นายสมชาย สุวจิตตานนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจอ้อยและน้ำตาล กลุ่มบริษัทเกษตรไทยอินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่นหรือกลุ่ม KTIS  เปิดเผยว่าวันที่ 12-15 ธันวาคม 2568  โรงงานน้ำตาล 3 แห่งในกลุ่ม KTIS จะเริ่มเปิดรับอ้อยเข้าหีบประจำฤดูการผลิตปี2568/2569 คาดว่าจะมีปริมาณอ้อยมากกว่าปีก่อนไม่น้อยกว่า 15% เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ดี ทำคุณภาพอ้อยหรือค่าความหวานดีขึ้นเมื่อผลผลิตน้ำตาลทรายต่อตันอ้อยสูงขึ้นก็จะส่งผลต่อปริมาณผลผลิตน้ำตาลทรายโดยรวมเพิ่มขึ้นมากกว่า 15% ด้วยเช่นกัน

“ในฤดูการผลิตปี 2567/2568 กลุ่ม KTIS มีอ้อยเข้าหีบ 6.4 ล้านตันคาดว่าปี 2568/2569 จะมีอ้อยเข้าหีบ 7.4-7.5 ล้านตัน ถือว่าเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของกลุ่มเพราะจะทำให้มีวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากขึ้นทั้งโรงงานผลิตเยื่อกระดาษจากชานอ้อย โรงไฟฟ้าชีวมวล รวมถึงโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากเยื่อชานอ้อยบริสุทธิ์ 100%” นายสมชายกล่าว

ผลการดำเนินงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตหรือปริมาณการขายเท่านั้นแต่ยังขึ้นอยู่กับราคาขายด้วยโดยในปี 2568  ราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกลดต่ำทำให้ราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยปีที่ผ่านมาลดลงกว่า 22%  ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลนอกจากจะได้รับผลกระทบจากราคาขายเฉลี่ยที่ต่ำกว่าปีก่อนกว่า33% แล้ว ยังได้รับผลกระทบจากปริมาณการขายที่ลดต่ำเพราะความไม่ต่อเนื่องในนโยบายภาครัฐในการสนับสนุนการใช้แก๊สโซฮอล์ทำให้ความต้องการเอทานอลลดไปมาก

“ความต้องการใช้และราคาเอทานอลที่ลดลงส่งผลกระทบไปถึงกิจการร่วมค้าระหว่างกลุ่ม KTIS กับกลุ่มปตท. เพราะรายได้หลักมาจากการผลิตและจำหน่ายเอทานอลอย่างไรก็ตามผลกระทบที่หนักที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้วและจะเริ่มดีขึ้นจากการร่วมกันแก้ไขปัญหาของกลุ่มKTIS และกลุ่มปตท.”

ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลที่มีรายได้เติบโต24% ในปี 2568 ถือว่าโดดเด่นที่สุดในทุกสายธุรกิจก็ยังจะเติบโตต่อเนื่องในปี2569 จากปริมาณชานอ้อยที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น

สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษจากชานอ้อยก็ได้รับผลดีจากการที่มีโรงงานผลิตภาชนะและบรรจุภัณฑ์เยื่อกระดาษย้ายฐานการผลิตมาจากประเทศจีนทำให้ความต้องการใช้เยื่อกระดาษชานอ้อยในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น