nn รู้สึกเห็นใจ...กระทรวงการคลัง...ที่จะต้องเสนอเรื่องโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 28 ก.ย. นี้ ...พร้อมกับต้องแบกรับแรงกดดันมาจาก 360 องศาจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายต่อต้านยาสูบที่ต้องการบุหรี่ต้องขึ้นราคาถึงซองละ 8-10 บาท มาขายอยู่ที่ราคา 68-70 บาท...ในขณะที่ฝั่งสหภาพแรงงานของการยาสูบแห่งประเทศไทย และชาวไร่ยาสูบในสังกัดการยาสูบฯ ก็ไม่ยอมนิ่งเฉย นอนรอความตาย ยกพลฝ่าโควิด บุกกระทรวงการคลังเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อคัดค้านการขึ้นภาษีให้สูงๆ เข้าไว้ แบบที่ฝ่ายต่อต้านยาสูบเสนอ....แวดวงการเงิน...สอบถามจากนักวิชาการผู้รู้ได้ความว่า การจะให้บุหรี่ขึ้นราคาเป็น 68-70 บาท จากปัจจุบัน 60 บาท จะต้องขึ้นอัตราภาษีตามมูลค่าเป็น 27-28% จากปัจจุบัน 20% ถือว่าจะทำให้ราคาขึ้นล้ำหน้าสภาพเศรษฐกิจไปเป็นสิบเท่าตัว เสี่ยงที่จะเกิดปัญหาแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นตอนปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่เมื่อปี 2560 ที่กรมสรรพสามิตคิดอย่างไรไม่รู้ปรับขึ้นภาษีจนราคาบุหรี่พุ่งพรวดเดียวถึง 50%...อย่าลืมว่าเมื่อปี 2560 ได้มีการนำภาษีมูลค่า 2 สำหรับบุหรี่ราคาถูกและแพง มาใช้ โดยมีจุดตัดราคาที่ 60 บาท ทำให้บุหรี่นอกบุหรี่ไทยมาแข่งขันกันขายที่ราคา 60 บาท จนส่งผลกระทบต่อส่วนแบ่งการตลาดของบุหรี่ไทยตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่ากรมสรรพสามิต “เดาผิด” เต็มๆ มาแล้ว หนึ่งครั้ง
....ดังนั้น บทเรียนจากอดีตที่จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจปรับภาษีบุหรี่ในครั้งนี้ คือ การปรับขึ้นภาษีต้องเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค แค่ขึ้นเป็น 25% ก็จะทำให้ราคาสูงถึง 66 บาท ขยับขึ้นกว่า 10% จากราคาปัจจุบัน ก็สูงมากแล้ว สูงกว่าที่เสนอโดยนักวิชาการคนกลางที่เห็นว่าขึ้นเป็นร้อยละ 23 หรือราคาปรับขึ้นประมาณร้อยละ 5 ก็พอแล้วสำหรับกำลังซื้อผู้บริโภคที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา…นอกจากนี้ หากอยากให้บุหรี่ไทยมีสัดส่วนแบ่งทางการตลาดมากขึ้นก็ต้องกำหนดจุดตัดราคาใหม่ให้เหมาะสม เพื่อให้บุหรี่ไทยและบุหรี่นอกทำราคาต่างกันได้ตามกลยุทธ์ธุรกิจของแต่องค์กร ใครอยากได้กำไรเยอะก็ขายแพงหน่อย ใครอยากได้ยอดขายก็ขายต่ำหน่อย โดยต้องระวังไม่ให้จุดตัดราคาต่ำไปและไปซ้ำรอยความผิดพลาดในปี 2560 อีกครั้ง...!! งานนี้คงต้องจับตาดู...รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังนายสันติ พร้อมพัฒน์ ...ที่จะต้องนั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรีในวันที่ 28 ก.ย. นี้ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะหากระบบภาษีใหม่ออกมาแล้วยังผิดพลาดซ้ำเคยเหมือนในปี 2560 เป็นครั้งที่ 2 หลายๆ ฝ่าย หน้าเดิมๆ คงได้รับผลกระทบกันอย่างถ้วนหน้าอีกรอบเข้าข่ายที่เค้าว่ากันว่า ยิ่งทำยิ่งเละ...nn
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี