วันอังคาร ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงมาตรการสนับสนุนสินเชื่อใหม่ โดยเฉพาะสินเชื่อ SMEs ว่า จากที่ผ่านมาสินเชื่อธุรกิจในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยหดตัวต่อเนื่องนาน โดยสินเชื่อธุรกิจโดยรวมขยายตัวติดลบต่อเนื่อง 5 ไตรมาส และสินเชื่อ SMEs ติดลบ 13 ไตรมาสติดต่อกัน ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยสาเหตุที่สินเชื่อธุรกิจหดตัวนั้น มาจากความไม่แน่นอนและภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งทำให้ความต้องการสินเชื่อ โดยเฉพาะของธุรกิจรายใหญ่ลดลง และสถาบันการเงินระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ จากต้นทุนความเสี่ยงด้านเครดิต หรือ credit cost ที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจปัจจุบันให้ไปต่อได้ จึงจำเป็นต้องมีกลไกที่ช่วยแชร์ความเสี่ยงกับสถาบันการเงินให้สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่แก่ธุรกิจที่มีศักยภาพได้มากขึ้น เพื่อให้เป็น engine of growth ของเศรษฐกิจ โดย ธปท.ร่วมกับกระทรวงการคลัง และภาคธนาคารพาณิชย์ อยู่ระหว่างการหารือเพื่อออกแบบกลไกค้ำประกันสินเชื่อ SMEs และยกระดับศักยภาพธุรกิจ โดยมีแหล่งเงินทุนจากการนำเงินที่ได้จากการปรับลดค่าธรรมเนียมที่ธนาคารพาณิชย์ต้องจ่ายให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) เช่น ถ้านำเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท มาตั้งกองทุนเพื่อชดเชยความเสียหายด้านเครดิตจากการปล่อยสินเชื่อใหม่แก่กลุ่มเป้าหมาย ก็น่าช่วยลด credit cost ที่เป็นต้นทุนความเสี่ยงให้กับสินเชื่อได้ประมาณ 100,000 ล้านบาท
“กลไกนี้ถูกออกแบบให้ตรงจุด คือ เน้นให้สินเชื่อใหม่แก่ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เช่น เกษตรและอาหารแปรรูป ค้าส่ง ค้าปลีก โรงแรม Wellness และผู้ประกอบการที่ยกระดับศักยภาพธุรกิจทั้งของตนเอง และธุรกิจใน supply chain หรืออื่นๆที่ต้องการส่งเสริมและเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยที่มีความสามารถในการแข่งขัน เช่น ปรับตัวให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Transition) โดยจะพิจารณากำหนดวงเงินเพื่อกระจายให้กับผู้ประกอบการได้อย่างเหมาะสม คาดสูงสุดไม่เกิน 50-100 ล้านบาทต่อราย ทั้งนี้เงินจะออกไม่ช้า เพื่อให้ช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ทันการณ์ รวมทั้งช่วย SMEs ให้เข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ซึ่งก็จะช่วยประคับประคองเศรษฐกิจได้มากขึ้นด้วย”นายวิทัย กล่าว
โดยจะมีกระบวนการขอรับเงินชดเชยที่ไม่ซับซ้อน สะดวกต่อการเบิกจ่าย และวงเงินชดเชยที่เพียงพอรองรับความเสียหายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 10-30% สำหรับ max claim โดย SMEs ทั่วไปมีความเสี่ยงที่ 20% เพื่อช่วยสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อใหม่ของสถาบันการเงิน ทั้งนี้คาดหวังว่าจะดำเนินการจัดตั้งเสร็จภายในสิ้นปี 2568 นี้ โดยใช้กลไกนี้ไปพลางระหว่างการหารือให้มีกลไกค้ำประกันเครดิตที่กว้างกว่า
นายวิทัย กล่าวว่า ธปท.พร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ยังมีช่องว่างให้สามารถลดลงได้อีก แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะออกมาในช่วงการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งหน้า ในวันที่ 17 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปี 2568 อย่างไรก็ตามยอมรับว่าการลดดอกเบี้ยมีผลจำกัด แต่สิ่งสำคัญคือการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
ส่วนเงินบาทที่แข็งค่าในขณะนี้ เกิดจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า รายได้จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยจากการส่งออกเร่งส่งออกในช่วงที่ผ่านมาที่มีปริมาณสูง ซึ่งที่ผ่านมาการแข็งค่าของเงินบาทสอดคล้องกับหลายสกุลเงินในภูมิภาค โดยมีบางประเทศที่ค่าเงินอ่อนค่าจากปัจจัยเฉพาะ เช่น เวียดนาม ที่ผู้ส่งออกบางส่วนไม่แลกรายได้จากดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินดอง และมีเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้น
“อย่างไรก็ตาม ธปท.ยอมรับว่าอยากเห็นค่าเงินบาทอ่อนค่าสอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจ พร้อมยอมรับว่าการดูแลค่าเงินบาทยังมีข้อจำกัด โดย ธปท.จะเข้าดูแลไม่ให้เงินบาทผันผวนเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามคาดว่าปี 2569 ค่าเงินบาทน่าจะมีทิศทางดีขึ้น จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่น่าจะลดลง”นายวิทัย กล่าว
ทั้งนี้เกณฑ์การพิจารณาของกระทรวงการคลัง (ในช่วง 12 เดือน) ที่อาจเข้าข่ายเป็นการบิดเบือนค่าเงิน (currency manipulator) ประกอบด้วย 3 ข้อ ได้แก่ 1.เกินดุลการค้าและบริการกับสหรัฐฯมากกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ 2.ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account: CA) มากกว่า 3% ของ GDP และ3.แทรกแซงค่าเงินด้านซื้อเงินตราต่างประเทศ (Forienge exchange) สุทธิรวมมากกว่า 2% ของ GDP
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี