ปณท. ทุ่ม1.5 พันล้านบาท ปั้น Tech Engine สู้ศึกอีคอมเมิร์ซ

ปณท. ทุ่ม1.5 พันล้านบาท ปั้น Tech Engine สู้ศึกอีคอมเมิร์ซ

วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 14.37 น.

นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า ในปี 2559 ปณท.มีแผนเตรียมจัดตั้ง Tech Engine ขึ้นมาในรูปแบบของ บริษัทร่วมทุน (Joint Venture - JV) หรือ บริษัทย่อย โดยโมเดลการตั้งบริษัทลูกขึ้นมาเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก ปัญหาการดึงดูดบุคลากร การดำเนินงานแบบรัฐวิสาหกิจทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินเดือนเพื่อดึงดูด AI Engineer หรือ ผู้พัฒนา (Developer ) ที่มีค่าตอบแทนสูงตามกลไกตลาดเอกชนได้ ซึ่งหากต้องการให้ Digital Transformation สำเร็จอย่างแท้จริง ปณท. จำเป็นต้องสร้างโครงสร้างที่สามารถดึงดูดบุคลากรคุณภาพเหล่านี้เข้ามาได้ โดยโมเดลนี้มีความคล้ายคลึงกับบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เช่น KTB มี Infinitas หรือ SCB มี Arize

ขณะเดียวกัน การสร้างความต่อเนื่อง การพึ่งพาการจ้างงานแบบโครงการ (Project-based) หรือการเปิด TOR (Terms of Reference) ในแต่ละปีจะทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีขาดความต่อเนื่องและเกิดความล่าช้า ดังนั้น การมี Tech Engine In-House ที่อยู่ภายใต้การกำกับของ ปณท. จะช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการอัปเดตและพัฒนาโซลูชันต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การอัปเดต Super App


อย่างไรก็ตามเบื้องต้น ปณท. อาจจะถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนนี้ประมาณ25% เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการและดำเนินการ โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะ Tech Partner แต่เป็นการมองหาพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้าน Tech ,Logistics, Retail, เพื่อเติมเต็มขีดความสามารถที่ขาดอยู่ เบื้องต้น อาจจะตั้งชื่อบริษัท “ไทยแลนด์ โพสต์”

ขณะเดียวกันในช่วงปลายปีนี้และปี 2569 ปณท. ได้วางยุทธศาสตร์ "Sustainovation"เพื่อนำพาองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยเป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเข้ามาพัฒนาโครงสร้างธุรกิจอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะการวางตำแหน่งไปรษณีย์ไทยสู่การเป็น Tech Post อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยโซลูชันหลัก 4 ด้าน 1.การขับเคลื่อนองค์กรด้วย AI เพื่อแก้ไขปัญหาและให้บริการได้ 24 ชั่วโมง 2.การเร่งพัฒนาบริการ D/ID (Delivery ID) 3.ยกระดับบริการ Prompt Post: พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ 4.เพิ่มประสิทธิภาพ Postman Cloud

นอกจากนี้ ปณท. ยังเตรียมทำการทดลองก่อนขยายผลเต็มรูปแบบ (Sandbox First) เนื่องจากเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และการลงทุนขนาดใหญ่มีความเสี่ยงสูง ปณท. จะเริ่มจากการทำ Sandbox เพื่อทดสอบเทคโนโลยีลับ ๆ (เช่น IoT และ AI) ในสาขาหรือพื้นที่ที่จำกัดก่อน เพื่อพิสูจน์ให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีนั้น ๆ เหมาะสมกับตลาดไทย และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน หรือเพิ่มรายได้จริงก่อนที่จะขยายผล (Scale-up) ในวงกว้างการขับเคลื่อน Digital Touch Point ที่กำลังจะเกิดขึ้นTech Engine ที่จะเกิดขึ้นนี้จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนการพัฒนา Digital Touch Point ที่กำลังจะเปิดตัวและต้องได้รับการพัฒนาต่อเนื่อง เช่น: Super App จะรวบรวมบริการทั้งหมดของ ปณท. เข้ามาไว้ในแอปพลิเคชันเดียว โดยจะมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ใช้ AI เข้ามาช่วย เช่น การ อ่านเลข Tracking จากสลิปอัตโนมัติ และการแสดงตำแหน่งพัสดุบน แผนที่แบบ Real-timeรวมถึงการให้ลูกค้าสามารถ Manage Delivery (เปลี่ยนจุดส่งของ) ได้เอง ซึ่งปณท.ได้ลงทุนงบประมาณ 1,500 ล้านบาท ในการวางระบบเทคโนโลยีทั้งหมด

นายดนันท์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค. - ก.ย.) ว่า ไปรษณีย์ไทยสามารถทำ รายได้รวม 16,860.73 ล้านบาท เติบโต 7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจหลัก มาจากกลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งสร้างรายได้กว่า7,990.28 ล้านบาท และมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นที่ 47.39% ของรายได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ปณท. ยังคงยืนยันเป้ารายได้รวมในปีนี้ที่ 22,500 ล้านบาท แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอกที่ทำให้รายได้จากธุรกิจระหว่างประเทศลดลง 10%

“สถานการณ์ของตลาดอีคอมเมิร์ซว่า ปณท. จำเป็นต้อง ไล่ตามให้ทันช่องทางการซื้อขายที่หลากหลาย ในโลกออนไลน์ (Social Commerce, e-Marketplace, Chatbot) ซึ่งเป็นตลาดที่เติบโต แต่ก็มีความท้าทายที่สำคัญคือการที่ผู้ให้บริการขนส่งต้องทำตามมาตรฐานที่ แพลตฟอร์ม กำหนดทั้งหมด ในการนี้ ปณท. เชื่อว่า รัฐบาลควรเข้ามา กำกับดูแล แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ที่ดำเนินกิจการในประเทศไทย เพื่อประโยชน์ของประชาชนและผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลให้ผู้ขายมีสิทธิในการ เลือกใช้บริการขนส่ง ที่ตนต้องการ เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการและลดภาระที่ถูกกำหนดโดยแพลตฟอร์ม รวมถึงการกำกับดูแลเรื่องคุณภาพสินค้าและการป้องกันการหลอกลวงบนแพลตฟอร์ม” นายดนันท์ กล่าว

นอกจากนี้ บริการขนส่งระหว่างประเทศถือเป็นอีกหนึ่งบริการเชิงกลยุทธ์ที่ ปณท. ให้ความสำคัญ โดยปริมาณงานในภาพรวมตั้งแต่ปี 2567-2568 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริการ EMS ที่ทำรายได้สูงสุดคิดเป็น 33.99% ของรายได้บริการส่งต่างประเทศทั้งหมดในปี 2569 ปณท.จะมุ่งเสริมมาตรฐานบริการข้ามแดนให้เทียบเท่าสากล และขยายความร่วมมือโลจิสติกส์กับปลายทางสำคัญทั่วโลก เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SME และผู้ค้าออนไลน์ สามารถเข้าถึงตลาดใหม่ได้ง่ายขึ้น

โดยล่าสุด ปณท ร่วมมือกับไปรษณีย์ลาว โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อขยาย International Business และบริการต่าง ๆ ในรูปแบบ Cross Border รวมถึงการขยายบริการ Cash on Delivery (COD) ข้ามแดน โดยให้ไปรษณีย์ลาวทำหน้าที่จัดเก็บเงินปลายทางให้กับผู้ประกอบการไทย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านและสร้างธุรกิจระหว่างประเทศให้เติบโต

-031

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top