รมว.พาณิชย์ หารือผู้บริหาร LuLu Group International หวังพิ่มนำเข้าสินค้าไทยป้อนตะวันออกกลางและตลาดโลก

รมว.พาณิชย์ หารือผู้บริหาร LuLu Group International หวังพิ่มนำเข้าสินค้าไทยป้อนตะวันออกกลางและตลาดโลก

วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 13.57 น.

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมงานเปิดสำนักงานแห่งใหม่ของ บริษัท May Exports (Thailand) Co., Ltd. ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์จัดซื้อสินค้าจากไทยให้กับเครือ LuLu Group International หนึ่งในกลุ่มค้าปลีกชั้นนำของภูมิภาคตะวันออกกลาง ณ ห้อง Ballroom ชั้น 4 ซอยสุขุมวิท 39 กรุงเทพฯ เพื่อผลักดันสินค้าไทยสู่ตลาดตะวันออกกลาง และประเทศอื่น ๆ  ที่กลุ่ม Lulu ทีเครือข่ายค้าปลีก เช่น อินเดีย อียิปต์ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อมุ่งเน้นช่วยกระจายรายได้สู่เกษตรกรและผู้ประกอบการไทย และสร้างความร่วมมือทางการค้าระดับภูมิภาคที่ยั่งยืน

ภายในงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นางสาวกิริฎา เภาพิจิตร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ นางปิยนุช วุฒิสอน คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือกับ Mr. M.A Yusuff Ali, Chairman & Managing Director of LuLu Group International และ Mr. Said Abdul Anees, Managing Director of May Exports (Thailand) เพื่อหารือแนวทางขยายการนำเข้าสินค้าไทยสู่เครือข่ายค้าปลีกในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) โดยเฉพาะการผลักดันการส่งออกข้าวไทย และผลิตภัณฑ์จากข้าว ทั้งนี้ รมว.พณ. ได้ให้ข้อมูลผู้ส่งออกสินค้าของไทยในหมวดดังกล่าวแก่ทางบริษัท เพื่อพิจารณานำเข้าสินค้าดังกล่าวจากไทยต่อไป


โดยนางศุภจี ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อบริษัท May Exports (Thailand) ในโอกาสการย้ายสำนักงานมายังที่ใหม่ ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์มีความร่วมมือกับ LuLu Group มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าและการจับคู่ธุรกิจหลายครั้ง เพื่อผลักดันสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดต่างประเทศผ่านเครือข่ายค้าปลีกของ LuLu Hypermarket ในหลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และอียิปต์ โดยล่าสุด นางศุภจีได้นำคณะผู้บริหาร เยือนซาอุดีอาระเบีย และไปเปิดงาน Thailand Halal Food Festival 2025 ณ ห้างสรรพสินค้า LuLu Hypermarket ที่ริยาด ด้วย

นางศุภจีระบุว่า ไทยมีศักยภาพสูงด้านความมั่นคงทางอาหารและอุตสาหกรรมเกษตร–อาหาร เนื่องจากภาครัฐ เอกชน เกษตรกร และภาควิจัยทำงานร่วมกันอย่างแข็งแกร่ง ทำให้สินค้าเกษตรและอาหารของไทยได้มาตรฐานสากล และพร้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดโลก พร้อมเป็น Food Security ให้กับพันธมิตรสำคัญ

นอกจากนี้ ไทยยังมีอุตสาหกรรมศักยภาพอื่น เช่น เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ของใช้ภายในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงบริการด้านการท่องเที่ยว

โดยในการหารือ นางศุภจีได้ขอบคุณ LuLu Group ที่นำเข้าสินค้าไทยอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ปี 2541 และทราบว่า Lulu Group มีเป้าหมายในการขยายโอกาสให้กับสินค้าไทยระดับพรีเมียมและนวัตกรรมในหลากหลายประเภทสู่ตลาดต่างประเทศ ผ่านเครือข่ายของ Lulu Group จึงเสนอให้พิจารณาขยายหมวดสินค้านำเข้าเพิ่มเติม โดยเฉพาะสินค้าเกษตรพรีเมียมของไทย เช่น ข้าว มะขาม มะม่วง ลำไย มะพร้าวน้ำหอม และมังคุด รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์การบริโภคเพื่อสุขภาพ เช่น “ข้าวไรซ์เบอร์รี่” ซึ่งมีปริมาณน้ำตาลต่ำและได้รับความนิยมในตลาดสากล และสินค้านวัตกรรม เช่น อาหารจากพืช และเครื่องดื่มสุขภาพ รวมทั้งสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ซึ่งมีคุณภาพสูงตอบโจทย์ประเทศที่มีศักยภาพสูงอย่างประเทศในแถบตะวันออกกลาง

พร้อมกันนี้ ยังได้เชิญ LuLu Group เข้าร่วมงานแฟร์สำคัญของไทยในปี 2569 ได้แก่ งาน THAIFEX – HOREC Asia วันที่ 11–13 มีนาคม 2569 และ THAIFEX – Anuga Asia วันที่ 26–30 พฤษภาคม 2569 เป็นต้น เพื่อพบปะภาคเอกชนไทยและต่อยอดความร่วมมือในสินค้าและบริการหลากหลายหมวด

โดย LuLu Group International ก่อตั้งขึ้นในปี 2538 โดย Mr. M.A Yusuff Ali, Chairman and Managing Director มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดำเนินธุรกิจค้าปลีกครบวงจร ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ และช่องทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันของบริษัท รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญในภูมิภาค และเป็นแพลตฟอร์มสั่งอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ธุรกิจโดดเด่นของกลุ่ม ได้แก่ LuLu Hypermarket

กลุ่มบริษัทมีรายได้ประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 270,000 ล้านบาท) มีผู้ใช้บริการมากกว่า 650,000 รายต่อวัน จำหน่ายสินค้ากว่า 200,000 SKU และมีพนักงานมากกว่า 65,000 คนทั่วโลก ปัจจุบัน LuLu Group มีสาขามากกว่า 260 แห่ง ในตะวันออกกลาง อินเดีย อียิปต์ และในเอเชีย เช่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย พร้อมตั้งเป้าขยายเพิ่มเติมอีก 30 สาขาภายในปี 2568

ซึ่งสินค้าที่ LuLu นำเข้าจากไทยมีทั้งผัก–ผลไม้สด (เช่น ข่า ตะไคร้ พริก เห็ด ลำไย มังคุด มะพร้าวน้ำหอม ฯลฯ) วัตถุดิบอาหารและซอสปรุงรส อาหารแช่แข็ง อาหารแปรรูป เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และสินค้าอุปโภคต่าง ๆ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์และอาหารสัตว์เลี้ยง

ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ได้ร่วมมือกับ LuLu Group International อย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขายใน LuLu Hypermarket และการจับคู่เจรจาธุรกิจ เพื่อผลักดันสินค้าไทยสู่ตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนืออย่างเป็นรูปธรรม

- 030 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top