วันพุธ ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568
นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดเวทีสัมมนาใหญ่แห่งปี BAM SYMPOSIUM : New Era of AMC 2025 ครั้งที่ 1 ที่จัดโดย บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ [BAM] ว่า ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) ช่วยจัดการหนี้เสียไม่ให้กระทบต่อเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน และยังช่วยฟื้นฟูลูกหนี้รายย่อยให้กลับมามีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและใช้ชีวิตทางเศรษฐกิจได้อีกครั้ง และ BAM ถือเป็นกำลังหลักของประเทศในการช่วยดูแลปัญหาหนี้เสีย ทั้งในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจยังอยู่ในระยะฟื้นตัว ธปท. เชื่อว่า ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ สถาบันการเงิน และภาคธุรกิจ AMC จะช่วยสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และเปิดโอกาสใหม่ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้ในอีก 2-3 วันนี้ ธปท. เตรียมออกประกาศหลักเกณฑ์การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนบริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือ เจวีเอเอ็มซี โดยเปิดทางให้ธนาคารร่วมลงทุนกับบริษัทเอเอ็มซี จัดตั้งเจวีเอเอ็มซี เพื่อรับโอนหนี้ด้อยคุณภาพ หรือเอ็นพีแอลของประชาชน ซึ่งจะเป็นการออกเกณฑ์อีกครั้งหลังจากเพิ่งเปิดให้จัดตั้งในรอบแรกและสิ้นสุดไปเมื่อสิ้นปี 67 ที่ผ่านมา โดยครั้งนี้จะมีหลักเกณฑ์ใกล้เคียงของเดิม แต่จะขยายขอบเขตไปให้ธนาคารของรัฐเข้าร่วมได้มากขึ้น หวังแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทย
นอกจากนี้ ธปท. ร่วมกับกระทรวงการคลัง และสมาคมธนาคารไทย อยู่ระหว่างเจรจาหาข้อยุติการรับซื้อหนี้เสียเอ็นพีแอลประชาชนที่มีมูลหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท และไม่มีหลักประกัน โดยจะรับโอนหนี้เอ็นพีแอลและช่วยคนในรอบแรก 2 ล้านคน จากทั้งหมด 4 ล้านคน แบ่งเป็นหนี้เอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์ 7 แสนคน, นอนแบงก์ที่อยู่ภายใต้ธนาคารพาณิชย์ 8 แสนคน รับซื้อโดยบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท และหนี้เอ็นพีแอลแบงก์รัฐ 4-5 แสนคน รับโดยบริษัท บริหารสินทรัพย์ อารีย์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในอีก 1-2 สัปดาห์นี้ ส่วนในรอบที่สองเป็นกลุ่มนอนแบงก์ จะต้องมีการเจรจาขอความช่วยเหลือต่อไป
“ปัญหาเอ็นพีแอลในตอนนี้ยังไม่ใช่วิกฤติ แต่การอยู่ระดับสูงต้องรีบจัดการ แม้ระดับหนี้ครัวเรือนจะลดลงไม่มาก แต่การแก้ปัญหาจะมองถึงจำนวนราย ารแก้หนี้ผ่านการรับซื้อหนี้ครั้งนี้จะเปลี่ยนบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท หรือ SAM ให้เป็น Social AMC ส่วนบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ หรือ BAM เข้าช่วยเหลือคนพร้อมกับตอบสนองผู้ถือหุ้นทางธุรกิจ ปัจจุบันบริษัทเอเอ็มซีมีทั้งหมด 90 แห่ง และได้ดำเนินการอยู่ 45 หวังว่าจากนี้ เอเอ็มซีจะมีบทบาทมากขึ้นในการเข้าแก้ปัญหาหนี้เสียเอ็นพีแอล จากปัจจุบันรับซื้ออยู่ที่ 10% โดยคาดหวังว่าหลังจากนี้จะเพิ่มเป็น 20-30% อยากเห็นเอเอ็มซีรับซื้อหนี้เสียขยายตลาดในการช่วยคน ช่วยเอสเอ็มอี ช่วยสังคม และมีกำไรพอสมควร โดย รับซื้อเอ็นพีแอลมาปรับโครงสร้างและชำระในอัตราผ่อนปรน ลดดอกเบี้ย ไม่คิดค่าธรรมเนียม และไม่ต้องชำระเต็มจำนวน เพื่อให้หนี้เสียมาเป็นหนี้ดี เป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการแก้ปัญหาหนี้เสีย ลดปัญหาฟ้องร้อง ลดปัญหาเชิงสังคม” นายวิทัยกล่าว
ด้านนายรักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ท่ามกลางสัญญาณฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ยังเผชิญแรงกดดันจาก “หนี้ครัวเรือน” และ “หนี้ SME” ที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ BAM ในฐานะผู้นำธุรกิจบริหารสินทรัพย์ของประเทศ ต้องการใช้เวทีนี้เป็นพื้นที่สร้างความเข้าใจร่วมกันว่าบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ไม่ได้เป็นเพียงผู้จัดการหนี้หรือขายทรัพย์เท่านั้น แต่ยังสามารถเป็น “ฟันเฟืองสำคัญ” ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการลงทุน และพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน
“BAM ไม่ได้มองตัวเองเป็นเพียงผู้จัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ แต่เป็นผู้สร้างคุณค่าใหม่ให้ระบบเศรษฐกิจ ผ่านการพลิกฟื้นหนี้เสียให้กลายเป็นทรัพย์สินที่สร้างมูลค่า เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส และสร้างสมดุลใหม่ให้กับระบบเศรษฐกิจไทย” นายรักษ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี