จับกระแสพลังงาน : 21 ตุลาคม 2568

จับกระแสพลังงาน : 21 ตุลาคม 2568

วันอังคาร ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

 

** บมจ.ไทยออยล์....คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบรอบสัปดาห์นี้ (120-24 ต.ค. 68)…โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากสงครามทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ มีแนวโน้มตึงเครียดมากขึ้นเนื่องจากสหรัฐฯ ขู่ยกเลิกการค้าขายสินค้าบางประเภท ในขณะเดียวกันความขัดแย้งในตะวันออกกลางมีแนวโน้มคลี่คลายลงจากการแลกเปลี่ยนตัวประกันระหว่างอิราเอล และกลุ่มฮามาส และสหรัฐฯ พร้อมเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านพร้อมเรียกร้องให้ผู้นำอิหร่านยกเลิกการสนับสนุนผู้ก่อการร้ายและยอมรับอิสราเอลเป็นประเทศ อย่างไรก็ตาม IMF คาดการณ์ว่าตัวเลข GDP ในปีนี้จะเติบโตมากขึ้น ขณะที่ OPEC คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบปีนี้สูงขึ้น ทั้งนี้ ตลาดจับตาการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ที่จะเกิดขึ้นภายในเดือน ต.ค. 68…ไทยออยล์...คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 56-66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล…ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 58-68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล…


** ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 5/2568..ของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ...มีมติ “เห็นชอบอย่างท่วมท้น” อนุมัติให้บริษัทสามารถขยายกรอบการเจรจากับเจ้าหนี้ทุกราย เพื่อปรับแผนการชำระหนี้ภายในสิ้นปี 2568…** บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ประกาศปรับลดราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ ( NGV) ทั่วไป ลง 14 สตางค์ต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคาอยู่ที่ 17.16 บาทต่อกิโลกรัม มีผลระหว่างวันที่ 16 ต.ค. -15 พ.ย. 2568 จากเดือนที่ผ่านมาราคาอยู่ที่ 17.30 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยการปรับราคา NGV สำหรับรถยนต์ทั่วไป ทาง ปตท.จะพิจารณาทบทวนราคาทุกๆ 1 เดือน...ขณะที่การปรับราคา NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะ ล่าสุด รอบวันที่ 16 ต.ค.- 15 พ.ย. 2568 ราคามีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ 1.กลุ่มรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะ หมวด 1 และหมวด 4 (ไม่รวมรถ ขสมก.) ราคาคงเดิม อยู่ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม…กลุ่มรถโดยสารสาธารณะ หมวด 2 และหมวด 3 ราคาปรับลง 14 สตางค์ต่อกิโลกรัม อยู่ที่ 17.16 บาทต่อกิโลกรัม (เป็นราคาที่เท่ากับราคา NGV ทั่วไป อยู่ที่ 17.16 บาทต่อกิโลกรัม)…

** ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ได้มีมติเห็นชอบกรอบวงเงิน 9,000 ล้านบาท สำหรับการเปิดรับข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2569 ...โดยเตรียมนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาประมาณเดือน ต.ค.-พ.ย. 2568 และคาดว่าจะสามารถเปิดรับข้อเสนอโครงการได้ปลายปี 2568 ทั้งนี้น่าจะเบิกจ่ายงบได้ประมาณเดือน ก.ค. 2569….สำหรับโครงการฯ ในปี 2569 นี้ จะเป็นระบบเดียวกับโครงการฯ ปี 2568 ที่จะกำหนดการให้งบสนับสนุนโครงการเฉพาะหน่วยงานราชการแบบคนละครึ่ง คือหน่วยงานราชการที่ขอรับเงินสนับสนุนโครงการจะต้องออกเงินเอง 50% และได้รับงบกองทุนฯ อีก 50% เพื่อแก้ปัญหาการทิ้งโครงการในระยะยาว ซึ่งเจ้าของโครงการจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมลงทุนและมีแผนด้านการบำรุงรักษา…ส่วนโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีผู้ยื่นข้อเสนอมารวม 1,070 โครงการ คิดเป็นวงเงิน 13,488 ล้านบาท สูงกว่างบที่วางไว้สำหรับปี 2568 ที่ 2,750 ล้านบาท ในการพิจารณาของคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจะให้ความสำคัญกับโครงการในพื้นที่ทุรกันดาร ประชาชนยังไม่มีไฟฟ้าใช้เป็นหลัก ซึ่งในกลุ่มนี้มีข้อเสนอเข้ามาในวงเงินรวมประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยกองทุนมีวงเงินที่สามารถสนับสนุนได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท…ในส่วนราชการจะเน้นจัดสรรโครงการลักษณะ “คนละครึ่ง” คือผู้ขอรับทุนจะต้องร่วมจ่าย (Co-pay) ในโครงการครึ่งหนึ่งของงบโครงการ โดยมีโครงการที่ส่วนราชการยื่นข้อเสนอเข้ามาวงเงินประมาณ 2,400 ล้านบาท วงเงินที่จัดสรรได้มีประมาณ 500 ล้านบาท…ทั้งนี้ภาพรวมโครงการที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาจำนวนทั้งสิ้น 1,070 โครงการ รวมวงเงิน 13,488 ล้านบาท สามารถจำแนกเป็นโครงการด้านต่าง ๆ ได้ดังนี้ โครงการคนละครึ่ง ในส่วนราชการ จำนวน 290 โครงการ วงเงิน 2,444 ล้านบาท โครงการสนับสนุนประชาชนในพื้นที่ไม่มีไฟฟ้า จำนวน 129 โครงการ วงเงิน 2,203 ล้านบาท การสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการโรงงาน/อาคาร ฯลฯ รวม 348 โครงการ วงเงิน 3,873 ล้านบาท โครงการวิจัย 130 โครงการ วงเงิน 1,481 ล้านบาท โครงการสาธิต 112 โครงการ วงเงิน 2,785 ล้านบาท โครงการการพัฒนาบุคลากร และโครงการประชาสัมพันธ์ อื่นๆ รวม 61 โครงการ วงเงิน 702 ล้านบาท...

** ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC)…ประเมินว่า ธุรกิจโรงไฟฟ้าปี 2569 กลุ่มพลังงานหมุนเวียนเติบโตเด่น ขณะที่โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลถูกผลักดันให้เร่งปรับตัวเพื่อผลิตไฟฟ้าคาร์บอนต่ำ ปริมาณการใช้ไฟฟ้าผ่านระบบของการไฟฟ้าฯ ของไทยในปี 2569 จะเติบโตเพียงเล็กน้อยที่ 0.3%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน(YOY) ก่อนที่จะเติบโตเร่งขึ้นเฉลี่ยราว 2.9% ต่อปีในช่วงปี 2570–2572 ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่จะเติบโตในระดับต่ำ โดยคาดว่า GDP จะขยายตัวเพียง 1.5% ในปี 2569 และเฉลี่ย 2.3–2.5% ต่อปีในช่วง 2570–2572 ขณะเดียวกัน การใช้ไฟฟ้านอกระบบ หรือไฟฟ้าที่ผลิตเพื่อใช้เองโดยไม่ผ่านโครงข่ายของการไฟฟ้าฯ จะเติบโตสูงกว่าชัดเจน โดยคาดว่าในปี 2569 จะเพิ่มขึ้น 2.4% และเฉลี่ย 3.3% ต่อปีในช่วงปี 2570–2572 จากความต้องการใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรมที่หันมาใช้ระบบ SPP Direct (ผู้ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติในพื้นที่นิคมฯ ขายไฟฟ้าโดยตรงให้ผู้ใช้ไฟฟ้าโดยใช้สายส่งไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้าเอง) และ IPS-Renewable (ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าใช้เองจากพลังงานแสงอาทิตย์ Solar rooftop หรือพลังงานชีวมวลและก๊าซชีวภาพ) มากขึ้น จากการติดตั้ง Solar rooftop และการทำ Private PPA (ซื้อไฟฟ้าสะอาดโดยตรงจากผู้ผลิตโดยใช้สายส่งไฟฟ้าของตนเองหรือผู้ผลิตไฟฟ้า) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง…ค่าไฟฟ้าโดยเฉลี่ยทั้งปี 2569 คาดว่าจะปรับตัวลดลง มาอยู่ที่ราว 3.93 บาทต่อหน่วย ตามนโยบายลดค่าครองชีพของคณะรัฐมนตรี  เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติที่ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2568 รวมถึงการใช้ Claw back ที่ได้จากการไฟฟ้าฯ มาชำระคืนหนี้บางส่วนโดยขยายเวลาคืนหนี้ส่วนที่เหลือออกไปก่อน...**

** กระบองเพชร**

 

 

 

 

 

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top