วันจันทร์ ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ในวันนี้ (22 ธันวาคม 2568) ตนได้เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือในการกำกับดูแลและปราบปรามการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายและสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ระหว่างกรมศุลกากร กับ 5 แพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย บริษัท ลาซาด้า จำกัด ,บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด, Fashion Choice Pte. Ltd. (SHEIN),บริษัท ติ๊กต๊อก ช็อป (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เวล โค เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (TEMU)
ทั้งนี้ตามที่ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 โดยมุ่งเน้นการสร้างและพัฒนา Ecosystem ใหม่ เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทย สามารถเสริมสภาพคล่อง เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้อย่างเสมอภาค และให้กรมศุลกากรดำเนินมาตรการยกเลิกการกำหนดมูลค่าขั้นต่ำในการนำเข้าที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า (De Minimis Value : DMV) เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการไทยในประเทศ ซึ่งรวมถึง ผู้ประกอบการ SMEs ที่เสียภาษีถูกต้อง ให้สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศได้ กรมศุลกากรจึงขานรับนโยบายดังกล่าว โดยการจัดพิธีลงนาม MOU ดังกล่าวขึ้น เพื่อช่วยให้เกิดความสะดวกและรวดเร็ว พร้อมปกป้องสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยกรมศุลกากรได้ดำเนินมาตรการภายใต้กรอบนโยบายรัฐบาล ซึ่งมุ่งให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว และคงสมดุลบทบาทการดำเนินการที่สำคัญทั้ง 3 มิติ ได้แก่ การอำนวยความสะดวกทางการค้า การปกป้องสังคม และการจัดเก็บรายได้ของรัฐอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม โดยได้พัฒนาและผลักดัน “โครงการพัฒนาระบบตรวจสอบสินค้า e-Commerce” และจัดประชุมหารือร่วมกับผู้ประกอบการแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 เพื่อขอความร่วมมือในการบูรณาการ และเชื่อมโยงข้อมูลที่จำเป็นต่อการตรวจสอบสินค้าและประเมินภาษีอากร ซึ่งจะช่วยให้การตรวจสอบสินค้าเป็นไปอย่างถูกต้อง สามารถกำกับดูแลและปราบปรามการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายและสินค้าไม่ได้มาตรฐานอย่างมีประสิทธิภาพ
ในการนี้กรมศุลกากรและผู้ประกอบการแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จึงได้ตกลงร่วมกันในการจัดทำบันทึกความเข้าใจ เพื่อกำหนดกรอบความร่วมมืออย่างเป็นทางการ โดยมีวัตถุประสงค์ของการดำเนินมาตรการ แบ่งออกเป็น 3 มิติ ได้แก่
มิติที่ 1 ด้านการแข่งขันทางการค้าอย่างเป็นธรรม การเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่จำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ข้อมูลรายการชนิดสินค้า ปริมาณสินค้า และมูลค่าสินค้า เพื่อใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในขั้นตอนการปฏิบัติพิธีการศุลกากร จะช่วยสนับสนุนให้การตรวจสอบสินค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเป็นกลไกสำคัญในการคุ้มครองผู้ประกอบการในประเทศให้สามารถแข่งขันทางการค้าได้อย่างเป็นธรรม โดยมีเป้าประสงค์ให้การนำเข้าสินค้าที่จำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นไปตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม ลดช่องว่างจากการแจ้งข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง อันเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันทางการค้า และกระทบต่อผู้ประกอบการสุจริตภายในประเทศ
มิติที่ 2 ด้านการปกป้องสังคม กำหนดกลไกความร่วมมือในการตรวจสอบข้อมูล และดำเนินมาตรการแจ้งเตือน ควบคุมและกำกับดูแล เพื่อป้องกันการจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายและสินค้าไม่ได้มาตรฐานผ่านแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักแก่ผู้ขายให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมาตรการควบคุมการนำเข้าอย่างถูกต้อง
มิติที่ 3 ด้านการจัดเก็บรายได้ของรัฐ ความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่จำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดเก็บรายได้ ทำให้การจัดเก็บภาษีอากรเป็นไปอย่างถูกต้อง และสอดรับกับปริมาณการนำเข้าสินค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
นายพันธ์ทอง กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังเร่งผลักดันอย่างเป็นรูปธรรม คือ การปรับเปลี่ยนแนวทาง การจัดเก็บอากรสำหรับสินค้านำเข้ามูลค่าต่ำ โดยให้จัดเก็บอากรสำหรับสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 แทนการยกเว้นอากรสำหรับของนำเข้ามูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท
โดยมาตรการนี้ไม่ใช่เพียงมุ่งเน้นเรื่อง “รายได้” แต่เป็นสิ่งสะท้อน “ความเป็นธรรม” เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยที่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ไม่ต้องแข่งขันบนเงื่อนไขที่เสียเปรียบ ประเด็นสำคัญของการขับเคลื่อนในระยะนี้ คือ การยกระดับการใช้ข้อมูลเพื่อกำกับดูแลสินค้านำเข้า โดยให้ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มีส่วนร่วมสนับสนุนและเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การจัดเก็บอากรและภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายและสินค้าไม่ได้มาตรฐาน เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและความปลอดภัยของสังคม โดยกรมศุลกากรมีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนมาตรการตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลังอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ ผ่านความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี