เก็บอากรนำเข้าสินค้าออนไลน์ ดีเดย์1ม.ค.69คาดรายได้เข้ารัฐกว่า3พันล้าน/ปี

เก็บอากรนำเข้าสินค้าออนไลน์ ดีเดย์1ม.ค.69คาดรายได้เข้ารัฐกว่า3พันล้าน/ปี

วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร แถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากเข้ารับตำแหน่ง เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงาน ว่า  ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคา 2569 กรมศุลกากรจะมีการเก็บอากรนำเข้า สำหรับสินค้าที่ขายอยู่ในแพลตฟอร์ม ออนไลน์ต่างๆ ที่เป็นสินค้าที่อยู่ในพิกัดภาษของกรมศุลกากรซึ่งมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 10-20 % ซึ่งจากตัวเลขปัจจุบันมูลค่าสินค้าที่นำเข้ามาขายกันอยู่ในแพลตฟอร์มต่างๆ และมีการสำแดงพิกัดสินค้าต่อกรมศุลกากร มีอยู่ประมาณปีละ 3.5-4 หมื่นล้านบาท ทำให้จากการประมาณการเบื้องต้น น่าจะเก็บอากรได้อย่างน้อยปี 3 พันล้านบาท

“ เรื่องนี้นอกจากเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศแล้ว ยังเป็นการสร้างความเป็นธรรมทางการค้าให้กับสินค้าในกลุ่ม SME ของไทยด้วย เพราะสินค้าในกลุ่มนี้ที่นำเข้ามานั้นไม่ได้สร้างเศรษฐกิจให้ประเทศไทยเลย ส่งตรงมาจากโรงงานถึงมือลูกค้า ต้นทุนย่อมตำกว่าสินค้าของผู้ประกอบการไทยแน่นอน ทำให้ SME ของไทยไม่มีทางแข่งขันได้ “ นายพันธ์ทองกล่าว


นอกจากนี้นายพันธ์ทอง ยังได้กล่าวถึง การดำเนินงานตามนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล ว่า จะเน้นบทบาทหลัก 3 ด้าน  ได้แก่  1. Trade Enabler – การใช้มาตรการทางศุลกากรเพื่อกระตุ้นให้เกิดการค้า โดย กรมศุลกากรจะมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านมาตรการทางศุลกากร เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการค้า โดยเร่งปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้า–ส่งออก ปรับกระบวนการตรวจสินค้าสู่มาตรฐานสากลเพื่อลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการที่สุจริต เร่งคืนภาษี เงินวางประกัน และเงินชดเชย เพื่อเพิ่มสภาพคล่องแก่ภาคธุรกิจ รวมทั้งยังสนับสนุนการจัดทำ FTAs เพื่อขยายตลาดส่งออกของประเทศ เพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ AEO (Authorized Economic Operator) ส่งเสริมการขนส่งสินค้าทางรถไฟ ปรับปรุงพิธีการถ่ายลำและผ่านแดน ลดระยะเวลาการตรวจปล่อยสินค้า รวมถึงเปิดโอกาสให้ ICD (Inland Container Depot) สามารถตรวจปล่อยสินค้าขาออกได้โดยตรง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชนอย่างแท้จริง

ส่วนบทบาทที่ 2. Social Protector  โดยการปกป้องสังคมจากสินค้าผิดกฎหมาย ซึ่ง                กรมศุลกากรจะดำเนินมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าทุ่มตลาด สินค้าปลอมแปลงถิ่นกำเนิด และสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน พร้อมเดินหน้าเตรียมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อควบคุมการจำหน่ายของผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังจะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการตรวจสอบสินค้า รวมถึงปรับอัตราการเปิดตรวจสินค้าให้เหมาะสมและเป็นไปตามมาตรฐานสากล

ขณะที่บทบาทที่ 3. Revenue Collector   เพื่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐอย่างเป็นธรรม ซึ่งกรมศุลกากรจะปรับมุมมองในการจัดเก็บภาษี จากเดิมที่มุ่งเน้นเฉพาะการจัดเก็บอากร ไปสู่การจัดเก็บภาษีทุกประเภทอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ภาษีเพื่อมหาดไทย หรือภาษีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมกันนี้ จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าที่ได้รับยกเว้นอากรแต่ยังต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงการพิจารณายกเลิกการกำหนด De minimis value เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการและเพิ่มรายได้ของรัฐ

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top