กรุงศรี เผย 9 เดือนกำไร 2.46 หมื่นล้านบาทเพิ่ม 5.1%

กรุงศรี เผย 9 เดือนกำไร 2.46 หมื่นล้านบาทเพิ่ม 5.1%

วันอังคาร ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 10.15 น.

นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) รายงานผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิจำนวน 24,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี  2567 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น กำไรพิเศษที่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน บมจ. ติดล้อ โฮลดิ้งส์ (TIDLOR) ซึ่งบางส่วนสุทธิด้วยการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ สอดคล้องกับการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายและการชะลอตัวของเงินให้สินเชื่อ

ภายใต้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่มีความท้าทาย ส่งผลให้ความต้องการเงินให้สินเชื่อลดลง กรุงศรียังคงเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ระยะกลางและระยะยาวเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงิน และสร้างโอกาสการเติบโตในตลาดลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการ SME โดยการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน TIDLOR เพิ่มขึ้นจาก 30.18% เป็น 46.51% ในไตรมาสสามของปี 2568


“กรุงศรียังคงมุ่งมั่นดำเนินการตามกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับปีนี้ โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินอย่างรัดกุมต่อเนื่อง เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบระมัดระวัง นอกจากนี้ ธนาคารยังเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ระยะกลางและระยะยาวในการเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงิน รวมถึงการสร้างโอกาสการเติบโตในกลุ่มลูกค้ารายย่อยและ SME สะท้อนได้จากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น ใน บมจ. ติดล้อ โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นการต่อยอดความแข็งแกร่งของธนาคารในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่”

นายเคนอิจิ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เผชิญแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมของนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงเปราะบาง และอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแรง อย่างไรก็ตาม คาดว่าปัจจัยที่จะช่วยประคองการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสที่สี่ มาจากเสถียรภาพทางการเมืองที่ปรับตัวดีขึ้น กอปรกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มุ่งสนับสนุนการบริโภคและการท่องเที่ยวภายในประเทศ ทั้งนี้ กรุงศรียังคงประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2568 ที่ 2.1%

ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 กรุงศรีซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในระบบเศรษฐกิจไทยจากมูลค่าสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินรับฝาก และเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.95 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.72 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.59 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 336.98 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 20.23% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของคิดเป็น 16.02%

 

-031

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top