วันจันทร์ ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2568
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) จัดงานแถลงความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพระบบแจ้งเตือนฉุกเฉินแห่งชาติ (Cell Broadcast) รับมือภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉิน จัดเสวนาหัวข้อ ‘ก้าวต่อไปพร้อมกับความร่วมมือการพัฒนาระบบแจ้งเดือนเพื่อความปลอดภัยให้กับประชาชน จากผู้แทน บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (NT) ระบบสื่อสาร Trunk Radio, คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) ระบบการเชื่อมต่อ TV, สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA ประสาน Platform, ตำรวจ 191 และ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ด้านมาตรฐานขั้นตอนการปฏิบัติงาน (SOP) ร่วมแบ่งปันเนื้อหาข้อมูลสำคัญร่วมกัน เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ณ ห้องประชุมออดิทอเรียม โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ
ดร.ณัฏฐวิทย์ สุฤทธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มสื่อสารไร้สาย บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กล่าวถึง NT ในฐานะผู้ให้บริการโทรคมนาคมทั้งไร้สายและมีสาย ได้เตรียมความพร้อมโครงข่ายสื่อสารที่มีฐานครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนการแจ้งเตือนภัยในพื้นที่เป้าหมายพร้อมกันทั่วประเทศ โดย NT มีบทบาทสำคัญในการเตรียมความพร้อมของโครงข่ายให้มีศักยภาพสูงสุด
สำหรับระบบการแจ้งเตือนภัยที่ดำเนินการอยู่คือ Cell Broadcast ซึ่งมีสองส่วนหลัก ส่วนแรกคือ CB D (Cell Broadcast for Disaster) ที่ทำงานร่วมกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และระบบรับข้อความแจ้งเตือนภัยที่มีอำนาจตามกฎหมายในการแจ้งประชาชน โดยผู้แจ้งเตือนจะส่งข้อมูลไปยังศูนย์ควบคุม Cell Broadcast ทั้งสามแห่งทั่วประเทศ และ NT เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการ (Operator) ที่ได้เตรียมความพร้อมรับมือและสนับสนุนระบบดังกล่าวอย่างเต็มที่
โดยก้าวต่อไปของ ก้าวต่อไปของ ‘Cell Broadcast’ ในช่องทางแรกที่คนไทยใช้งานมากที่สุด คือการแจ้งเตือนผ่านมือถือ ซึ่งมีผู้ใช้งานมากกว่า 90 ล้านเลขหมาย เทียบกับจำนวนประชากรราว 60 ล้านคน แต่ Cell Broadcast เองยังมีข้อจำกัด เพราะรองรับเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้เครือข่าย 4G และ 5G เท่านั้น ส่วนมือถือรุ่นเก่า หรือผู้ที่อยู่ในพื้นที่ไม่มีสัญญาณ จะไม่ได้รับข้อความเตือน
ทั้งนี้ NT จึงใช้ ‘โครงข่ายสื่อสารสองประเภท’ เสริมเพื่อให้ครอบคลุม ได้แก่
1.วิทยุสื่อสารระบบ Trunked Radio (Push-to-Talk) ใช้ในกลุ่มเฉพาะ เช่น หน่วยกู้ภัย นิคมอุตสาหกรรม โรงกลั่น หรือเหตุฉุกเฉินที่ต้องสื่อสารทันที
2.โครงข่ายวิทยุสื่อสารของภาครัฐ (DTRS) ที่กรมการปกครองนำไปใช้กว่า 60,000 หมู่บ้าน ผ่านระบบหอกระจายข่าว ช่วยกระจายสัญญาณเตือนภัยจากส่วนกลางแบบเรียลไทม์
นอกจากนี้ ยังมีระบบ วิทยุกระจายเสียง VTRF ที่ NT ใช้สำหรับบรอดคาสต์ข้อความสำคัญออกทั่วประเทศ ช่วยต่อยอดจาก Cell Broadcast ให้การสื่อสารถึงประชาชนได้ครอบคลุมขึ้น ยังมีระบบการสื่อสารทางทะเล NT มีระบบวิทยุสำหรับเดินเรือ ซึ่งแม้จะมีผู้ใช้งานจำกัด แต่เป็นช่องทางสำคัญสำหรับแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ด้านความปลอดภัยทางทะเล ตามมาตรฐานการเดินเรือสากล โดยมีหน่วยงานที่กำกับดูแลร่วมกัน เช่น บางกอก สเตอริโอ และได้ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่าวมือถือ นำรถโมบายล์สถานีฐานเคลื่อนที่ และระบบ Radio Trunk สนับสนุนการสื่อสารในพื้นที่วิกฤต พร้อมแบ่งกลุ่มการติดต่อ (Talk Group) เพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถประสานงานได้อย่างเป็นระบบและครอบคลุมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
นายสุภัทรสิทธิ์ สวนสุข ผู้อำนวยการส่วนวิศวกรรมโทรทัศน์ ระบบการเชื่อมต่อโทรทัศน์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) กล่าวถึงบทบาทบทบาทหลักของหน่วยงาน คือการผลักดันระบบเตือนภัยให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีภารกิจสำคัญ 2 ด้าน ได้แก่
1.กำหนดมาตรฐานพื้นฐาน ให้ผู้ให้บริการมือถือรองรับระบบ Cell Broadcast อย่างครบถ้วน ภายใต้กรอบกองทุน USO เพื่อให้ทุกค่ายสามารถรับ–ส่งข้อความเตือนภัยได้
2.ส่งเสริมการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและระบบเตือนภัยอย่างเคร่งครัด
ขณะที่ ด้านวิทยุคมนาคม มีบทบาทในการจัดสรรคลื่นความถี่กลางสำหรับการประสานงานระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงวางรากฐานสำหรับการพัฒนาระบบเตือนภัยในอนาคต ส่วนกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ จะได้รับการต่อยอดให้สามารถรองรับระบบแจ้งเตือนภัยในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้การเตือนภัยของประเทศพัฒนาไปอีกขั้น
สำหรับก้าวต่อไป กสทช. เตรียมเดินหน้าพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast ให้ครอบคลุมมากกว่าบนเครือข่าย 4G/5G โดยอยู่ระหว่างหารือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อขยายระบบแจ้งเตือนให้เข้าถึงทุกกลุ่มบริการโทรคมนาคม โดยในปีหน้าบอร์ด กสทช. ตั้งเป้าเชื่อมโยงสัญญาณเตือนภัยจาก ปภ. เข้าสู่สถานีวิทยุทั้ง AM และ FM กว่า 3,000 สถานีทั่วประเทศ เพื่อให้เมื่อเกิดเหตุไฟดับหรือเครือข่ายล่ม ประชาชนยังสามารถรับฟังสัญญาณเตือนภัยผ่าน FM ได้ตามปกติ
ด้านพลอย เจริญสมตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงาน พัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA กล่าวว่าหนึ่งในบทบาทสำคัญของหน่วยงาน คือการกำกับดูแลธุรกิจแพลตฟอร์มและสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะโซเชียลมีเดียและบริการแชทต่าง ๆ โดยปัจจุบันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสื่อสารด้านสาธารณภัยอย่างมาก โดย ETDA ทำหน้าที่เป็นช่องทางประสานให้ผู้ประกอบการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องไปยังประชาชนได้รวดเร็ว ครอบคลุม และปลอดภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการสื่อสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน และทำให้เครื่องมือที่ประชาชนใช้ในชีวิตประจำวันสามารถรองรับการแจ้งเตือนภัยได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุด
ก้าวต่อไปของ ETDA คือการพัฒนาแพลตฟอร์มเป็นช่องทางหลักในการเข้าถึงข้อมูลด้านความปลอดภัย โดยมีภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือจาก ปภ. (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อให้ข้อมูลสามารถกระจายต่อได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็วโดยการเข้าถึงข้อมูลผ่านแพลตฟอร์มต้องเป็น พื้นที่อินเทอร์แอคทีฟ ที่ประชาชนใช้ได้จริง เช่น การกระจายข้อมูลผ่าน เซลล์คาสต์ / พอดแคสต์ / ไลฟ์สตรีม รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยลดขั้นตอนการติดต่อแจ้งเหตุ เช่น ปุ่มตรวจสอบ “พื้นที่เสี่ยงภัย” แบบเรียลไทม์ ระบบแจ้งเตือนทันทีผ่านช่องทางโซเชียลเชื่อมข้อมูลร่วมกับฟีเจอร์ของแพลตฟอร์มใหญ่ (ตัวอย่างเช่น ฟีเจอร์ของ Facebook)
รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ด้านข้อปฎิบัติ SOP กล่าวถึงบทบาท ปภ. เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจในการส่งการแจ้งเตือนไปยังประชาชนโดยตรง และสามารถมอบอำนาจนี้ให้หน่วยงานเฉพาะทางในเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น การแจ้งเตือนแผ่นดินไหวที่มอบหมายให้กรมอุตุนิยมวิทยาเป็นผู้รับผิดชอบส่งสัญญาณเตือน ขณะที่ ก้าวต่อไป ปภ. ต้องทำหน้าที่เป็น “หน่วยงานแรก” ที่รับข้อมูลข่าวสารและเป็นศูนย์กลางการทำงานภายใต้ระบบแจ้งเตือนภัยร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการตัดสินใจต้องอยู่ภายใต้ SOP ที่ชัดเจน
พร้อมเสนอมาตรฐานสากล กรณีตัวอย่างจากญี่ปุ่นและสเปน หลายประเทศ ได้ แบ่งสัดส่วนความรับผิดชอบของการแจ้งเตือนอย่างชัดเจน เช่น ภัยสึนามิ สงคราม และ ภัยคุกคามระดับชาติ ขณะที่การแจ้งเตือนระดับท้องถิ่นที่ต้องดำเนินการโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเอง
สำหรับอนาคตของระบบเตือนภัยไทย อาจมีการใช้ระบบ ‘CBE Broker’ ส่งการแจ้งเตือนไปยังทุกจังหวัดแบบครอบคลุม ขณะที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องมีศักยภาพเพียงพอในการประเมินสถานการณ์ และติดตั้งระบบ CBE เพื่อให้สามารถลดความเสียหายได้มากถึง 30% ระบบแจ้งเตือนที่มีประสิทธิภาพต้องผสมผสานทั้งเทคโนโลยีมาตรฐานสากล และการสื่อสารระดับพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมการบูรณาการรอบด้านทั้งระบบและการตระหนักรู้ของภาคประชาชนร่วมกัน
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี