FTA เครื่องมือยุทธศาสตร์การค้าไทย ใช้สิทธิทะลุ 2.38 ล้านล้านบาท

FTA เครื่องมือยุทธศาสตร์การค้าไทย ใช้สิทธิทะลุ 2.38 ล้านล้านบาท

วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 12.44 น.
Tag :

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เผยว่าในช่วง 10 เดือนของปี 2568 มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่ารวม 75,715.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับของปีก่อนหน้า 6.46% โดยมีสัดส่วนการใช้สิทธิ 81.77% ของมูลค่าสินค้าส่งออกที่ได้รับสิทธิพิเศษภายใต้ FTA เป็นการส่งออกไปยังอาเซียนภายใต้
ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) สูงสุดเป็น อันดับหนึ่ง มูลค่า 27,417.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 71.25% อันดับสอง เป็นการใช้สิทธิฯ ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) มูลค่า 21,381.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 95.46% อันดับสาม ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) มูลค่า 8,163.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 72.12% อันดับสี่

ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) มูลค่า 5,798.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 83.65% และอันดับห้า ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 4,711.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 56.91% โดยในภาพรวมสินค้าที่มีการใช้สิทธิ FTA สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) ยานยนต์สำหรับขนส่งของ (2) ทุเรียนสด (3) ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ (4) แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) และ (5) เนื้อไก่ปรุงแต่ง ตามลำดับ สะท้อนว่าสินค้าหลักที่ใช้สิทธิสูงยังครอบคลุมทั้งสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร สะท้อนจุดแข็งของโครงสร้างการส่งออกไทยที่มีความหลากหลายและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้อย่างต่อเนื่อง


สินค้าที่มีการใช้สิทธิฯ สูงในช่วงมกราคม-ตุลาคม ปี 2568 แบ่งเป็นสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป
5 อันดับแรก ได้แก่ (1) ทุเรียน (2) เนื้อไก่ปรุงแต่ง (3) ชิ้นเนื้อและส่วนอื่นที่บริโภคได้ของสัตว์ปีกแช่แข็ง
(4) น้ำตาลที่ได้จากอ้อย (5) ผลไม้สด (เงาะ ลำไย ทับทิมสด) มูลค่ารวม 21,586.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ
คิดเป็นสัดส่วน 28.51% ของมูลค่าการใช้สิทธิฯ ทั้งหมด และสินค้าอุตสาหกรรม 5 อันดับแรก ได้แก่

(1) ยานยนต์สำหรับขนส่งของ (2) ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ (3) แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต)
(4) เครื่องจักรอัตโนมัติ (5) เครื่องปรับอากาศแบบติดหน้าต่างหรือติดผนัง มูลค่ารวม 54,128.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 71.49% ของมูลค่าการใช้สิทธิฯ ทั้งหมด ชี้ให้เห็นว่า ภาคอุตสาหกรรมยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการใช้สิทธิ FTA ของไทย ขณะที่สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป โดยเฉพาะสินค้าอาหาร ยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาดต่างประเทศ จากความเชี่ยวชาญและมาตรฐานการผลิตของไทยที่ประเทศคู่ค้ายอมรับ

นางอารดา กล่าวว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนจากความขัดแย้งระหว่างประเทศ การชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่เข้มข้นขึ้น หลายประเทศเริ่มปรับโครงสร้างการค้าและการผลิตใหม่ การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทยจึงไม่ใช่เพียงการลดภาษีแต่เป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ช่วยให้ไทยรักษาความสามารถในการแข่งขันและบทบาทในห่วงโซ่การผลิตโลก โดยไทยมุ่งยกระดับบทบาทจากการเป็นประเทศผู้ส่งออก ไปสู่การเป็น “พันธมิตรทางเศรษฐกิจ” ที่ประเทศ
คู่ค้าให้ความเชื่อถือในด้านมาตรฐานและความต่อเนื่องของการผลิต สอดรับกับแนวโน้มที่หลายประเทศหันมาใช้กลยุทธ์การจัดหาสินค้าและตั้งฐานการผลิตกับประเทศที่มีความสัมพันธ์ดี มีเสถียรภาพ และมีค่านิยมใกล้เคียงกัน (Friend-shoring) เพื่อสร้างความมั่นคงให้ห่วงโซ่อุปทานและลดความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ การเร่งใช้ประโยชน์จาก FTA ควบคู่กับการขยายความร่วมมือใหม่ จะช่วยลด
ความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดหลักเพียงไม่กี่ประเทศ เสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายการผลิตในอาเซียน และสนับสนุนบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางการค้า การลงทุน และโลจิสติกส์ของภูมิภาค ผ่านการทำงานร่วมกันของภาครัฐและเอกชน

          “กรมฯ ยังเดินหน้าทำงานเชิงรุกทั่วประเทศ ผ่านการจัดสัมมนาและอบรมเชิงปฏิบัติการ
เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการเกี่ยวกับการใช้สิทธิ FTA ตั้งแต่กฎถิ่นกำเนิดสินค้า การออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า รวมถึงความคืบหน้าของ FTA ฉบับใหม่ โดยในปีงบประมาณ 2569 กำหนดเป้าหมายพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 1,200 ราย โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ซึ่งที่ผ่านมา กรมฯ ได้ลงพื้นที่จัดกิจกรรมทั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 กรมฯ ได้จัดสัมมนาที่จังหวัดเพชรบุรี ภายใต้หัวข้อ ‘FTA GO! ขับเคลื่อนการค้า เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการไทย’ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ประกอบการในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง โดยกรมฯ จะเดินสายจัดสัมมนาต่อเนื่องที่จังหวัดระนอง ในวันที่ 8 และจังหวัดปราจีนบุรี ในวันที่ 13-14 มกราคม 2569 ตามลำดับ ก่อนขยายสู่จังหวัดอื่น ๆ อาทิ กรุงเทพมหานคร เชียงราย สงขลา พระนครศรีอยุธยา ตาก จันทบุรี พิษณุโลก และชลบุรี ต่อไป”นางอารดากล่าวสรุป

-032

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top