จะเป็นอย่างไร !? เมื่อ‘กิ๊ก’ สุวัจนี ไชยมุสิก (พานิชชีวะ) ใช้ทฤษฎีนางร้าย เป็นไกด์ในชีวิตครอบครัว
แน่นอนว่าถ้าพูดถึง นางร้ายตัวแม่ ชื่อแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองของใครหลายๆ คนต้องเป็น กิ๊ก-สุวัจนี ไชยมุสิก (พานิชชีวะ) ชัวร์!!! อย่างล่าสุดในผลงานละครเรื่อง ไทรโศก กับบทของ คุณอุษา ที่แฟนๆ พูดถึงกันอย่างล้นหลาม แต่หลังจากนั้นเธอก็หยุดงานแสดงไป นั่นเพราะเธอเลือกที่จะใช้เวลาทั้งหมด เพื่อดูแลลูกและทำหน้าที่แม่รวมถึงภรรยาที่ดี สร้างครอบครัวให้เป็นปึกแผ่น “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” มีโอกาสไปเยี่ยมเธอและลูกๆ ถึงที่บ้าน จึงไม่พลาดที่จะเก็บเกี่ยวมุมมองของเธอในฐานะ “คุณแม่” กับวิธีการเลี้ยงลูกโดยใช้ “ตัวละคร” ที่เธอรับเล่นเป็นแนวทางในการสอนและเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตให้กับครอบครัว!?
วิถีชีวิตของสุวัจนีในวันนี้
ใช้ชีวิตปกติ เป็นแม่บ้านทั่วไปค่ะ ชีวิตประจำวัน คือไปรับ-ส่งลูก ทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูกหมดเลย ทุกอย่างจริงๆ เหมือนกับชีวิตตัวเองหายไปเยอะ กิ๊กอยู่กับลูกเยอะมาก เพราะกิ๊กมีลูก 3 คน เพราะฉะนั้นวิถีชีวิตกิ๊กก็จะอยู่กับลูกเป็นส่วนใหญ่ คนแรกคือ น้องธัญย่า (ด.ญ.ธนัชญา) 10 ขวบ คนที่สอง น้องธาช่า (ด.ญ.ธิญาดา) 7 ขวบครึ่ง คนที่สาม น้องธร (ด.ช.ธศธรรม) 2 ขวบ (ปิดอู่รึยังคะ?) เขา (แจ๊คกี้-ธรรมจักร พานิชชีวะ สามี)คงยังไม่ปิดแต่กิ๊กอ่ะปิดแล้ว (หัวเราะ)
พักงานแต่มีงานเข้าตลอด
มีคนติดต่อให้ไปเล่นละครอยู่เรื่อยๆ ดีใจนะ กิ๊กว่าสักวันหนึ่ง พอลูกโตกว่านี้ ก็จะรับ แล้วก็ไปลดความอ้วนอีกสักหน่อยหนึ่ง(หัวเราะ) จริงๆ ที่หยุดมาก็ 5 ปีเองนะ เพราะเพิ่งเล่นเรื่อง “ไทรโศก” ไป แต่ก่อนหน้านั้นหยุดไปนาน 14 ปี ตอนนั้นหยุดเลี้ยงลูกจริงๆ เลย แต่จะมีช่วงที่เบรกไปถ่ายหนัง “ยังไงก็รัก” (ช่วงที่พักไป เหนื่อยไหมกับบทบาทคุณแม่?) ก็เหนื่อยนะคะ แต่เหนื่อยคนละแบบ เลี้ยงลูกเหนื่อยแบบมีความสุข ทำงานก็มีความสุขเหมือนกันกิ๊กทำงานกิ๊กก็เป็นตัวของตัวเองเยอะเหมือนกัน ไม่ใช่ในบทบาทนะ(หัวเราะ) คือความเป็นอยู่กับคนอื่น กิ๊กรู้สึกว่าเป็นทางของเรา เป็นวิถีชีวิตที่เราชอบ เวลาไปทำงานเหมือนไปพักผ่อน แต่การทำงานของเราคือการท่องบท การเรียนรู้สิ่งต่างๆ เรามาสายงานแสดงและเป็นงานที่ใช่ที่สุดสำหรับเรามันคือตัวเรา งานอื่นไม่เหมาะกับเรา แต่ก็ไม่ใช่ว่างานอื่นเราจะไม่ทำเลยนะ บางทีสิ่งที่เราไม่ชอบก็อาจจะต้องทำบ้าง (เคยลองทำงานอื่นหรือยังคะ?) ไปลองกับคุณชายที่บ้านนี่แหละ (หัวเราะ) คือแจ๊คกี้อยากให้กิ๊กทำบัญชี ซึ่งกิ๊กไม่ชอบเลย ถามว่ากิ๊กชอบเงินไหม กิ๊กชอบเงิน(หัวเราะ) แต่กิ๊กไม่ชอบดูแลเรื่องเงิน ดูแลพวกเอกสารกิ๊กไม่ชอบ กิ๊กเบื่อ ซึ่งเขาก็ขอให้กิ๊กไปดูตรงนั้น กิ๊กก็คิดว่าถ้าให้กิ๊กดู เอาเงินมากองให้ กิ๊กชอบ (หัวเราะร่วน) แต่ถ้าจะให้กิ๊กไปทำเป็นกระบวนการนั่งอยู่กับเอกสาร ให้กิ๊กไปคุมบริษัทใหญ่ๆ คงมีตีกันแน่ คือหมายความว่า กิ๊กกับเขาคนละสไตล์กัน เพราะเขาเป็นคนใจเย็นมาก แล้วกิ๊กเป็นคนใจร้อน เวลากิ๊กต้องการเอกสารอะไรด่วนๆ กิ๊กรู้เลยว่าการทำงานระหว่างกิ๊กกับเขาเข้ากันไม่ได้ มีตีกันแน่นอน เพราะฉะนั้นกิ๊กก็ไม่เสี่ยงและคิดว่าควรหลีกเลี่ยงค่ะ
อนาคตที่จะกลับไปแสดง
มีสิทธิ์สูงค่ะ เราชอบเพราะมันอยู่ในตัวกิ๊ก อยาก และคันมาก (หัวเราะร่วน) ใครโทร.มานี่บอกเลยว่าตอนนี้คันมาก อยากมากๆ คือมีความสุข ไม่เหมือนกับอย่างงี้ไง ถ้าพูดตรงๆ ตรงนี่ก็เหมือนกับการผูกมัดกิ๊กทางอ้อม โดยที่กิ๊กต้องเต็มใจ เพราะเป็นหน้าที่ แต่การที่กิ๊กไปแสดงละคร คืออิสระที่กิ๊กมีสิทธิเลือกเอง เวลากิ๊กเล่นละคร มันเป็นชีวิตของฉัน คือเขาเขียนยังไงมาฉันเต็มที่ แค่บอกฉันมาว่าต้องการแบบไหน ฉันจะครีเอทให้หมด นั่นคือกิ๊ก ชอบแบบไหนบอกเลย ไม่เคยที่จะไม่ทำ กิ๊กคิดว่าละครเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ซึ่งดิ้นได้ แล้วก็ไม่น่าเบื่อ ไม่จำเจ การเลี้ยงลูกจำเจนะ น่าเบื่อ มันรูทีน (หัวเราะ) แล้วไม่มีอะไรที่ดูสนุกเพราะว่าทุกอย่างมันแบบ…คือบางคนบอกว่าการเลี้ยงลูกสนุกสนาน โอเค กิ๊กบอกใช่ นั่นคือเวลาที่เราเล่น แต่ลูกเราไม่ได้สนุกสนานตลอดเวลา จะต้องมีดื้อ มีเถียง มีซน ไม่สบาย อะไรต่างๆ เยอะแยะ มีองค์ประกอบเยอะมากในการที่เราจะต้องดูแลเขา ยิ่งกว่าในละคร ละครแค่บทบทหนึ่งที่เราแสดงไปแล้วจบ ไม่มีอะไรต่อเนื่อง แต่ชีวิตจริงนี่คือเราต้องดูแลเขาต่อเนื่องตลอดชีวิตนะ
เวลาเปลี่ยน บทบาทเพิ่มอายุ
อาจจะเป็นคุณย่า คุณยาย (หัวเราะ) โอเคไม่เป็นไรค่ะ เรารับได้ ถ้าเกิดว่าเรารู้สึกแฮปปี้กับบทนั้น กิ๊กไม่ใช่จำเจถึงขนาด เฮ้ย...ฉันรับบทนั้นบทนี้ไม่ได้ กิ๊กจะเลือกก่อน ถ้ากิ๊กเลือกแล้ว กิ๊กมั่นใจในเจ้าของค่าย กิ๊กก็จะไปเล่นเต็มที่ ไม่ว่าบทนั้นจะเป็นอะไร แต่กิ๊กต้องขอเลือกเองนะ เพราะกิ๊กเป็นคนเลือกเองมาตลอด กิ๊กไม่มีผู้จัดการ กิ๊กจะเป็นคนดูบทเองทั้งหมด อ่านแล้วชอบกิ๊กก็จะคุยเองเลย (เหตุผลหลักในการเลือก?)1. ดูค่าย 2.คนเขียนบทประพันธ์ 3.เราจะดูว่าในเนื้อหาทั้งหมดนั้นโดยสรุปแล้วให้อะไรคนดูบ้าง เพราะกิ๊กคิดว่าการแสดงละครเป็นการให้ความสุขกับคนดู แล้วก็ต้องให้คติกับคนดูด้วย กิ๊กเล่นทุกเรื่องที่เป็นตัวร้าย บทลงโทษในตัวร้ายมีเยอะแยะมากมาย ทุกเรื่องที่กิ๊กได้รับ เพราะฉะนั้น ทุกตัวละครสอนตัวกิ๊กเหมือนกัน เป็นสิ่งที่พ่อ-แม่ไม่ได้สอน แต่กิ๊กมารู้จากตัวละครที่กิ๊กเล่น แล้วกิ๊กพูดได้เลยว่า กิ๊กโตมากับตัวละคร กิ๊กมีความรู้สึกว่าทุกวันนี้ที่กิ๊กใช้ชีวิตอยู่หรือการเลี้ยงลูกบางทีกิ๊กก็อิงจากละครที่กิ๊กเล่นมาใช้บ้าง
จุดเริ่มต้นการเป็น “นางเอก” เรื่องเดียวในชีวิต
ตอนนั้นเรื่องแรกเลย เรื่อง “หน้ากากดอกซ่อนกลิ่น” เล่นกับพี่โอ-วรุฒค่ะ บทเป็นผู้หญิงเรียบร้อยมาก มากจนแบบว่าไม่ใช่ตัวตนของเราไง (หัวเราะ) ตอนนั้นก็ฝืนนะ บวกกับเรายังเล่นละครไม่ค่อยเป็น ทุกอย่างต้องอาศัยประสบการณ์ แต่การที่เรามาเล่นละครปุ๊บ และเราไม่ได้เรียนทางนี้มาโดยตรง กิ๊กว่าเป็นเรื่องยาก กิ๊กเรียนการจัดการมา คนละสายเลย แต่กิ๊กก็คิดว่ากิ๊กเคยถ่ายโฆษณามาก่อน กิ๊กชอบการแสดงออก เออ…ออกไปแสดงหรือพรีเซ็นต์หน้าเวทีหรือออกไปพูด แล้วเวลากิ๊กพูดมีคนยิ้มกิ๊กรู้สึกว่า เฮ้ย..ฉันชอบ แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าเราชอบอะไรตอนนั้น จนกระทั่งเรามาค้นพบตัวเองว่าเราเข้ามาในวงการนี้เป็นสายที่เราชอบนะ ได้พูด ได้ทำพิธีกร บางทีอ่านข่าวบ้าง ได้เป็นตัวละครนั้น ตัวละครนี้ มันเป็นอาชีพที่หลากหลายค่ะ
แจ้งเกิดกับบทนางร้าย
เขาคงเห็นธาตุแท้ (หัวเราะร่วน) นางเอกเรื่องเดียวในชีวิต แต่ก็จะมีละคร “ปากกาทอง” ละคร สั้นของกันตนา ดาราวีดีโอ เล็กๆ มาเทสต์กิ๊กอีกเป็นสิบเรื่อง แล้วกิ๊กถึงจะมาเป็น “มายารัศมี” ใน “ดาวพระศุกร์” และเขาคงเห็นแล้วล่ะว่าด้วยดวงตาแบบนี้ คือดวงตากิ๊กไม่ใช่คนเรียบร้อย อาจจะเป็นคนที่สู้คน หรืออะไรแบบนี้ แข็งๆ หน่อย น่าจะเหมาะ กิ๊กก็โอเคได้ แต่ตอนแรกกิ๊กก็ยังกลัวอยู่นะ เพราะว่า โหย…ยังงั้นเลยเหรอ เป็นตัวร้ายเลยเหรอ จากนางเอกอ่ะนะเราก็กลัว จะเล่นได้หรือเปล่า แต่ก็ได้ พี่หลุยส์(สยามสังวริบุตร) มาช่วยเยอะ ผู้กำกับฯของดาราวีดีโอก็มาช่วย(พอได้เล่นร้าย?) โอ้โห..ติดใจ เอ๊ะ..มันคือตัวตนเราหรือเปล่า (หัวเราะร่วน) ชอบมากๆ รู้สึกว่ามันมีมิติ ได้เล่นอะไรเยอะ กิ๊กว่าคนธรรมดาๆ ในชีวิตจริงๆ ทั่วไปคงไม่ถึงขนาดนั้น ในชีวิตจริงกิ๊กก็ไม่เคยทำอะไรแบบนั้น เพราะกิ๊กคิดว่าในละครเป็นภาพที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ละครเรื่องนั้นบรรลุไป ส่วนในชีวิตจริงไม่ใช่ แตกต่างกัน เรียกว่าบทร้ายช่วยหล่อหลอมและให้ประสบการณ์กับกิ๊ก ทำให้กิ๊กโตขึ้นกิ๊กเรียนรู้จากตัวละครเหล่านี้มาเรื่อยๆ เรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัว เรียนรู้วิถีการใช้ชีวิตจากคนรอบตัว อย่าลืมนะว่าในกองหนึ่งกองมีอะไรให้เรียนรู้ตั้งเยอะแยะ คนยกไฟเขาอาจจะมาจากอีกครอบครัวหนึ่ง นักแสดงอีกคนหนึ่งอาจจะมาจากความเพียบพร้อม อีกคนหนึ่งอาจจะมาจากความมีปมด้อย เราได้มาแชร์ประสบการณ์กัน กิ๊กได้เยอะนะจากตรงนั้น ซึ่งไม่สามารถหาได้ในห้องเรียน
มองวงการทุกวันนี้
เป็นสิ่งสวยงามสำหรับกิ๊กเสมอ กิ๊กชอบ แล้วกิ๊กก็คิดว่า วงการนี้ “ให้” กิ๊กเยอะ จะเรียกว่าให้ทุกอย่างเลยก็ว่าได้ แล้วรู้สึกว่าเป็นเหมือน “ครู” ลูกกิ๊กนี่ไม่มีทางที่จะแบบซึมซับแบบกิ๊กได้ เพราะว่ากิ๊กคงไม่ปล่อยให้เขาไปเผชิญแบบนี้ (เคยให้ดูละครที่เราแสดงไหม?) เคยแวบๆ อย่างเช่น “ยังไงก็รัก” ก็ให้ดูได้เป็นบางช่วงบางตอนบางช่วงก็กดผ่านๆ ไป ให้ดูอะไรที่เบาๆ ไอ้ที่โหดๆ นี่ไม่มี แทบจะไม่ให้ดู แต่ก็ไม่รู้นะเขาเริ่มเปิดอินเตอร์เนตเป็นละ แอบได้ยินเพื่อนคุยกัน แต่กิ๊กก็จะบอกว่าถ้าจะดูอะไรบอกแม่นะ เดี๋ยวแม่เปิดให้ดู แต่ช่วงนี้เขาเรียนหนักและที่โรงเรียนก็ไม่ได้สนับสนุนให้ดูละครมากก็จะไม่ค่อยมาถาม
เข้มงวดกับการเลี้ยงลูก
เมื่อก่อนนี้ตอนเด็กๆ ลูกคนแรกเลี้ยงไม่ค่อยเป็น ถ้าใครมือไม่สะอาดอย่ามาจับลูกฉันนะ แต่จริงๆ แล้วไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ คนแรกขนาดนั้นเลยแหละ คนที่สอง สามเริ่มไต่ระดับลงมาเรื่อยๆ ไม่เป็นไรหรอกนิดๆ หน่อยๆ ก็โอเค เพราะจะได้มีภูมิคุ้มกันมากขึ้น จากการเลี้ยงคนแรก คนสอง คสาม รู้สึกเลยว่าคนโตมีภูมิต่ำสุด เพราะว่าสะอาดสุดมากเกินไป แล้วกิ๊กก็ไม่ค่อยออกไปห้าง หรือข้างนอกบ้านกิ๊กไม่ชอบเพราะกลัวติดหวัด แต่ตอนนี้ก็พาไปบ้าง ลูกอายุได้ประมาณปีหนึ่งถึงจะพาไปเดิน ถ้าเป็นเบบี๋กิ๊กไม่พาไปเลยนะ กิ๊กคิดว่าไปถึงปุ๊บกลับมาป่วยทีกิ๊กก็ไม่ไหว แล้วต้องกินยาแก้อักเสบ สู้ให้เขาเรียนรู้กับธรรมชาติไปดีกว่า
อยู่บ้านต้นไม้ก็เยอะแยะก็ให้เรียนรู้ไป ไปต่างจังหวัดก็ไป เพราะกิ๊กอยากเลี้ยงลูกให้ติดดิน
เรียกว่าเป็นแม่ที่ดุ
ดุนะในสายตากิ๊ก ซึ่งกิ๊กไม่ได้โดนเลี้ยงมาแบบนี้ แม่กิ๊กจะใจดีมาก แต่กิ๊กคิดว่าเด็กสมัยนี้ไม่ดุไม่ได้ ถ้าเกินขอบเขตในบางครั้งกิ๊กต้องดึงลูกไว้ บางทีอาจจะโดนตามใจมากิ๊กก็ไม่ได้ตามใจขนาดนั้น แล้วกิ๊กมีตีนะ ถ้าพูดไม่รู้เรื่อง ก่อนจะตีต้องตั้งสติ คือไม่ใช่อยู่ดีๆ ฟาดเลย กิ๊กว่าเด็กตามใจมากไม่ได้ เซ้นส์กิ๊กบอกว่าเด็กควรจะตามใจแบบมีขอบเขต คือไม่ได้เลี้ยงให้เหมือนตุ๊กตา แต่เลี้ยงให้ดำเนินชีวิตไปต่อสู้คนอื่นได้ด้วย กิ๊กมีความรู้สึกแบบนั้น กิ๊กอาจจะมีวิธีการเลี้ยงมาจากการเล่นละครด้วย หรือจากญาติกิ๊ก จากคนที่เรารู้จัก แล้วก็เอามารวมๆ กันแต่ไม่ได้ถึงขนาดว่าเป็นตัวของตัวเองซะเต็มร้อย
สร้างระเบียบชีวิตให้ลูกตั้งแต่เด็ก
ตอนแรกกิ๊กลองไปรับละคร “ไทรโศก” ว่าจะโอเคไหม พอกลับบ้านมาไม่ตรงเวลา ลูกกิ๊กรวนหมดเลยนะ คือหมายความว่า 1.วินัยหายไป 2.กินข้าวไม่ตรงเวลา 3.ตารางสอนก็ต้องเลื่อน นี่นั่นไม่เป็นระเบียบ ไม่มีอะไรที่เป็นระเบียบที่กิ๊กวางไว้ กิ๊กว่าหน้าที่พ่อ-แม่ต้องดูแลเขาเป็นช่วงที่ต้องสร้างวินัยให้ลูก ถ้าข้ามช่วงนี้ไปคงไม่ค่อยมีวินัยแล้ว กิ๊กอยากให้เขามีระเบียบ เพราะกิ๊กว่าการที่คนเรามีระเบียบนี่มันดี ดีในการใช้ชีวิตต่อไป เพราะกิ๊กเองก็ไม่ได้มีระเบียบมากในตอนเด็กๆ ก็เลยอยากให้ลูกๆ มี การมีระเบียบกิ๊กเรียนรู้จากการที่กิ๊กไปทำงาน กิ๊กดูรู้เลยคนที่มีระเบียบเขาต้องถูกสอนมาอย่างดีมีการจัดลำดับขั้นตอนในชีวิตได้ดีกว่าคนที่ไม่มีระเบียบ อย่างกิ๊กเองกิ๊กก็มั่วๆ มา ไปเล่นไอ้นู่นจับไอ้นี่แล้วบังเอิญดวงดีหลายๆ อย่างและอาศัยประสบการณ์ตัวเอง แต่ลูกกิ๊กไม่ใช่อย่างงั้น คนเรามีพรสวรรค์ไม่เหมือนกันกิ๊กยังไม่รู้ว่าลูกชอบอะไรยังไง แล้วจะโชคดีเหมือนเราหรือเปล่า เพราะฉะนั้นกิ๊กอยากปูพื้นฐานให้แน่นก่อนแล้วค่อยว่ากันไปว่าเออลูกอยากเป็นนู่นเป็นนี่เป็นนั่น
วี่แววของลูกไม้ใต้ต้น
มีนะ แต่กิ๊กว่ากิ๊กไม่สนับสนุน อาชีพกิ๊กเป็นอาชีพที่เหนื่อยและต้องใจรักจริงๆ ต้องอาศัยทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่างรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่ดี ผู้ปกครองที่ดี คนดูแลที่ดีถึงจะไปได้ แล้วสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน เพราะสมัยนี้ดูน่ากลัวกว่าสมัยก่อน สมัยกิ๊กนี่ ยังไม่มีได้จูบจริงสักทีนะรออยู่เนี่ย (หัวเราะร่วน) แต่สมัยนี้มีแล้ว สมัยเรามากสุดก็แค่หอมแก้ม บางทีก็หลบมุมกล้องเอา แต่สมัยนี้สมจริงสมจังเรียลขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ เราคิดว่าสมัยนี้มีอะไรล่อแหลมเยอะ ถ้าลูกเราไม่ได้เรียนรู้และก็ไม่รู้จริงกิ๊กว่ามีโอกาสพลาดสูง กิ๊กจะไม่ยัดเยียดถ้าเขาไม่สนใจจริงๆ ปล่อยเขาไป กิ๊กก็จะเฉยๆ เพราะกิ๊กคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะมาจากดวงชะตาที่เขากำหนดเองด้วย เราก็เป็นผู้สนับสนุนเขา แล้วก็เป็นผู้ชี้แนวทางให้เขา
ชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จ
ถึงเวลาแต่งงาน คนนี้คือใช่สำหรับเราแล้ว ก็แต่งเลย แต่งปุ๊บเราก็ต้องเรียนรู้วิถีชีวิตกัน พอมีลูก ลูกก็สอนให้กิ๊กเป็นแม่ กิ๊กก็สอนให้ลูกรู้หน้าที่ของลูก กิ๊กใช้องค์ประกอบต่างๆ ที่กิ๊กเรียนรู้มา มาสอนลูกกิ๊กเอง ไม่ได้มีคติว่าเออ..ฉันต้องยึดหลักอันนั้นอันนี้ ไม่มีแบบอย่าง มีอ่านหนังสือบ้างบางทฤษฎีก็ใช้ไม่ได้กับลูกเรา เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่อาจจะเป็นแนวทางให้เราได้ ใครถามว่าเอาแนวทางมาจากไหน กิ๊กบอกว่าไม่มี สไตล์ฉันเองแหละ ฉันเป็นคนดีไซน์เอง
ที่มาของไลน์กลุ่มคุณแม่ดารา
เริ่มจากกิ๊กกับบี( ปิติภัทร สารสิน) เคยเล่นละครมาด้วยกัน อยู่ในกองถ่าย เฮฮากันนี่แหละ เอ๋-พรทิพย์ ก็เคย กิ๊กมาเจอบีแล้วก็ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน บีเขาก็ถาม เออ..กิ๊กลูกสามเป็นยังไงบ้าง เขาก็มาเที่ยวบ้านกิ๊ก คุยไปคุยมาก็ชวนไปกันไหมกิ๊ก ไปไหนไปกัน ไปดูของใช้ลูก หนังสือลูกลดราคานะ ตอนนี้ลดความอ้วนนะน้ำพริก สั่งมาหน่อยสิ ตอนที่ตั้งกลุ่มไลน์อันนี้ขึ้นมาส่วนใหญ่ลูกจะป่วย ทำไงดีล่ะ ไข้ขึ้น เรามีประสบการณ์เยอะกว่า เราก็จะบอกว่าต้องทำแบบนี้นะ เขาจะเรียกกิ๊กว่า“อาจารย์แม่” เพราะลูกเราโตสุด และมีถึง 3 คน (หัวเราะร่วน)คนก็จะเชื่อ ลูกคนเล็กกิ๊กเท่ากับลูกคนแรกของคนอื่นถามกันไปถามกันมา ประสบการณ์แต่ละคนก็มีไม่เหมือนกันก็เอามาแชร์กันได้ แต่ว่าลูกนี่ต่างคนต่างเล่นมาก แม่นี่เจอกัน รวมตัวกันดีนะ แต่ลูกไปไหนก็ไม่รู้ไม่เล่นกัน (หัวเราะร่วน) คือมันเหมือนว่าเด็กวัยนี้ จะเป็นตัวของตัวเองมีทะเลาะแย่งของเล่นกันด้วย แต่แม่ยังเม้าท์มันส์อยู่เลย(หัวเราะ) พ่อก็อยู่อีกกลุ่มหนึ่ง พ่อ แม่ ลูก คนละกลุ่มเลย คือลูกไม่แมทช์ แต่แม่เนี่ยแมทช์ (หัวเราะ) เพราะเป็นศูนย์รวมการแลกเปลี่ยนข้อความต่างๆ การช่วยเหลือ คุยกันได้ทุกเรื่อง ทะเลาะกับสามี ได้หมดทุกเรื่อง ส่วนพ่อจะไม่มี ส่วนใหญ่ทำงาน อย่างแจ๊คกี้นี่ไม่ยุ่งอะไรเลย ไม่เปิดใจรับออนไลน์ทุกอย่าง วอทแอฟ ไลน์ ก็ไม่เล่น จริงๆ นะคนในโลกนี้มีด้วยเหรอเนี่ย อาการหนักนะ (หัวเราะ) เขาไม่เปิดรับ เพราะเขาชอบแบบนี้ ถ้าใครจะคุยกับเขาต้องโทร.เท่านั้น แมสเซสก็ไม่ต้องส่งนะ เพราะฉันต้องการคุยเท่านั้น
ประสบการณ์ชีวิตคู่หลังแต่งงาน
หวานก็ไม่หวาน ขมก็ไม่ขม เรียกว่ากำลังพอดีค่ะ เพราะว่าต่างคนต่างได้เรียนรู้ชีวิตกันมาแล้วในระยะเวลาหนึ่งพอมีลูกเราก็ได้เรียนรู้อีกระดับหนึ่ง ว่าแต่ละคนควรจะทำหน้าที่อะไร และมีความรับผิดชอบอะไร แยกกันออกไป แต่ว่าความเป็นปึกแผ่นยังมีอยู่ ความเข้าใจมีมากขึ้น ทะเลาะมากขึ้นเพื่อเข้าใจ ต้องมองโลกในแง่ดีนะ ของกิ๊กทะเลาะเพื่อเรียนรู้ ทะเลาะแล้ว ต้องไม่เกินวันหนึ่ง ห้ามนะ แล้วเราต้องจบนะ เพราะกิ๊กเป็นคนตรงมาก เขาก็เป็นคนตรง พอดีว่าตรงกับตรงมาเจอกัน ก็ดีนะ กิ๊กไม่ชอบอะไรที่อ้อมๆเราตรงแบบลูกทุ่ง เขาตรงแบบมีชั้นเชิง คือคนทำงานเขาก็มีชั้นเชิงของเขาอยู่แล้ว มีเล่ห์เหลี่ยมกว่า อย่างเช่นถ้าถามว่าชอบไหม อย่างเราก็จะบอกว่า ไม่นะ ถ้าเป็นแจ๊คกี้เขาจะบอกว่า เออก็ต้องดูไปก่อนนะ แจ๊คกี้บอกว่า คนเราต้องใส่หัวหลายๆ บทบาท แต่กิ๊กบอกว่าไม่ ฉันชอบหัวเดียว เพราะฉันไม่ชอบสองหัว (หัวเราะร่วน) เขาไม่เกตอีกว่าสองหัวแปลว่าอะไร(หัวเราะ) นั่งอธิบายอีกยาว เพราะเขาเรียนไทยแค่ป.3 แล้วไปอยู่เมืองนอกยาวเลย เหมือนเด็กฝรั่งคนหนึ่ง แต่เดี๋ยวนี้เริ่มเก่งล่ะ มีเถียง แจ๊คกี้เป็นคนที่มีวาทศิลป์ เรารู้เลย อย่างเรานี่ไม่มีเพราะเวลาพูดเราพูดตรงไป มันไม่ดีกับตัวเอง แต่เขาคิดว่าการพูดอะไรถ้าพูดแบบตรงๆ แต่มีวาทศิลป์ในการพูดจะดีกว่าคนที่พูดตรงๆ แบบลูกทุ่ง แบบเธอ ซึ่งเคยโดนว่ามาแล้ว (หัวเราะร่วน)
กิ๊กกับแจ๊คกี้ไม่ใช่สไตล์หวานตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะแฮปปี้กันก็ต่อเมื่อต่างฝ่ายต่างแก้ไขปัญหาให้กันได้ จะมีความสุขในเรื่องแบบนี้มากกว่า เช่น กิ๊กจะรู้สึกรักแจ๊คกี้มากขึ้นก็ต่อเมื่อแจ๊คกี้แก้ไขปัญหาให้กิ๊กได้ (หัวเราะ) แจ๊คกี้ก็น่าจะเช่นเดียวกัน โอเคชัดเจนป่ะ(หัวเราะ) แจ๊คกี้ก็จะรู้สึกว่าทุกอย่างที่กิ๊กทำได้ดีโดยที่เขาไม่ต้องมายุ่งแล้วก็แก้ไขปัญหาให้เขาได้บางส่วน เขาก็จะรักกิ๊กมาก
เรื่องโรแมนติก-เซอร์ไพรส์
อันนี้ต้องถามเขาค่ะ แล้วก็ต้องคิดก่อน เพราะไม่เคยคิดไง ไม่เคยมี เลยไม่เคยคาดหวัง ก็เลยบอกไม่ได้ว่าอยากจะมีหรือเปล่า เพราะถ้ามีแล้วอาจจะเฉยๆ ก็ได้ หรืออาจจะดีมากๆ ก็ได้ ไม่เคยคาดหวัง แต่ตอนนี้พอมีลูกสาม กลายไปคาดหวังกับลูก อะไรก็ตามถ้ามีลูกมาเกี่ยวข้อง กิ๊กจะแฮปปี้มากแจ๊คกี้ก็คงเหมือนกัน อะไรก็ตามที่มีลูกกับกิ๊กมาร่วมด้วยเขาก็จะแฮปปี้มาก คือขาดคนใดคนหนึ่งไม่ได้ กิ๊กเลยรู้สึกว่าครอบครัวกิ๊กเป็นครอบครัวที่ดูสบายๆ อยากทำอะไรก็ทำแต่ก็ต้องรู้จักว่าอะไรดีหรือไม่ดีนะ แล้วก็ไม่ใช่ครอบครัวไฮโซด้วย เป็นครอบครัวที่มีความสุขในสิ่งเล็กๆ ในความพอเพียง
แต่ตอนนี้ก็อยากจะให้พ่อมีเวลาให้ลูกเยอะๆ(เน้นเสียงจริงจัง) จริงๆ แล้วคนเป็นพ่อควรจะมีเวลาให้ลูกเยอะๆ ด้วย ไม่ใช่ว่าแม่ให้คนเดียว เพราะว่าพ่อก็เหมือนเป็นเสาหลักของบ้าน เขาต้องได้ความเข้มแข็งจากพ่อได้ความอ่อนโยนจากแม่ ได้ทั้งสองฝั่งดีที่สุด แต่ถ้าอยู่กับแม่เยอะไปก็จะกลายเป็นคนอ่อนโยนเกินไป จนกลายเป็นคนอ่อนแอ แต่ขอเลย..พ่อควรจะมีเวลาให้ลูกนิดหนึ่งกับแม่ไม่ต้องก็ได้ กับลูกนี้ควรอย่างยิ่ง (หัวเราะร่วน)
เคล็ดลับนางร้ายฉบับ กิ๊ก สุวัจนี
ไม่มีค่ะ..(หน้าตาจริงจัง) เพราะกิ๊กคิดว่าทุกคนกำลังรอกิ๊กอยู่(หัวเราะ) แต่ถ้ามีใครเก่งก็ขึ้นมาได้เลย มาเจอกัน!!
ยังไงก็อย่าให้แฟนๆ รอนานจนเกินไปนะคะ เพราะหลายคนยังคงคิดถึงและอยากเห็นฝีมือการแสดงขั้นเทพของกิ๊กอยู่ และหวังว่าการกลับมาครั้งนี้ จะเซอร์ไพรส์และประทับใจแฟนๆ อีกเช่นเคย
กระแตน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี