11 เดือน บสย.ค้ำสินเชื่อ 3.5 หมื่นล. ช่วย SME เข้าถึงแหล่งทุน 45,337 ราย

11 เดือน บสย.ค้ำสินเชื่อ 3.5 หมื่นล. ช่วย SME เข้าถึงแหล่งทุน 45,337 ราย

วันเสาร์ ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 11 เดือน ปี 2568 (มกราคม-พฤศจิกายน) บสย. มียอดค้ำประกันสินเชื่อ 35,781 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการค้ำประกันสินเชื่อ ดำเนินการโดย บสย. 51% และโครงการตามมาตรการรัฐ 49% ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน 46,635 ล้านบาท ช่วย SMEs ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้น 45,337 ราย สามารถรักษาการจ้างงาน 467,249 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการค้ำประกันได้มากกว่า 147,776 ล้านบาท  และในปี 2568 นี้ บสย. ประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือ “กลุ่มเปราะบาง” ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า แม่ค้า อาชีพอิสระ ที่มีปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อ ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น พบว่า 85% เป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย (Micro SMEs) และสามารถช่วยกลุ่มที่ไม่เคยใช้บริการ บสย. (ลูกค้าใหม่) เข้าถึงสินเชื่อ เป็นสัดส่วนถึง 70% ของจำนวน SMEs ที่ บสย. ค้ำประกันตลอด 11 เดือนที่ผ่านมา

สำหรับโครงการตามมาตรการรัฐ PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” ตั้งแต่เปิดโครงการ (กรกฎาคม 2567) ถึง 30 พฤศจิกายน 2568 มียอดค้ำประกัน 46,147 ล้านบาท ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 66,821 ราย เฉพาะโครงการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะ ภายใต้มาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” และ “กระบะ (มือสอง) พี่ มีคลังค้ำ” มียอดค้ำประกัน 1,106 ล้านบาท สามารถช่วย SMEs เข้าถึงรถกระบะเชิงพาณิชย์ 1,662 คัน นับเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปีที่ บสย. ขยายการค้ำประกันไปยังกลุ่มรถกระบะ เพื่อช่วย SMEs รายย่อย กลุ่มอาชีพอิสระ เกษตรกร และธุรกิจขนส่งขนาดเล็ก ซื้อรถกระบะเป็นเครื่องมือทำมาหากินได้ง่ายขึ้น โดยตลอดปี 2569 บสย. จัดเตรียมวงเงินประมาณ 3,700 ล้านบาท สิ้นสุดรับคำขอค้ำประกันในวันที่ 30 ธันวาคม 2569 


ทั้งนี้ประเภทธุรกิจค้ำประกันสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. การบริการ 33.2% 2. อาหารและเครื่องดื่ม 10.3% และ 3. เกษตรกรรม 7.9% ทั้ง 3 อุตสาหกรรมมีสัดส่วนค้ำประกัน 51% สะท้อนถึงทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมหลักในประเทศ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนที่ขยายตัวช่วงไฮซีซั่น 

นายสิทธกร กล่าวอีกว่า บสย. ยังประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือ SMEs ลูกหนี้ที่ บสย. จ่ายเคลม ผ่านมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” หรือ มาตรการ 3 สี (ม่วง เหลือง เขียว) โดยตั้งแต่ออกมาตรการในปี 2565 ถึงปัจจุบัน สามารถช่วยลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลมไปแล้วถึง 23,664 ราย คิดเป็นมูลหนี้สะสม 15,439 ล้านบาท (เฉพาะเดือนมกราคม-พฤศจิกายน  2568 ปรับโครงสร้างหนี้ 5,250 ราย คิดเป็นมูลหนี้ 3,588 ล้านบาท) และสามารถช่วยลูกหนี้ “ปลดหนี้” 882 ราย เกือบ 50% เป็นกลุ่มเปราะบาง เงินต้นไม่เกิน 2 แสนบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 34 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้ง บสย. 

นอกจากนี้จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ และปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นตลอดปีนี้ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ SMEs โดยเฉพาะปัญหาสภาพคล่องและการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนในระบบ สะท้อนจากสภาพสินเชื่อ SMEs ที่หดตัวต่อเนื่อง ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาสที่ 3 ปี 2568 ยังหดตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อนอยู่ที่ -1% จากระยะเดียวกันของปีก่อน และนับเป็นการติดลบ 5 ไตรมาสติดต่อกัน โดยการหดตัวดังกล่าวมาจากสินเชื่อธุรกิจ SMEs ที่หดตัวหนักขึ้นจาก -3.3% ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มาอยู่ที่ -4% ในไตรมาสล่าสุด เนื่องจากความเสี่ยงด้านเครดิตสูงและมีประเด็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องปรับเพิ่มความสามารถในการแข่งขันระยะยาว

ทั้งนี้จากสภาพดังกล่าวเป็นที่มาของนโยบายของรัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง เปิดตัว มาตรการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. Quick Big Win” วงเงินค้ำประกัน 50,000 ล้านบาท จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เพื่อเติมสภาพคล่องให้ SMEs อย่างเร่งด่วน ประกอบด้วย 3 โครงการหลัก ตามประเภทของ SMEs ได้แก่  1.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Quick LG วงเงินค้ำประกัน 5,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย   1 แสนบาท ถึง 100 ล้านบาท ตอบโจทย์ SMEs ที่ต้องใช้หนังสือค้ำประกัน เช่น ผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคธุรกิจ  2.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Go Big วงเงินค้ำประกัน 35,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 2 แสนบาท ถึง 40 ล้านบาท ตอบโจทย์ SMEs ทั่วไป และ SMEs ขนาดเล็ก ธุรกิจซัพพลายเชนที่ต้องการสินเชื่อเกิน 1 ล้านบาท 3.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Smart Win วงเงินค้ำประกัน 10,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 1 หมื่นบาท ถึง 1 ล้านบาท ตอบโจทย์ผู้ประกอบการรายย่อย Micro SMEs กลุ่มอาชีพอิสระที่ต้องการสินเชื่อไม่เกิน 1 ล้านบาท เฉพาะโครงการนี้ บสย. ได้นำ Credit Scoring Model และ Risk-based Pricing (RBP) มาใช้ประเมินความเสี่ยงของลูกค้า เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มอัตราการอนุมัติสินเชื่อของ SMEs ที่มีความเสี่ยงที่ยอมรับได้มากขึ้น

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top