ต.ต.ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯร่วงต่อ ลูกค้ามีคำสั่งซื้อลดลง-สินค้าจีนทะลัก

ต.ต.ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯร่วงต่อ ลูกค้ามีคำสั่งซื้อลดลง-สินค้าจีนทะลัก

วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนตุลาคม 68 อยู่ที่ระดับ 87.3 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากระดับ 87.8 ในเดือนกันยายน 68 ซึ่งการปรับลดลงดังกล่าว เป็นผลมาจากหลายปัจจัย เช่น การส่งออกสินค้าคงทนปรับตัวลดลง โดยเฉพาะในหมวดรถยนต์สันดาป และเครื่องปรับอากาศ จากอุปสงค์ที่ชะลอตัวในตลาดออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา รวมถึงผลิตภัณฑ์ไม้ในตลาดจีน และมาเลเซีย ที่มีคำสั่งซื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ปัญหาการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ยังเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่คาดว่าจะส่งผลให้ GDP ของประเทศลดลงประมาณ 0.1% ต่อสัปดาห์ คิดเป็นมูลค่าราว 7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯโดยรวม

นอกจากนี้ การนำเข้าสินค้าจากจีน ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย.68 เพิ่มขึ้นถึง 33.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ส่งผลกระทบต่อยอดขายของผู้ผลิตในประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (+9.78%) เหล็ก (+9.23%) และพลาสติก (+16.28%) รวมทั้งความกังวลต่อสถานการณ์น้ำ และอุทกภัยที่ขยายวงกว้างในหลายพื้นที่ ยังคงส่งผลกระทบต่อผลผลิตของอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ตลอดจนการดำเนินธุรกิจ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาค อีกทั้งมูลค่าการค้าชายแดน และการค้าผ่านแดน ยังคงหดตัวต่อเนื่อง โดยในเดือนก.ย.68 มูลค่าการค้ากับเมียนมา ลดลงเหลือ 9,401 ล้านบาท (-40.8%) ขณะที่การค้ากับกัมพูชา ลดลงเหลือเพียง 11 ล้านบาท (-99.9%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ที่ระดับ 93.5 จากระดับ 91.8 ในเดือนก.ย.68 ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ผ่านการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เพื่อรับซื้อและปรับโครงสร้างหนี้เสียภาคครัวเรือน รวมถึงมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs โดยให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อในวงเงินขั้นต่ำ 50,000 บาท ซึ่งช่วยเสริมสภาพคล่อง และกระตุ้นการลงทุนในระบบเศรษฐกิจ

นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ระหว่างไทย-สหรัฐฯ ยังมีพัฒนาการในเชิงบวก โดยทั้ง 2 ประเทศ ได้บรรลุกรอบข้อตกลงการค้าต่างตอบแทน ซึ่งสหรัฐฯ ยังคงอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ไว้ที่ 19% พร้อมให้สิทธิยกเว้นภาษี (0%) แก่สินค้าบางประเภทจากไทย ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยในระยะถัดไป ขณะเดียวกัน การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน มีแนวโน้มผ่อนคลายลง โดยสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เหลือ 47% จากเดิม 57% ขณะที่จีนได้ผ่อนคลายข้อจำกัดในการส่งออกแร่หายาก ซึ่งช่วยคลี่คลายบรรยากาศทางการค้าโลก

อย่างไรก็ดี แม้จะมีสัญญาณเชิงบวกจากหลายปัจจัย แต่อุตสาหกรรมไทย ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงบางประการที่ต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะความกังวลต่อปัญหาธุรกิจสีเทา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศด้านการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ ค่าเงินบาทยังอยู่ในโซนแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อรายได้จากการส่งออก รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของภาคการท่องเที่ยวไทยในตลาดโลก

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top