กนอ. ผนึกพันธมิตร คิกออฟนำร่อง“ตรวจป(ล)อดภัย ด้วย AI” ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานสู่ความยั่งยืน

กนอ. ผนึกพันธมิตร คิกออฟนำร่อง“ตรวจป(ล)อดภัย ด้วย AI” ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานสู่ความยั่งยืน

วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 16.17 น.

พลตำรวจโท อิทธิพร โพธิ์ทอง ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายสุชาติ ชมกลิ่น ) เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมสุขภาพและสวัสดิภาพของบุคลากรในเขตนิคมอุตสาหกรรม ประเดิมกิจกรรมแรก “ตรวจป(ล)อดภัย ด้วยนวัตกรรม AI” ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี โดยระบุว่า การพัฒนาประเทศในยุคปัจจุบัน ต้องอาศัยการบูรณาการระหว่าง ‘อุตสาหกรรม สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม’ อย่างสมดุล สุขภาพของแรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจที่มีความเชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อม การที่ภาครัฐและเอกชนร่วมกันนำเทคโนโลยี AI-assisted Chest X-ray มาใช้คัดกรองเชิงรุก จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงการจัดการสิ่งแวดล้อมกับการคุ้มครองสุขภาพแรงงานให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ. มุ่งมั่นขับเคลื่อนนิคมอุตสาหกรรมไทยสู่การเป็นพื้นที่เศรษฐกิจชั้นนำ ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต ตามแนวทาง การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco-Industrial Town) ข้อมูลจากการตรวจคัดกรองด้วย AI ในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘ความร่วมมือเชิงระบบ’ ที่ช่วยให้ กนอ. และหน่วยงานพันธมิตร มีฐานข้อมูลสุขภาพแรงงานเชิงประจักษ์ เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายและแนวทางการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่ โดย กนอ. ตั้งเป้าขยายผลการดำเนินงานสู่นิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับระบบสุขภาพแรงงานไทย ซึ่งจะช่วยยกระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อนิคมอุตสาหกรรมไทยในระยะยาว


นางโสมรสา พงษ์เพิ่มพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและกิจการองค์กร บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แอสตร้าเซนเนก้า มุ่งมั่นใช้วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเพื่อยกระดับสุขภาพของผู้คน และสร้างระบบสุขภาพที่เข้มแข็งและยั่งยืนให้กับประเทศไทย การดำเนินงาน ‘โครงการด้านสังคมส่งเสริมสุขภาพและสวัสดิภาพของบุคลากรในเขตนิคมอุตสาหกรรม’ แสดงให้เห็นพลังของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และพันธมิตรด้านเทคโนโลยีสุขภาพ ที่มุ่งมั่นให้แรงงานไทยได้เข้าถึงการตรวจสุขภาพเชิงป้องกันและคัดกรองโรคระบบทางเดินหายใจตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตด้วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและมะเร็งปอด แอสตร้าเซนเนก้า พร้อมเป็นพันธมิตรระยะยาวกับทุกภาคส่วนในการยกระดับการดูแลสุขภาพที่เน้นการป้องกันและผู้ป่วยควรได้รับการวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น (Transform Care) ซึ่งการดำเนินงานในครั้งนี้ นับเป็นหนึ่งในโครงการริเริ่มภายใต้เครือข่ายความร่วมมือด้านนวัตกรรมสุขภาพระดับโลกของ

“แอสตร้าเซนเนก้า” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ในโครงการ “A.Catalyst Network

สำหรับกิจกรรม “ตรวจป(ล)อดภัย ด้วยนวัตกรรม AI” ดำเนินงานนำร่องในนิคมอุตสาหกรรมพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา มีเป้าหมายให้บริการตรวจคัดกรองแรงงานรวม 5,000 คน ภายในระยะเวลา 2 เดือน (ธันวาคม 2568 - มกราคม 2569) โดยนำนวัตกรรม Inspectra CXR จากบริษัท เพอร์เซปตรา (Perceptra) สตาร์ทอัพสัญชาติไทย มาช่วยในการอ่านภาพเอกซเรย์ทรวงอก ซึ่งสามารถตรวจหาความผิดปกติของปอดได้ถึง 8 ประเภท มีความแม่นยำสูงถึง 98.9% และช่วยลดเวลาการอ่านผลของแพทย์ได้ถึง 70% เพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาผู้ป่วยในระยะเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์สุขภาพโลก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เน้นย้ำความสำคัญของสุขภาพปอด ที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะในประเทศไทย พบว่า โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) และมะเร็งปอด เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ และมักตรวจพบในระยะลุกลาม ทั้งที่สามารถป้องกันและรักษาได้หากตรวจพบเร็ว ประกอบกับปัจจัยเสี่ยงจากฝุ่น PM2.5 และสภาพแวดล้อมการทำงาน ทำให้กลุ่มแรงงานมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

- 030 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top