ดัชนีราคาส่งออก - นำเข้า เดือนตุลาคม 2568 ขยายตัวต่อเนื่อง

ดัชนีราคาส่งออก - นำเข้า เดือนตุลาคม 2568 ขยายตัวต่อเนื่อง

วันพฤหัสบดี ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 11.49 น.

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (.สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออก และดัชนีราคานำเข้าของไทย เดือนตุลาคม 2568 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกัน ของปีก่อนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ตามคำสั่งซื้อในต่างประเทศและต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ สอดคล้องกับการนำเข้าของไทยที่ขยายตัวจากแรงกดดันใน

ห่วงโซ่อุปทานของวัตถุดิบ และการผลิตสำหรับส่งออก อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นโยบายกีดกันทางการค้า การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง และการแข็งค่าของเงินบาท อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวทางด้านราคาของไทยในระยะข้างหน้า โดยมีรายละเอียด ดังนี้


ดัชนีราคาส่งออก เดือนตุลาคม 2568 เท่ากับ 111.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 0.6 ตามคำสั่งซื้อจากประเทศคู่ค้าที่มีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากกลุ่มสินค้าทองคำ อิเล็กทรอนิกส์ และอาหาร ประกอบกับความต้องการบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปลายปี ส่งผลให้หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับสูงขึ้น ประกอบด้วยหมวดสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ได้แก่ ทองคำ ตามความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ

ตามความต้องการใช้งานเพื่อสนับสนุนการทำงานของ AI และ Data Center และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ตามต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทองแดง ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องปรับอากาศ

ที่ราคาสูงขึ้น และหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้นร้อยละ 0.9 ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ตามการขยายตัวของตลาดอาหารสำเร็จรูปในตลาดหลัก อาทิ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และยุโรป และอาหารสัตว์เลี้ยง

ตามความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกลดลง ประกอบด้วย หมวดสินค้าเกษตรกรรม ลดลงร้อยละ 6.6 ได้แก่ ข้าว ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง และยางพารา

ตามปริมาณผลผลิตในหลายประเทศที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้มีการแข่งขันด้านราคาสูงขึ้น และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ลดลงร้อยละ 10.3 โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูป ตามราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง

ดัชนีราคานำเข้า เดือนตุลาคม 2568 เท่ากับ 116.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวชะลอลงร้อยละ 3.1ปัจจัยหลักเป็นผลจากราคาสินค้าเชื้อเพลิงลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับการลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัวช้า และความต้องการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ดัชนีราคานำเข้ายังคงปรับตัวสูงขึ้นเกือบทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ขยายตัวชะลอลงร้อยละ 6.8

ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม และเครื่องประดับอัญมณี ตามความต้องการนำเข้าสินค้าจำเป็นและสินค้าฟุ่มเฟือยชะลอตัว จากกำลังซื้อประชาชนที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 โดยเฉพาะทองคำ ราคายังทรงตัวในระดับสูง ตามความต้องการสำรองทองคำของธนาคารกลางหลายแห่ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ ตามทิศทางราคาตลาดโลกของโลหะสำคัญเพิ่มขึ้น อาทิ ทองแดง และอะลูมิเนียมและปุ๋ย ราคายังทรงตัวสูงเมื่อเทียบกับปีก่อน ตามความต้องการใช้งานในภาคการเกษตร หมวดสินค้าทุน ขยายตัวชะลอลงร้อยละ 4.5 ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องมือ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การทดสอบ โดยการนำเข้าขยายตัวชะลอลงตามความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ขยายตัวเล็กน้อยร้อยละ 0.1 ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และส่วนประกอบและอุปกรณ์จักรยานยนต์

ตามความต้องการนำเข้าชิ้นส่วนเพื่อประกอบการผลิตในประเทศ และส่งออกเพิ่มขึ้น ขณะที่หมวดสินค้าเชื้อเพลิง หดตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.0 โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากกลุ่มโอเปกพลัสยังคงเพิ่มกําลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานส่วนเกิน

นายนันทพงษ์ ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดัชนีราคาส่งออก และดัชนีราคานำเข้า เดือนพฤศจิกายน ปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางสถานการณ์การค้าโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้ดัชนีขยายตัว ได้แก่ 1) ความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรแปรรูป และอาหารในตลาดโลกยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง 2) สินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยียังเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก ตามการขยายตัวของ AI และ Data Center รวมถึงวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

และ 3) ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่ 1) ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าหลัก 2) ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังมีแนวโน้มยืดเยื้อในหลายภูมิภาค3) ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าและมาตรการภาษีของประเทศคู่ค้าสำคัญ 4) ราคาสินค้าเกษตรสำคัญบางกลุ่ม ยังเผชิญกับปัญหาอุปทานส่วนเกิน และการแข่งขันทางด้านราคา 5) การแข็งค่าของเงินบาท และ6) การเร่งนำเข้าสินค้าของคู่ค้าต่างประเทศอาจชะลอตัว จากการเร่งนำเข้าไปจำนวนมากก่อนหน้านี้ ทำให้สต๊อกสินค้าอยู่ในระดับสูง

- 030 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top