วันพุธ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรระดับภูมิภาคของไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 614 ล้านบาท ชะลอตัว 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และ 4.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณการขนส่งสินค้าที่ลดลงในบางกลุ่มธุรกิจ รวมถึงค่าระวางปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 101.2 ล้านบาท เติบโต 0.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 37.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของกำไรในไตรมาสนี้ มาจากความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจหลัก (Organic) ที่บริษัทฯ พัฒนาและสร้างโอกาสมาโดยตลอดเพื่อลดการพึ่งพาปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศที่มีบริการ Multimodal Warehouse คลังสินค้ารองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ และ Airport Truck Link บริการรถบรรทุกเชื่อมต่อ 3 สนามบินหลัก (สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต) ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย โดยเรามุ่งหวังพัฒนาบริการเพื่อให้สอดคล้องกับการส่งเสริมประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ก็สามารถทำกำไรได้อย่างโดดเด่น และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทที่เข้าลงทุน (Inorganic) เพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา
ขณะที่ภาพรวม 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,788 ล้านบาท เติบโต 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจหลัก สำหรับกำไรสุทธิปรับลดลง 10.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากธุรกิจที่เข้าลงทุน (Inorganic) ได้แก่ บริษัท บริการภาคพื้นท่าอากาศยานไทย จำกัด หรือ AOTGA ที่ทริพเพิล ไอ ได้ลงทุนผ่าน บริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) หรือ SAL มีส่วนแบ่งกำไรลดลง เนื่องจากการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว และ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ ANI จากปริมาณสินค้าอีคอมเมิร์ซจากจีนลดลงในช่วงต้นปี
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/2568 คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตด้วยฐานที่แข็งแรงจากธุรกิจ Organic ทั้ง Multimodal Warehouse และ Airport Truck Link ที่จะขยายการให้บริการไปสู่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน เช่น สิงคโปร์ เมียนมา ลาว หลังจากที่ได้มีการขยายไปยังมาเลเซียแล้ว และกลุ่มโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตรายยังเปิดตัว ‘DGP Training’ เป็นผู้ให้บริการฝึกอบรมหลักสูตรด้านการจัดการขนส่งสินค้าอันตรายทางอากาศ โดยได้รับใบรับรองผู้ให้บริการจัดการฝึกอบรมจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) อีกทั้งมีปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจโลจิสติกส์และการท่องเที่ยว ซึ่งยังจะส่งผลดีต่อ AOTGA และ ANI อย่างชัดเจน ทั้งหมดนี้ดำเนินการควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนกลยุทธ์ Synergy 360° เพื่อผสานศักยภาพและสร้าง Ecosystem ภายในกลุ่มบริษัทและพันธมิตรเพื่อร่วมกันยกระดับประสิทธิภาพด้วยแผนงานเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และบริหารจัดการต้นทุน เพื่อมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ AOTGA ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลผู้ให้บริการภาคพื้นและคลังสินค้ารายที่ 3 ของสนามบินสุวรรณภูมิ คาดว่าจะลงนามในสัญญากับ AOT ภายในไตรมาส 4 นี้ โดยวางแผนเริ่มให้บริการและรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2569 ในส่วนการจัดตั้ง Cargo Airline หรือสายการบินขนส่งสินค้าเป็นของตนเองเพื่อให้บริการในเส้นทางที่มีดีมานด์และอัตรากำไรที่ดี อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในปลายปี 2569 เช่นกัน
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี