CHAYO ทำผลงาน 9 เดือน กำไรพุ่ง 203 ล้าน ชี้ปี 69 ปีทองธุรกิจบริหารหนี้

CHAYO ทำผลงาน 9 เดือน กำไรพุ่ง 203 ล้าน ชี้ปี 69 ปีทองธุรกิจบริหารหนี้

วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 07.53 น.

นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ธุรกิจเจรจาติดตามเร่งรัดหนี้สิน ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ และกิจการศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า เปิดเผยว่า ผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 299.35 ล้านบาท และเป็นกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 203.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.53% จากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของกำไรขั้นต้นและรายได้ที่เพิ่มขึ้น

โดยรายได้รวมงวด 9 เดือนแรกปี 2568 อยู่ที่ 1,663.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนจำนวน 164.73 ล้านบาท หรือ 10.99% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพจำนวน 163.02 ล้านบาท โดยเป็นยอดจัดเก็บหนี้ที่ไม่มีหลักประกันและหนี้มีหลักประกันของหนี้ด้อยคุณภาพจำนวน 632.27 ล้านบาท ซึ่งมากกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 52.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.09% จากสาเหตุที่บริษัทได้ซื้อพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพชนิดไม่มีหลักประกันมาบริหารเพิ่มเติมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้บริษัทมีรายได้เพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับรายได้จากการให้บริการเร่งรัดหนี้สิน เพิ่มขึ้น 30.28% จากปริมาณงานและยอดจัดเก็บหนี้ในส่วนงานที่รับจากสถาบันการเงินได้มากขึ้น รวมทั้งรายได้จากการให้บริการจัดหาคนก็เพิ่มขึ้นสูงถึง 75.96% ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ว่าจ้างที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จากการปล่อยสินเชื่อให้กู้ยืมลดลง 14.15% ซึ่งเป็นผลจากการปล่อยสินเชื่อที่ลดลง โดยยอดลูกหนี้ให้กู้ยืม ณ สิ้น 30 มิถุนายน 2568 อยู่ที่ 929.17 ล้านบาท


สำหรับผลประกอบการในงวดไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 585.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 11.26% มีกำไรสุทธิ 61.91 ล้านบาท ลดลง 55.36% และเป็นกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 28 ล้านบาท สาเหตุหลักเป็นผลจากการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น จากการปรับประมาณการหนี้มีหลักประกันที่ครบ 5 ปี และการเพิ่มขึ้นของพอร์ตหนี้ไม่มีหลักประกันในช่วงปี 2567 

“ผลงานในไตรมาส 3/2568 แม้จะได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองด้านเครดิต (ECL) ที่เพิ่มขึ้นตามมาตรฐานการบัญชีและการปรับประมาณการของพอร์ตสินทรัพย์ที่มีหลักประกันครบ 5 ปี แต่ธุรกิจหลักและยอดการเก็บหนี้ไม่มีหลักประกันยังเติบโตแข็งแกร่ง สะท้อนจากงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 CHAYO มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่เพิ่มขึ้นเกือบ 13% โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้รวมที่ขยายตัวต่อเนื่อง และอัตรากำไรขั้นต้นที่เติบโตโดดเด่นในระดับเกือบ 90% ช่วยลดผลกระทบจาก ECL ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายสุขสันต์กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตบริหารหนี้รวมมากกว่า 107,000 ล้านบาท และยังคงเดินหน้ารับซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้ด้วยวงเงินอีก 100-200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทยังจับตาสถานการณ์ในเดือนธันวาคม หากมีการปล่อยขายหนี้เพิ่มและราคาปรับลดลง CHAYO ก็พร้อมเข้าซื้อเพิ่มเติมทันที จึงยังคงตั้งเป้าหมายรายได้ทั้งปี 2568 เติบโตจากปีก่อน 20% ไว้ดังเดิม หรืออย่างน้อยสามารถทำได้ไม่ต่ำกว่า 10% สาเหตุที่ยังไม่มีการปรับลดเป้า เพื่อสะท้อนถึงความมั่นใจในศักยภาพของธุรกิจและทิศทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง บริษัทเน้นไปที่หนี้ที่ไม่มีหลักประกันเป็นหลัก และยังอยู่ระหว่างการหาโอกาสร่วมมือกับภาครัฐในการบริหารหนี้ภาคประชาชนที่รัฐบาลตั้งใจซื้อออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชน ขณะที่สถานะทางการเงินปัจจุบันของบริษัทถือว่ายังมีความแข็งแกร่ง โดยมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ประมาณ 0.92 เท่า

ทั้งนี้ในปี 2569 มีแนวโน้มจะเป็นปีทองของธุรกิจบริหารหนี้ หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดทางให้ภาคเอกชนร่วมบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพกับสถาบันการเงินผ่านรูปแบบกิจการร่วมทุน (Joint Venture AMC) ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณงานและขยายฐานรายได้ของบริษัท โดยเฉพาะในธุรกิจบริหารหนี้ไม่มีหลักประกัน ซึ่งบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ สะท้อนจากพอร์ตลูกหนี้กว่าหลายล้านราย สัดส่วนราว 70% เป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน และส่วนใหญ่เป็นหนี้วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ถือเป็นพอร์ตที่บริษัทสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดย ธปท. เปิดกรอบเวลา 2 ปีสำหรับการยื่นขอจัดตั้ง JV AMC และให้สิทธิ์ดำเนินธุรกิจได้ยาว 15 ปี ซึ่ง CHAYO พร้อมเข้าร่วมเต็มที่ ทั้งด้านระบบบริหารจัดการ การดำเนินงานหลังบ้าน และความสามารถในการเชื่อมต่อข้อมูลกับเครดิตบูโร ผ่านระบบเทคโนโลยีของบริษัทที่รองรับงานตั้งแต่กระบวนการรับโอนสิทธิ์ การจัดการเอกสาร ไปจนถึงการประมวลผลข้อมูลของพอร์ตหนี้ทั้งมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน

จึงประเมินแนวโน้มปี 2569 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% โดยคาดว่าทั้งธุรกิจบริหารหนี้ และความคืบหน้าของโครงการ JV AMC จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมนำเสนอแผนต่อคณะกรรมการ เพื่ออนุมัติงบลงทุนจัดซื้อหนี้เพิ่มอีก 500–1,000 ล้านบาทในปีหน้า เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตหลังโครงการ JV AMC เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

- 030 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top