องอยู่เหนือผลประโยชน์ทางธุรกิจ

วันจันทร์ ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

** จากเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่องในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงกรุงเทพฯ ซึ่งเกิดเหตุอาคารก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จถล่มลงมา ล่าสุดผลตรวจสอบพบว่าใช้เหล็กเส้นไม่ได้มาตรฐาน ผลิตจากเตา Induction Furnace (IF) ซึ่งมีคุณภาพไม่สม่ำเสมอและไม่เหมาะกับอาคารสูง ซึ่งเรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หลายประเทศทั่วโลกยกเลิกการใช้เหล็ก IF แล้ว เหลือเพียงไทยที่ยังใช้โดยไม่มีข้อจำกัด ถือเป็นช่องโหว่สำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข

ภายใต้การนำของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ตั้ง “ทีมสุดซอย” ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานทั่วประเทศ พบหลายแห่งผลิตเหล็กต่ำมาตรฐาน บางโรงงานมีประวัตินำเข้าเศษวัสดุอันตราย (ฝุ่นแดง) เพื่อสกัดโลหะสังกะสีโดยผิดกฎหมาย รวมถึงหลบเลี่ยงภาษีมูลค่าหลายพันล้านบาท เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างและร้านวัสดุรายใหญ่ทยอยเลิกใช้เหล็กจากเตา IF หันมาใช้เหล็กจากเตา Electric Arc Furnace (EAF) ซึ่งมีคุณภาพดีกว่า ถือเป็นสัญญาณบวกต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย และภาคเอกชนเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบโรงงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความปลอดภัยในวงการก่อสร้างและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคอย่างยั่งยืน


นายบัณฑูรย์ จุ้ยเจริญ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการศึกษาของคณะทำงานมาตรฐาน กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ที่ได้สรุปประเด็นข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการแก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นนั้น คณะทำงานฯ ได้รวบรวมข้อมูลทั้งด้านวิชาการและสืบค้นข้อมูลข่าวสารต่างๆอย่างมีที่มาที่ไป เพื่อนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการพิจารณาแก้ไข มอก.เหล็กเส้นกลม (มอก. 20-2559)  และ มอก.เหล็กข้ออ้อย (มอก. 24-2559) ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการทบทวนโดย สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) หลังจากใช้มาแล้วเกือบ 10 ปี โดยที่ไม่ได้มีการปรับปรุงด้านคุณสมบัติการใช้งานอย่างใดที่เป็นสาระสำคัญเมื่อเทียบกับ มอก.เหล็กเส้นกลมปี 2543 หรือ มอก.เหล็กข้ออ้อยปี 2548 ในขณะที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และสิ่งก่อสร้างต่างๆ เช่นอาคารสูงได้พัฒนาไปอย่างมาก

ในรอบปีที่ผ่านมา ด้วยการกวดขันของกระทรวงอุตสาหกรรมกับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยทีมสุดซอย พบว่ามีการรายงานปัญหาคุณภาพสินค้าหลายประเภท เช่นเครื่องใช้ไฟฟ้า หลอดไฟ สายไฟ รวมทั้งเหล็กเส้น และต่อมามีเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในกรุงเทพฯ ทั้งที่จุดศูนย์อยู่กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างไกลมาก แต่เนื่องจากลักษณะดินอ่อนของกรุงเทพฯ ทำให้แรงสั่นสะเทือนส่งผลในวงกว้าง นอกจากนี้ กรุงเทพฯยังมีและจะมีการก่อสร้างอาคารสูงเพิ่มขึ้นอีก จึงควรใช้โอกาสนี้ทบทวน มอก.ให้สามารถยกระดับมาตรฐานเหล็กเส้นก่อสร้างของประเทศให้สามารถใชังานได้อย่างมั่นใจในความปลอดภัย ตัวอย่างประเด็นที่สำคัญคือ มอก.เหล็กเส้นไทยในปัจจุบัน ยังไม่ได้กำหนดก็คือ เหล็กเกรดที่ใช้งานในเขตแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้เมื่อได้ศึกษาพัฒนาการของมาตรฐานเหล็กเส้นจีน ก็พบว่า เป็นบทเรียนที่มีคุณค่า สามารถนำมาอ้างอิงได้ เช่น ในเรื่องกรรมวิธีการผลิต (smelting method) และเรื่องเหล็กเกรดแผ่นดินไหว แต่เดิมมาตรฐานเหล็กเส้นจีนปี 2007 (2550) ยังไม่ได้กำหนดทั้งกรรมวิธีการผลิตและเหล็กเกรดแผ่นดินไหว ต่อมา มาตรฐานเหล็กเส้นจีน ปี 2561 (Steel for Reinforcement of Concrete, GB 1499.2-2018)ได้กำหนดให้กรรมวิธีการผลิตต้องมาจาก converter หรือ arc furnace และได้เพิ่มเหล็กเกรดแผ่นดินไหว โดยมีข้อกำหนดว่า “ถ้าจำเป็น” ให้ผ่าน external refining (ซึ่งหมายถึงการปรุงภายนอกเตาหลอม เช่นเตาปรุง ladle furnace)และอีก 6 ปีต่อมา มาตรฐานเหล็กเส้นจีนปี 2567 (Steel for Reinforcement of Concrete, GB 1499.2-2024) ได้ปรับปรุงข้อกำหนดเหล็กเกรดแผ่นดินไหว จาก “ถ้าจำเป็น” ให้เป็น “ต้อง” ผ่าน external refining

ดังนั้นการศึกษาพัฒนาการมาตรฐานเหล็กเส้นจีนโดยถ่องแท้ จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับการทบทวนมาตรฐานเหล็กเส้นไทย ซึ่งแทบไม่มีการปรับปรุงด้านคุณสมบัติในการใช้งานเลยนับจาก มอก.เหล็กเส้นกลม ปี 2543 และ มอก.เหล็กข้ออ้อย ปี 2548 ที่เริ่มใช้มาเมื่อกว่า 25 ปี และ 20 ปีก่อน ตามลำดับ

กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ให้การทบทวน มอก. เหล็กเส้นก่อสร้างที่กำลังดำเนินอยู่ มีการพิจารณาในสาระสำคัญทุกประเด็น ไม่เฉพาะเรื่องเหล็กเกรดแผ่นดินไหว และจะเร่งผลักดันให้มี มอก.เหล็กชนิดอื่นๆ เช่น เหล็กโครงสร้างสำเร็จรูป ซึ่งมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างมากถึงประมาณ 7 แสนตันในปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานวัสดุใดๆเลย ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าประเทศไทยจะมีมาตรฐานเหล็กทุกประเภทใช้เป็นรากฐานในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งก่อสร้างและอุตสาหกรรมต่อเนื่องของประเทศ และจะสนับสนุนให้สมาชิกของกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กยึดมั่นในหลักการ “ความปลอดภัยสาธารณะ ต้องอยู่เหนือผลประโยชน์ทางธุรกิจ”

** อนันตเดช พงษ์พันธุ์ **

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top