วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สำรวจพฤติกรรมการบริโภคชาวฮีสแปนิกในสหรัฐฯ ที่มีต่อการบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม พบให้ความสำคัญกับการบริโภคที่ดีต่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ชี้ไทยต้องจับกระแสให้ทัน และผลิตสินค้าป้อนความต้องการ เหตุไทยมีความโดดเด่นในการผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และมีนวัตกรรมที่โดดเด่น
นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจาก
นางสุปรารถนา กมลเวชช ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก สหรัฐฯ ถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของชาวฮีสแปนิก ที่ส่งผลกระทบต่อวงการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และโอกาสในการส่งออกอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และมีนวัตกรรม เพื่อเจาะตลาดโดยทูตพาณิชย์ได้รายงานว่า ปัจจุบันตลาดผู้บริโภคชาวฮีสแปนิกในสหรัฐฯ กำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่มีบทบาทสำคัญต่อวงการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในสหรัฐฯ
โดยล่าสุด สถาบันอาหารของสหรัฐฯ (The Food Institute) ระบุว่า ผู้บริโภคชาวฮีสแปนิกในสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค โดยหันมาให้ความสำคัญต่อการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อาหารปลอดกลูเตน มีไขมันต่ำ Non-GMO ไม่ใช้ GMO ที่ดัดแปลงพันธุกรรมมาใช้ในการผลิต แต่เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ จากพืช และมีรสชาติแท้ ซึ่งแนวโน้มนี้มีความชัดเจนมากขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มประชากรเชื้อสายอื่น ๆ ในสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานของ Numerator ระบุว่า เมื่อเทียบกับประชากรสหรัฐฯ โดยรวม ผู้บริโภคชาวฮีสแปนิก มีแนวโน้มเป็นวีแกนมากกว่าถึงร้อยละ 75 และมากกว่าร้อยละ 42 มีแนวโน้มเป็นมังสวิรัติ และมากกว่าร้อยละ 22 มีแนวโน้มหลี่กเลี่ยงอาหารที่มีกลูเตน ซึ่งแนวโน้มนี้กลายเป็นโอกาสสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารจากพืช (plant-based) ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะยอดขายชะลอตัวในช่วงหลัง
ขณะเดียวกัน พบว่า แบรนด์ดังระดับโลก มีการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยบริษัท PepsiCo และ Vilore Foods ต่างเร่งปรับตัว เตรียมรุกตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวฮีสแปนิกยุคใหม่ เมื่อต้นปี บริษัท PepsiCo ได้เข้าซื้อกิจการบริษัท Siete Family Foods ด้วยมูลค่า 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นแบรนด์อาหารเพื่อสุขภาพที่มีจุดขายด้านรสชาติท้องถิ่นผสมผสานกับคุณค่าทางโภชนาการเพื่อจับตลาดกลุ่มผู้บริโภค
ชาวฮีสแปนิก โดยเฉพาะเพื่อขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์แนวสุขภาพและอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมต่างชาติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการลงทุนในระยะยาวในตลาดที่มีศักยภาพสูง ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ของ Siete เช่น แป้งตอร์ตียาและขนมชิพที่ไม่มีกลูเตนและไม่ใช้ GMO ยังคงรักษารสชาติแบบดั้งเดิมและกระบวนการผลิตที่แท้จริง และบริษัท Vilore Foods ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท Tia Lupita Foods เมื่อเดือน ก.ค.2568 ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในการนำเสนอรสชาติแบบเม็กซิกันแท้ และการผสมผสาน วัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ ชี้ให้เห็นว่า นวัตกรรมอาหารในอนาคตจะเน้นทั้ง ความเป็นต้นตำรับ และคุณค่าด้านสุขภาพ
“ปัจจุบัน ประชากรชาวฮีสแปนิกในสหรัฐฯ มีจำนวน 68 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมดในสหรัฐฯ และยังมีพฤติกรรมการบริโภคที่เฉพาะตัว ส่งผลต่อเทรนด์สินค้าและการตลาดโดยตรง การเข้าใจและตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวฮีสแปนิก ไม่เพียงเป็นโอกาสทางการตลาด แต่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการเติบโตระยะยาวของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ผลิต ผู้ส่งออกไทย ที่ต้องการขายสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเจาะตลาดชาวฮีสแปนิก ต้องปรับผลิตภัณฑ์ การสื่อสาร และรสชาติ ให้สอดคล้องกับความต้องการด้านสุขภาพ และวัฒนธรรมของกลุ่มผู้บริโภคชาวฮีสแปนิก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลในการขับเคลื่อนเทรนด์การบริโภคในสหรัฐฯ โดยไทยมีความโดดเด่นด้านสุขภาพ นวัตกรรม มีอาหารหลากหลายเฉพาะกลุ่ม ทั้งมังสวิรัติ วีแกน ปลอดกลูเตน และสินค้า plant-based สามารถที่จะขยายตลาดได้” นางสาวสุนันทากล่าว
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี