เฟด ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ตามคาด คาดการณ์ลดดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีหน้า

เฟด ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ตามคาด คาดการณ์ลดดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีหน้า

วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 13.16 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ในการประชุม FOMC วันที่ 9-10 ธ.ค. 2568 เฟดมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 3 เสียงปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ลงมาอยู่ที่ 3.50-3.75% ซึ่งเป็นการลดครั้งที่ 3 ติดต่อกันในปี 2568 ตามที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้

•มุมมองของคณะกรรมการเฟดมีความแตกต่างมากขึ้น สะท้อนความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในปี 2569 โดย 9 เสียงสนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สะท้อนความเชื่อว่าเศรษฐกิจเริ่มชะลอ การจ้างงานอ่อนแรงลง และอัตราว่างงานปรับสูงขึ้น แม้เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ประธานเฟดสาขาชิคาโก Austan Goolsbee และประธานเฟดแคนซัสซิตี Jeffrey Schmid ลงคะแนนไม่เห็นด้วยต่อการลดดอกเบี้ย ส่วนผู้ว่าการเฟด Stephen Miran เสนอให้ลดดอกเบี้ยถึง 0.50% ส่งผลให้การลงคะแนนครั้งนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2562 ที่มีกรรมการเฟดถึงสามคนไม่เห็นด้วยกับมติ


•เฟดจะกลับมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลอีกครั้ง หลังจากประกาศหยุดการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ในการประชุม FOMC เดือนต.ค. 2568 โดยในการประชุมครั้งนี้ เฟดระบุว่าจะเริ่มซื้อพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ฯ ในวันที่ 12 ธ.ค. 2568 เพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาดการเงินและเศรษฐกิจ รวมทั้งช่วยให้เฟดสามารถควบคุมกรอบอัตราดอกเบี้ยในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

•เฟดส่งสัญญาณว่าการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมยังมีความไม่แน่นอน โดยยังคงคาดการณ์ลดดอกเบี้ยหนึ่งครั้งในอัตรา 0.25% ในปี 2569 โดยเฟดมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ยเพื่อรอความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่เผยแพร่ในการประชุมครั้งนี้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจ และปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2568-2569 ขณะที่คงคาดการณ์อัตราว่างงานคงเดิมเมื่อเทียบกับการประชุมก่อน

•หลังการประกาศผลการประชุม FOMC ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวลดลง และดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง หลังการส่งสัญญาณของประธานเฟด Jerome Powell มีความโน้มเอียงไปทาง Dovish มากขึ้น โดยเน้นย้ำความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดแรงงาน ขณะที่ลดน้ำหนักความกังวลด้านเงินเฟ้อลง โดยมองว่าผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้ามีลักษณะเป็นครั้งเดียว และเงินเฟ้อน่าจะขึ้นถึงจุดสูงสุดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2569 หากไม่มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้ารอบใหม่เพิ่มเติม

ในปี 2569 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า เฟดมีแนวโน้มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกราว 2-3 ครั้ง มากกว่าค่ากลางของเฟดที่ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง และสอดคล้องกับตลาดที่คาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้งในปีหน้า  โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2569 มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากในปีนี้ แม้การลงทุนด้าน IT ที่ยังคงแข็งแกร่งและผลความมั่งคั่งจากตลาดหุ้นที่ปรับตัวดีจะช่วยพยุงเศรษฐกิจท่ามกลางแรงกดดันจากมาตรการภาษีที่สูงขึ้น แต่สัญญาณอ่อนแรงเริ่มปรากฏทั้งในตลาดแรงงานและภาคการผลิต โดยแม้การลงทุนใน AI จะช่วยยกระดับผลิตภาพ แต่อาจทำให้การจ้างงานลดลง ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคก็มีแนวโน้มชะลอลง โดยเฉพาะในกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อยถึงปานกลาง

อย่างไรก็ดี จังหวะการปรับลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้าคงขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ออกมาเป็นสำคัญ นอกจากนี้ การสิ้นสุดวาระของประธานเฟด Jerome Powell ในเดือนพ.ค. 2569 เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ตลาดต้องจับตา ซึ่งประธานาธิบดี Donald Trump มีแนวโน้มเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่ที่มีจุดยืนผ่อนคลายนโยบายการเงินมากกว่าเดิม

- 030 

 

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top