ธุรกิจปรับกลยุทธ์ฝ่าวิกฤติ อัดโปรโมชั่นแรงประคองยอดขาย

ธุรกิจปรับกลยุทธ์ฝ่าวิกฤติ อัดโปรโมชั่นแรงประคองยอดขาย

วันพุธ ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ(REPORT ON BUSINESS SENTIMENT INDEX) เดือนพฤศจิกายน 2568ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50.0 ตามองค์ประกอบด้านคำสั่งซื้อการผลิตและต้นทุนโดยความเชื่อมั่นภาคที่มิใช่การผลิตปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนโดยเฉพาะด้านคำสั่งซื้อและปริมาณการให้บริการนำโดยกลุ่มโรงแรมและร้านอาหาร ส่วนหนึ่งจากผลดีของโครงการเที่ยวดีมีคืนและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติระยะใกล้เช่น อาเซียน เกาหลี และจีน ที่ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในหลายประเทศ รวมทั้งกลุ่มค้าปลีกที่ความเชื่อมั่นของร้านค้าปลีกขนาดเล็กปรับเพิ่มขึ้นมาก ส่วนหนึ่งจากผลดีของโครงการคนละครึ่งพลัสที่สนับสนุนการใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งเสื้อผ้า

ส่วนความเชื่อมั่นภาคการผลิตทรงตัวจากเดือนก่อนนำโดยกลุ่มผลิตอาหารที่ความเชื่อมั่นด้านการผลิต คำสั่งซื้อ และผลประกอบการ ปรับเพิ่มขึ้นมากจากในหลายกลุ่มสินค้า 1) อาหารสำเร็จรูป เช่น ทูน่ากระป๋องและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่ได้รับผลดีจากโครงการคนละครึ่งพลัสและผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่


2) น้ำมันปาล์ม ที่อุปสงค์การส่งออกไปยังตลาดอินเดียเติบโตดี และปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ความเชื่อมั่นของกลุ่มผลิตยานยนต์ปรับลดลงมาก โดยเฉพาะด้านผลประกอบการ และการผลิต ส่วนหนึ่งจากความกังวลชิปขาดแคลนที่อาจกระทบการผลิตรถยนต์ค่ายยุโรปและญี่ปุ่น อีกทั้งการชะลอการผลิตและคำสั่งซื้อก่อนการจัดงาน Motor Expo ในเดือนธันวาคม

ในอีก 3 เดือนข้างหน้าดัชนีฯปรับเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 มาอยู่ที่ระดับ 53.4 ตามองค์ประกอบด้านต้นทุนและการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นแม้การลงทุนปรับลดลง โดยความเชื่อมั่นภาคที่มิใช่การผลิตปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนนำโดยกลุ่มการค้าที่ความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการและปริมาณการค้าปรับเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งจากความคาดหวังโครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 ที่จะเริ่มบังคับใช้ในช่วงต้นปี 2569 อีกทั้งกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวอาทิ กลุ่มโรงแรมและร้านอาหาร และกลุ่มขนส่งผู้โดยสาร ที่ความเชื่อมั่นปรับเพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้ความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนความเชื่อมั่นภาคการผลิตปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนนำโดยกลุ่มผลิตเหล็กอาทิ เหล็กเส้นสำหรับการก่อสร้าง ที่ความเชื่อมั่นปรับเพิ่มขึ้นจนอยู่เหนือระดับ 50เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน คาดว่าเป็นผลจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนภาครัฐก่อนการครบวาระของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อและการผลิตปรับเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่ความเชื่อมั่นธุรกิจการผลิตอื่นๆ ทรงตัว

ดัชนีความเชื่อมั่นด้านอื่นๆเช่น ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนในปัจจุบันทรงตัวจากเดือนก่อน จากทั้งธุรกิจภาคการผลิตและภาคที่มิใช่การผลิต สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอนโดยธุรกิจเลือกลงทุนเฉพาะส่วนที่ใช้เม็ดเงินไม่สูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนแรงงานได้อาทิกลุ่มผลิตอาหารและยางพาราแปรรูปที่มีการลงทุน automation ในเครื่องจักรเดิมเพื่อลดของเสีย(waste)ในการผลิตและใช้เลเซอร์ควบคุมคุณภาพการผลิตแทนการใช้แรงงาน

การปรับราคาสินค้าได้ยากเป็นอุปสรรคอันดับแรกที่ธุรกิจมีความกังวลท่ามกลางแรงกดดันจากอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ และการแข่งขันที่รุนแรงจากทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อรักษายอดขายผ่านการทำโปรโมชันถี่ขึ้น รุนแรงขึ้น และครอบคลุมสินค้าที่หลากหลายขึ้นทั้งในสินค้าอาหารสำเร็จรูป และเครื่องประกอบอาหาร อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในอีก 12 เดือนข้างหน้าปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 2.2%

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top