nn สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พร้อมเครือข่ายหมอออกมาประกาศกร้าวอีกครั้งว่าจะเดินหน้าแฉ “บุหรี่ไฟฟ้า” และจะดำเนินการโดยเน้นปรับตัวเพื่อรับมือกับบุหรี่ไฟฟ้าที่เข้ามาอย่างรุนแรงเหมือนพายุ แต่กลับฟังดูย้อนแย้งกับการกระทำที่ยืนกรานจะคงไว้ซึ่ง “แบน”…เพราะเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมาได้ยืนยันแล้วว่าเป็นการบังคับใช้กฎหมายที่ “ล้มเหลว”...เห็นได้ชัดจากการทะลักเข้ามาของ “บุหรี่ไฟฟ้าเถื่อน” ปริมาณมหาศาล ที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก… เพราะพอเป็นของเถื่อน จะขายออนไลน์ หรือขายให้เยาวชน ก็ไม่มีใครมาคอยตรวจตรา ปิดหูปิดตาไม่รับรู้ความเป็นจริงว่าบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนนั้นเป็นตลาดใต้ดินที่มีมูลค่ามหาศาล ด้วยว่าเขาเอาคำว่า “แบน” มาครอบไว้แล้ว คงคิดว่าแบนเท่ากับไม่มี!!....หากถามว่าตลาดบุหรี่ไฟฟ้าในไทยใหญ่โตเพียงใด ผลการสำรวจมูลค่าตลาดบุหรี่ไฟฟ้าในไทยที่จัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อปี 2564 ระบุว่า พบผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากว่า 78,000 ราย ซึ่งฟังดูน้อยชอบกลเมื่อเทียบกับหลักฐานเชิงประจักษ์...ปัจจุบัน..แวดวงการเงิน...คิดว่าอย่างไรผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในไทยก็เกิน 78,000 รายแน่ ซึ่งผู้ใช้จำนวนมากขนาดนี้ แต่รัฐไทยยังไม่ตัดสินใจปรับแก้กฎหมายเพื่อรับมือ ไม่เก็บภาษีสรรพสามิต และยังคงแบนไว้ได้นานต่อเนื่องถึงเก้าปี!....บุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนส่งผลกระทบต่อการบริโภคบุหรี่และผลิตภัณฑ์ยาสูบในไทยอย่างมาก จะเห็นได้จากหลักฐานภาพรวมอุตสาหกรรมยาสูบที่มีให้เห็นเต็มตา ทั้งโควตาของชาวไร่ยาสูบที่ถูกตัดจากผลประกอบการที่ถดถอยของการยาสูบแห่งประเทศไทย... ไหนจะรายได้ภาษีสรรพสามิตบุหรี่ที่ลดฮวบลงอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าจะดีดตัวกลับมาได้ในเร็ววัน... หากรัฐบาลยังไม่เริ่มจัดการทั้ง “บุหรี่เถื่อน” และ “บุหรี่ไฟฟ้า” เห็นทีอุตสาหกรรมยาสูบไทยคงแย่แน่... แวดวงการเงิน...มองว่าอย่างน้อยหากบุหรี่ไฟฟ้าจะทะลักเข้าไทยแบบห้ามไม่อยู่ ก็ควรเอากฎหมาย มาตรการ หรือมาตรการภาษีสรรพสามิตมาจัดการให้ถูกต้องชัดเจนเสียจะดีกว่า อย่างที่หลายประเทศทั่วโลกทำกัน ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ อังกฤษ หรือสหภาพยุโรป แถมเก็บภาษีเอาเงินมาตั้งกองทุนช่วยชาวไร่ยาสูบเรียกว่าได้สองต่อ...หากสสส.ต้องการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย เห็นทีจะต้องลองฟังเสียงของประชาชนโดยเฉพาะผู้สูบบุหรี่กว่า 9.9 ล้านคนเสียบ้าง และในการประชุมสมัชชารัฐภาคีกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลกครั้งที่ 10 (COP10) ที่จะถึงนี้ ก็คงต้องขอให้ตัวแทนประเทศไทยแสดงออกถึงความต้องการในการ “ปรับตัว” ให้ชัดเจน เริ่มต้นด้วยการยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเสียก่อน....คงต้องถาม...คุณเศรษฐา ทวีสิน....นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง...ว่าท่านจะปล่อยปัญหาคาราคาซังไว้แบบนี้จริงหรือ…และหากว่ามีนโยบายที่ชัดเจนและถูกต้องตามหลักการที่ควรจะเป็นสั่งการลงมา...คุณเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต...และทีมงานของกรมสรรพสามิต...พร้อมที่จะทำงานเต็มที่เลยครับ...และรวดเร็วทันใจด้วย...nn
อนันตเดช พงษ์พันธ์ุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี