nn คุณกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย...บอกว่านโยบายพรรคการเมืองหรือรัฐบาลใหม่ที่ต้องการปรับค่าแรงขึ้น 450 บาทต่อวัน...อาจจะกระทบต่อการเคลื่อนย้ายการลงทุนไปยังประเทศเวียดนาม และหากมีการเร่งเรื่องของรายได้มากขึ้น อาจจะเป็นแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากข้อมูลพบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรายได้และเงินเฟ้อมีสูงถึง 90%...!! อืม...ไม่ใช่แค่ค่าแรงหรอกครับที่นักลงทุนย้ายไปเวียดนาม...แต่ที่เวียดนามมีอันดับการคอร์รัปชั่นดีกว่าไทย???...รัฐบาลการเมืองเวียดนาม...มีความมั่นคงและแน่นอนกว่าไทย????...คนวัยแรงงานเวียดนามมากกว่าไทย????...ฯลฯ !! เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นตอนนี้ทั้งไทยและทั่วโลก...เกิดจากค่าเงินมีค่าน้อยลง....อุปสงค์มากว่าอุปทาน...หรือว่าเกิดจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกันแน่...ทั้งวัตถุดิบต้นทุนพลังงานและต้นทุนทางการเงินซึ่งก็คือดอกเบี้ยเงินกู้ด้วย????? (ไม่รวมต้นทุนแฝงที่ต้องจ่ายใต้โต๊ะ)....เอาดีๆๆๆ....
nn ประเทศไทย...ที่ส่อจะโดนลดเครดิตของประเทศ เพราะประชาธิปไตยที่ตั้งอยู่บนกติกาที่พิกลพิการแล้วนั้น...ก็ต้องยอมว่าภาพในตลาดเงินตลาดทุนก็สะท้อนผลของกติกาที่บิดเบี้ยวเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน...!! ยืนยันจากคำพูดของ...คุณณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด....ที่บอกว่าช่วงที่ผ่านมา ต่างชาติขายสุทธิทั้งในหุ้นและพันธบัตร รวมกันกว่า 8 หมื่นล้านบาท
...เนื่องจากนักลงทุนรอความชัดเจน การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อมีการเลือกตั้ง ฟันโฟลว์จะไหลเข้า และหุ้นจะขึ้น แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป เนื่องจากผลการเลือกตั้ง รัฐบาลเปลี่ยนกลุ่ม เปลี่ยนขั้ว เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งในกรีซ พบว่าหลังการเลือกตั้งหุ้นขึ้น 6% เพราะได้รัฐบาลกลุ่มเดิมแต่การเลือกตั้งในไทย กำลังเผชิญเงื่อนไขยากในการจัดตั้งรัฐบาลและเป็นกลุ่มใหม่....มีโอกาสฟันโฟลว์ไหลออกไปจนถึงเดือน ส.ค.2566 ตามไทม์ไลน์การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร... แต่หากมีปัจจัยหนุนที่ทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น เช่น เสียงสนับสนุน และท่าทีของ สว. ก็อาจเห็นตลาดหุ้นค่อยๆ ฟื้นตัวก่อนถึงเดือนส.ค. ได้...แต่ ณ เวลนี้บอกได้เลยว่า...ฟันโฟลว์จะไหลออกไม่ต่ำไปกว่าครึ่งหนึ่งของมูลซื้อสุทธิในปีที่แล้วที่ 2 แสนล้านบาท คือไม่น่าเกิน 1 แสนล้านบาท....ส่วนคุณประกิตสิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์....มองว่า MOU ของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล หากเกิดขึ้นจริงจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มแบงก์ โดยเฉพาะนโยบายส่งเสริมความแข็งแกร่งให้เอสเอ็มอี เนื่องจากแบงก์ไหนที่มีวงเงินปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีมาก ก็จะได้ประโยชน์ ส่งผล NPL ลดลง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อรายย่อย กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มค้าปลีกที่น่าสนใจ เพราะจะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์...nn
อนันตเดช พงษ์พันธ์ุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี