วันเสาร์ ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / บันเทิง
star Retro : 'ผี ไฮแจ็ค' ผู้อยู่เบื้องหลังงานเต้น ของ 'ทัช'และ 'เจ' 2 ค่ายในเวลาเดียวกัน

star Retro : 'ผี ไฮแจ็ค' ผู้อยู่เบื้องหลังงานเต้น ของ 'ทัช'และ 'เจ' 2 ค่ายในเวลาเดียวกัน

วันอาทิตย์ ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558, 06.00 น.
Tag :
  •  

จากเด็กจอมดื้อ แต่เปี่ยมไปด้วยพลังแรงฝันที่อยากจะเป็นนักดนตรี และแล้วชีวิตก็กลับผกผันได้มาเป็นนักร้องนักเต้นจนโด่งดังมีชื่อเสียงในนามวง “ไฮแจ็ค” ที่สุดแล้ว “ผี ไฮแจ็ค” หรือ “พีรพันธุ กุมารสิทธิ์” คือผู้ที่ออกแบบท่าเต้นให้กับศิลปินชื่อดังมากมายของเมืองไทย “สตาร์เรโทร” สัปดาห์นี้ขอย้อนวันวานไปกับอดีตหนุ่มวงบอยแบนด์ขาแดนซ์จากค่ายอาร์เอส

ในวัยเยาว์


เป็นเด็กที่ดื้อ มีมุมมองและทัศนคติเป็นของตัวเอง มักจะแยกแยะเองว่าอะไรถูกผิด คิดเองเออเองมาตั้งแต่เด็ก จะเรียกว่าเป็นคนดื้อเงียบก็ได้ครับแต่ก็ไม่ได้เถียงหรือว่าก้าวร้าวนะ เราจะค่อยๆ เรียนรู้และเห็นพ่อแม่เป็นครู ชอบดนตรีตั้งแต่เด็กๆ เพราะว่าบ้านอยู่ในโรงเรียนคุณพ่อเป็นภารโรง ได้ฟังดนตรีวงดุริยางค์ และฝึกเอากระป๋องสีมาตี ชอบเต้นหน้ากระจกเลียนแบบเบรกแดนซ์ “ไมเคิล แจ๊คสัน” เป็นผู้จุดประกาย แล้วก็จะมีครูที่วิทยาลัยนาฏศิลป์มาสอน ด้วยความที่เราชอบเต้นแล้วก็ชอบดนตรี ก็เลยขอพ่อแม่ว่าจะไปสอบแล้วก็สอบติดในลำดับที่ดีด้วยในวิชานาฏศิลป์สากลคือบัลเลต์ แต่ที่ผมไปเรียนคือดนตรีสากล เพราะว่าเราไม่รู้คำว่านาฏศิลป์สากลคืออะไร กลายเป็นว่าวิชาชีพที่เราเป็นในปัจจุบันที่แท้จริงก็คืออาชีพนักเต้น แต่เราก็ไปเรียนดนตรี จริงๆ ผมก็ชอบทั้งสองอย่าง แล้วจะมีคนพูดว่าเรียนบัลเลต์เดี๋ยวจะไม่แมนนะก็สองจิตสองใจ เลยมุ่งไปทางดนตรีและได้เป่าแซกโซโฟน กีตาร์เล่นเป็นอยู่แล้ว พอตอน ม.4ก็มาเรียนบาสซูน อยู่ในชมรมของวิทยาลัยนาฏศิลป์เราจะเล่นกีตาร์โซโล่ แต่ถ้าเกิดว่าเป็นงานของกรมศิลป์ในวงแจ๊สเราจะเป่าแซก ถ้าวงคาสสิเคิลจะเป่าบาสซูน (ความสามารถทางดนตรีรอบด้านมาก?) คือได้ทุกอย่างเบส กลอง เปียโน เราก็เรียนรู้เอง คิดอยู่ในหัวแค่เรื่องดนตรีแล้วก็เต้น เรามองโลกในอนาคตว่าเราจะเป็นอะไร คือมุ่งว่าอยากจะเล่นดนตรีเป็นนักดนตรีกับวง ครูคนหนึ่งสอนว่า คุณจะเล่นเครื่องมืออะไรก็แล้วแต่ อย่าเล่นด้วยสมองให้เล่นด้วยใจ คำสอนนี้เลยเปลี่ยนวิธีคิดของเราด้วยการเล่นด้วยจิตใจ

งานโชว์ที่ประทับใจ ?

งานของกรมศิลป์หลายงานเลยครับก็รู้สึกภูมิใจหมด เพราะว่าเราเป็นเด็กที่สามารถเล่นกับพี่ๆ แล้วมีงานหนึ่งที่เราได้โซโล่แซกโซโฟนในเพลงเชื่อฉัน และคนคงชอบพอตอนจบเขาขอให้เราเล่นอีกรอบก็รู้สึกประทับใจ (ยิ้ม)

ยังมุ่งมั่นต่อกับดนตรี ?

พอจบนาฏศิลป์ทุกคนต่างจะมุ่งเป้าไปมหาวิทยาลัย แต่เราไม่สามารถนำบาสซูนไปโชว์ได้ ก็เลยต้องนำแซกโซโฟนที่พ่อพอจะยืมได้ในโรงเรียนไปแต่มันเป็นแซกโซโฟนที่เสีย ขณะที่เราไปเจอโน้ตที่ง่ายมาก เราเป่าเรารู้ตัวเลยว่าเราตกแน่ๆ เพราะว่าเสียงมันควบคุมไม่ได้เลยเพี้ยนมากเหมือนคนเป่าไม่เป็น สรุปว่าผีเลยสอบตกปฏิบัติเราก็ทำใจคิดว่าเราคงสอบวิชาสามัญไม่ได้มั้ง หลังจากนั้นเลยเรียนต่อที่นาฏศิลป์ และมีรุ่นพี่ที่จุฬาฯเข้ามาที่วิทยาลัยเขาเรียกเราไปคุยเขาก็บอกว่าที่เราสอบไม่ได้เพราะว่าตกปฏิบัติ พอเรารู้แบบนี้เราก็ยิ่งผิดหวังเข้าไปใหญ่ ก็เลยเลิกเรียนเรามีความโกรธความเจ็บอยู่ในใจรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ผมรักกีตาร์มากทุกวันนี้เล่นได้แต่ของเก่า นอกนั้นไม่แตะเลย ไม่แตะดนตรีของใหม่ทุกชนิด เลิกเรียนด้วยเพราะเรารักมากเราหวังอนาคตที่เราจะเป็นนักดนตรีที่เก่งที่สุดให้ได้

จุดพลิกผันครั้งสำคัญ ?

พอดีจะรู้จักกับพี่ที่เป็นนักเต้นก็เลยปรึกษาเขาว่าทำยังไงเราถึงจะได้เต้น แล้วมีชาวต่างชาติท่านหนึ่งคือ “คุณสตรอม วอร์คเกอร์” ได้จ้างแดนเซอร์ คือนักเรียนที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ไปเต้นเป็นประจำ เราเลยมีโอกาสเข้าไปขอเรียนฟรีเพราะว่าเราไม่มีตังค์ แม่ไม่ยอมให้เงินไปเรียนเพราะคิดว่าเป็นอาชีพเต้นกินรำกิน แต่เราเห็นนักเต้นเรารู้ว่าเขาจะได้เงินเท่าไหร่ เราก็มองตัวเองอย่างนั้น แล้วพอเราอกหักจากดนตรีเราก็ทิ้งเลยแล้วไปขอเขาเต้นแต่เขาก็ไม่ให้ ก็เลยไปสมัครงานเป็นแมสเซ็นเจอร์เพื่อหาเงิน จนวันหนึ่ง “พี่โจ้” ที่เป็นนักเต้นที่นั่นบอกว่า คุณสตรอมขอคุยด้วย มันเป็นจังหวะที่เขากำลังจะเปิดหาแดนเซอร์หน้าใหม่ผมก็รีบไปคุยเลย ไม่ทำงานแมสเซ็นเจอร์แล้ว (หัวเราะ) ก็เลยไปเจอ “ต๋อย” (อภิชาติ ไข่มุกต์)ที่เขาสมัครเรียนอยู่ก่อนแล้ว ส่วนผมเรียนฟรีนะก็ซ้อมเต้นอยู่ 3 เดือน ได้รับงานแรกเลยเป็นงานถ่ายมิวสิกวีดีโอของศิลปินคนหนึ่ง แต่บังเอิญโดนแคลเซิลความฝันของเราสลายอีกแล้ว (หัวเราะ) เราก็อยากจะหาเงินช่วยพ่อแม่ด้วยนะ ตอนนั้นที่พ่อแม่ไม่ให้ตังค์มาเรียนเราเข้าใจเขานะ และเขาใช้คำว่าเป็นอาชีพเต้นกินรำกินมาเป็นข้ออ้าง

แอบท้อบ้างไหม ?

ไม่นะครับ เพราะว่าหลังจากนั้นก็ได้งานมิวสิกวีดีโอแต่จำไม่ได้ว่าเป็นศิลปินท่านไหน จะประมาณว่าเป็นนางแบบแนวเซ็กซี่ที่ผันมาเป็นนักร้อง ซึ่งก็เป็นงานแรกที่ภูมิใจมาก แล้วหลังจากนั้นสตรอมเขาก็ถามผมว่ามีเพื่อนที่เต้นเป็นไหม เขาอยากจะขยายงาน แล้ว “เอ็กซ์” (จาตุรงค์ โกลิมาศ) ก็เป็นเพื่อนที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ แต่ว่าเขาเรียนเอกโขน เราเห็นพื้นฐานเขาดีเห็นแววก็เลยชวนเขามา หลังจากนั้นก็มีผู้ใหญ่อีกคนที่มาจ้างเราคือ “พี่ปี๋” เวลามีงานก็ชวนเราไปเต้นงานนอก และเรามีงานกลางคืนทำด้วย คือเรียนเต้นไปทำงานไป และรับงานนอกด้วย เต้นประจำอยู่ที่โรงแรมแมนดาริน่า เงินเดือน 7,500 ภูมิใจมาก (ยิ้ม) จะมีนักร้องชื่อดังหลายๆ ท่านร้องเพลงแล้วผมก็ไปเต้นแบ๊กอัพ ระหว่างนั้นพ่อก็ขอให้เรียนและอีกความฝันของพ่อคืออยากให้ผมเป็นนักร้อง เพราะว่าผมเข้าวงการแล้ว ส่วนเรื่องเต้นกินรำกินนั้นท่านไม่ว่าแล้ว และด้วยความที่เรารับงานนอกนี่เองมันก็เลยทำให้เรามีปัญหากับสตรอม ซึ่งเราก็รู้สึกผิดและเสียใจ แต่ทุกวันนี้เราก็ยังสำนึกถึงท่านอยู่ (ต้องก้าวต่อไป ?)ก็มาทำงานกับพี่ปี๋เต็มตัวและได้เจอกับ “เจมส์” (พิชัย อูนากุล) เริ่มเต้นให้กับ “พี่เบิร์ด” อีกค่ายหนึ่งที่รับทำก็คือนิธิทัศน์ งานของแกรมมี่ก็รับทุกคน งานเริ่มเยอะขึ้นคนเห็นศักยภาพและเราก็ได้ทำงานกับเจมส์ เอ็กซ์ ต๋อย มากขึ้น

อีกก้าวที่สำคัญ ?

ผมใช้เวลา 2 ปี จนได้มีโอกาสเป็นโคโรกราฟเฟอร์ให้กับ “ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง” ในอัลบั้ม ทัช เท้าไฟ ซึ่งออกมาก็ตู้มเลย เพราะว่าท่าเต้นแร็พ พอทัชออกมา “เจ-เจตริน” ก็ตามมาทางแกรมมี่เขาก็พยายามไปหาโคโรกราฟเฟอร์ พี่ปี๋ก็เลยให้เรามาทำ ซึ่งเจเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเราก็ทำให้กับทัช เขาก็ค่อนข้างไม่เชื่อใจ แต่พอได้ทำงานกันเขาก็เชื่อว่าเรามีจรรยาบรรณพอที่จะแยกแยะว่าจุดเด่นของเพลงนี้คืออะไร มันไม่คล้ายกันแน่นอน แล้วก็ได้ไปทำให้ “ใหม่ เจริญปุระ” ทำได้ทั้ง 2 ค่ายเพราะว่าไม่ได้เซ็นสัญญากับที่ไหน แล้วก็ได้ไปเล่นหนังเรื่อง “รองต๊ะแล่บแปล๊บ” ต่อมาทางผู้ใหญ่ทางอาร์เอสก็สนใจอยากให้พวกเรามาทำอัลบั้ม ตอนนั้นเรามีกัน 6 คน ที่เป็นแดนเซอร์หลักๆ ให้กับทัช แต่เขาจะเอา 4 คน ผีก็เลยบอกว่าเราเลือกไม่ได้ก็ให้ผู้ใหญ่ตัดสินใจเองโดยการเข้าไปเทสต์เสียง ผีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร สุดท้ายก็เลยกลายเป็น 4 คนนี้ เอ็กซ์ ผีเจมส์ ต๋อย ชื่อวงตอนแรกมีชื่ออื่นที่ผู้ใหญ่ตั้งให้แต่พวกเราเป็นเด็กหนุ่มผู้ชาย ก็คือ Jack เลยยึดคำว่า Jack สุดท้ายผู้ใหญ่ก็เสนอว่าเป็น “ไฮแจ็ค” แล้วเขาตั้งใจให้เราเป็นนักร้องนักเต้นด้วย

กว่าจะออกมาเป็นอัลบั้มแรกของไฮแจ็ค ?

ต้องหยุดรับงานไปเป็นปีเลยครับ มาเรียนร้องเพลงไว้ผมหาลุคให้กับตัวเองเก็บตัว ออกอัลบั้มแรกปี 2535 ในวัย 20-21 แต่เพลงออกมาตอนแรกไม่มีใครรู้จักเลย ขนาดว่ามีมิวสิกวีดีโอออกมาก็ไม่มีใครรู้จักว่าศิลปินคือใคร เพราะทุกคนจำหน้าจำตาเราได้ดี เขาก็คิดว่าเราจะมาเต้นให้กับศิลปินคนไหน กระแสวงไฮแจ็คเงียบมาก แล้วมีการถ่ายมิวสิกวีดีโอเปิดตัวพวกเราหลายครั้งมาก มีสกู๊ปเปิดตัวปรับการตลาดเยอะ แต่ไม่ได้ผลจะได้ผลตอนเล่นคอนเสิร์ต คนก็ตกใจว่าอ้าว!นี่ร้องเองเต้นเองนี่หว่าคนก็เลยเริ่มรู้ฟีดแบ๊กเราก็ดีขึ้นจนมีคอนเสิร์ตเยอะมาก แล้วพอเพลงไฟตกน้ำออกไปการตอบรับก็มาถล่มทลาย และถือว่าประสบความสำเร็จ มีคอนเสิร์ตใหญ่ที่เอ็มบีเคฮอลล์ เมื่อก่อนเวทีเอ็มบีเคถือเป็นการวัดความสำเร็จกันเลย ซึ่งของเราขายบัตรหมดภายในไม่กี่ชั่วโมง ก็ไม่น้อยหน้าใคร (ยิ้มกว้าง) เราใช้ความสามารถของพวกเราและเป็นการรวมทีมแดนเซอร์ระดับประเทศของเมืองไทยมาเต้นบนเวที ซึ่งมันมากกลับไปดูย้อนหลังทีไรก็ภูมิใจ ว้าว!ตลอด รู้สึกดีใจ และเอ็นเอชเคของญี่ปุ่นก็บินมาสัมภาษณ์ว่าเราเป็นใครแต่งตัวปอนๆ แต่ทำไมเต้นเก่งมาก เพลงของเราก็ไปเปิดที่ญี่ปุ่นด้วยครับ

ต่อเนื่องกับอัลบั้มชุดที่ 2 ?

อัลบั้มที่ 2 เล่นเจ็บเจ็บ เพลงดังคือขอบอกเอง ประสบความสำเร็จกว่าอัลบั้มแรกเยอะมาก และระหว่างทำอัลบั้มที่ 3 ก็ทำไปหลายเพลงแล้ว และแม่ผีก็ป่วยเลยทำไม่เสร็จสักที จนแม่เสียแล้วเราก็ได้รับอุบัติเหตุอย่างหนัก จนเพื่อนๆ หรือว่าคนอื่นมอง
ว่าเราจะกลับมาเต้นไม่ได้ ในขณะที่งานก็เดินอยู่ วันหนึ่งเพื่อนมาหาเขามาบอกว่าจะไม่ทำต่อ เราก็รู้สึกซึ้งในน้ำใจของเพื่อนมากๆ เพราะว่าอนาคตของเขาจะต้องมาหยุด เราก็รักษาตัวเองอยู่ประมาณ 6 เดือน ก็ได้รับโอกาสจาก “ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล” ให้เรามาคิดท่าเต้น แต่เรายังเต้นไม่ได้ก็เลยให้คนมาเต้นแทนเรา ก็ได้ทำให้กับ “แร็พเตอร์” ในอัลบั้มชุดที่ 2 ตอนแรกผู้ใหญ่ยังไม่มั่นใจในศักยภาพของเราเท่าไหร่ก็เลยจะให้ลองทำแค่เพลงเดียวก่อน แต่สุดท้ายเราก็ได้ทำทั้งอัลบั้มและได้เซ็นสัญญา หลังจากนั้นแร็พเตอร์ออกอัลบั้มไม่หยุดเลย จากที่เราเดินไม่ได้ใช้ไม้เท้าจนตอนหลังเริ่มมาเต้น ทำงานหนักขึ้น 4 ปีไม่ว่างเลย และได้ทำให้กับศิลปินอื่นๆในอาร์เอส “ราฟฟี่-แนนซี่”“เจอาร์-วอย” “ลิฟท์-ออย” “เจมส์-เรืองศักดิ์” “ศรราม”“บาซู” ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นศิลปินให้กับอาร์เอสแล้วแต่เราก็ยังทำงานอยู่เบื้องหลังกับที่นี่อยู่ ทำมาจนถึงอายุ 35 หลังจากนั้นผมได้ไปทำงานให้กับค่ายแกรมมี่เช่น ภาพยนตร์เรื่อง “จักรยานสีแดง” เพลงและท่าเต้นที่ดังคือ เพลงแมลง ของ “ทาทา ยัง” และร่วมถึงอัลบั้ม “มอส&ทาทา” นอกจากนี้ก็มีงานจากค่าย EMI ที่เขามาเปิดตัวในเมืองไทย และอีกเยอะครับ แล้วก็ขอหยุดงานเพื่อไปบวชอยู่ 21 วัน ค่อยกลับมาทำงานต่อ

อีกหนึ่งความฝันที่ได้ทำ ?

คือการได้เปิดโรงเรียนบ้านสี่ศิลป์ เป็นโรงเรียนที่สอน เต้นรำ ร้องเพลง แอ๊กติ้งและรำไทย ผมบริหารเองและมีทีมน้องๆ ที่มีความรู้ความสามารถมาสอน เราจัดตั้งจากกระทรวงศึกษาธิการ ตอนนั้นถือว่าประสบความสำเร็จมาก ผลิตบุคลากรมากมายและที่กำลังดังในตอนนี้คือแบมแบม Got7 เรียนกับเรามาตั้งแต่เด็กๆ จนน้องได้ไปเกาหลี และเราก็ได้มีโอกาสสร้างศิลปินกลุ่มในนามวง บี-ทวิน เนื่องจากเราได้รับโอกาสมาจากสตรอม เราก็เลยอยากจะให้โอกาสกับน้องๆ ต่อไป เลยเปิดรับสมัครเด็กทุนโปรโมทออกสื่อมีคนมาสมัครมาโรงเรียนแทบแตก เกือบห้าร้อยคน แล้วเราก็คัดเหลือ 12 คน จนตอนหลังมันก็เกิดวิกฤติของทางโรงเรียน และมีคนที่ท้อบ้างออกไปบ้าง จนสุดท้ายเหลือ 4 คน ผู้ชาย 1 ผู้หญิง 3แล้วเราก็ต้องเลือกทำเลยเลือก 3 คนผู้หญิงและย้ายโรงเรียนมาที่บ้านเราเอง เปิดสอนเขาที่นี่คุมเพลงเองทำเพลงกันเองให้น้องๆมาช่วยออกแบบ งบเราน้อยแต่เราก็เต็มที่ให้น้องๆ มีสิทธิ์คิดและได้ออกมาเป็นบี-ทวิน หลังจากเปิดโรงเรียนแล้วก็ยังทำให้“บาซู” “ ดีทูบี” “บีมิกซ์” และได้ทำงานร่วมกับอีกหลายบริษัทครับ จนโรงเรียนสี่ศิลป์ปิดตัวลง ปัจจุบันได้ไปทำธุรกิจกับเพื่อนที่พัทยาเราก็ช่วยทำในส่วนของการบริหารวางคอนเซ็ปต์ของร้าน

สิ่งที่อยากจะทำ ?

ทุกวันนี้ยังคิดถึงการร้องเพลงและการเต้นอยู่นะ มันคือชีวิต แต่ว่าโอกาสมันคงไม่มีแล้วล่ะ อายุเราปูนนี้แล้วอยู่ๆ จะมาออกอัลบั้มเขาคงว่ามั้ง แต่ว่าความท้าทายของผีคือกล้าหรือเปล่า ซึ่งเราก็ยังมีโอกาสได้ทำงานกับอาร์เอสเรื่อยๆ นะ ผีได้ไปออกแบบท่าเต้นให้กับ “ฟิล์ม-รัฐภูมิ” ในหนังเรื่อง “ซูเปอร์ แหบ แสบ-สะบัด” แล้วก็เป็นโคโรกราฟในคอนเสิร์ตแร็พเตอร์ ปี 2011 คอนเสิร์ตอาร์เอสมิทติ้ง เมื่อปี 2013 ส่วนปัจจุบันก็คือทำงานอิสระและมีเปิดสอนบ้าง แล้วก็ยังอยากกลับมาทำโรงเรียนเหมือนเดิม

ความภาคภูมิใจ ?

ตลอดชีวิตมันก็มีอุปสรรค และอุปสรรคก็มีหลายครั้ง สูงสุด ต่ำสุด จากเป็นไฮแจ็คร่วงลงมาเป็นคนธรรมดา แล้วก็มาเริ่มต้นใหม่มามีชื่อเสียงจากการออกแบบท่าเต้น จากการเปิดโรงเรียน แล้วเจอปัญหาเรื่องของที่ดินก็จบทุกอย่าง สุดท้ายกลับมาเริ่มต้นใหม่และทำทุกอย่างทุกวันนี้ก็มีความสุข ฉะนั้นถ้าถามว่าอะไรคือสิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุดก็คือการที่เราเอาชนะอุปสรรคไม่ว่ามันจะวิกฤติแค่ไหน ผลงานทุกผลงานที่ทำมามันคือความตั้งใจทุกชิ้น กว่าจะคิดได้แต่ละงานแต่ละเพลงแต่ละสเต็ปมันออกมาจากหัวใจ พอเราทำให้เขาประสบความสำเร็จเราก็ภูมิใจ การทำรียูเนียนอาร์เอส ศิลปินเก่าๆ ที่เราเคยสอนมันก็ยิ่งตอกย้ำว่านี่แหละคืออดีตที่ทำดีที่สุดแล้ว ยิ่งรียูเนียนอีกเราก็ยิ่งมีความสุข นี่แหละคือความภาคภูมิใจครับ

สเตตัสหัวใจ ?

โสดครับ ด้วยความที่สุขภาพไม่ค่อยดีและต้องรักษาตัวเองอยู่ตลอด ทุกวันนี้มีความสุขอยู่กับหุ้นส่วนที่ครอบครัวเขารักเราเหมือนลูกเหมือนหลาน และเราก็มีหลานมีคนที่เราต้องดูแลอยู่แล้ว ดังนั้นการที่จะต้องไปดิ้นรนหาและอายุก็เยอะสุขภาพก็ไม่ดีคงจะดูแลใครไม่ได้ อยู่แบบนี้สบายกว่า จริงๆ เคยมีแผนแล้วเราก็ตั้งใจว่าคนนั้นจะเป็นคนสุดท้าย เพราะว่าจากอุบัติเหตุครั้งที่แล้วมันก็ยังไม่ค่อยหาย เราไม่อยากให้ใครมาเห็นวิลแชร์เรามาลำบากกับเรา ตอนนี้ไม่ได้คิดถึงเรื่องแต่งงานอยากให้เวลากับหลานและดูแลลูกของหุ้นส่วน ไม่อยากให้เวลาตรงนี้มันถูกดึงไป

แม้สเต็ปชีวิตจะเคยประสบความสำเร็จแบบสูงสุดมาแล้ว ทุกวันนี้กลายเป็นคนธรรมดา แต่ “ผี ไฮแจ็ค” ก็ไม่เคยเสียใจ เพราะเขาถือว่างานทุกอย่างเขาได้ทำเต็มที่แล้วด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น

กุหลาบสีเงิน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • แซ่บสะเทือนโลก! \'ลิซ่า-ไทล่า\'ปล่อยเพลง\'When I\'m With You\' แดนซ์ไฟลุกสมฉายาสะโพกแห่งชาติ แซ่บสะเทือนโลก! 'ลิซ่า-ไทล่า'ปล่อยเพลง'When I'm With You' แดนซ์ไฟลุกสมฉายาสะโพกแห่งชาติ
  • โบกมือลาเมืองไทย! \'โตโน่\'โกอินเตอร์ทัวร์คอนเสิร์ตยุโรปนาน2เดือน ทำแฟนเพลงใจหาย โบกมือลาเมืองไทย! 'โตโน่'โกอินเตอร์ทัวร์คอนเสิร์ตยุโรปนาน2เดือน ทำแฟนเพลงใจหาย
  • สมมงควีนออฟคานส์! \'ชมพู่ อารยา\'สวยสง่าดุจเจ้าหญิง เสิร์ฟลุค3จากแบรนด์ไทย\'SIRIVANNAVARI\' สมมงควีนออฟคานส์! 'ชมพู่ อารยา'สวยสง่าดุจเจ้าหญิง เสิร์ฟลุค3จากแบรนด์ไทย'SIRIVANNAVARI'
  • \'เบสท์ ชนิดภา\'เปิดโปงกลลวงมิจฉาชีพ ปั่นหัวหลอกโอนเงินกว่า 1.2 ล้าน ช้ำถูกบูลลี่ สมน้ำหน้า สวยแต่ไม่ฉลาด 'เบสท์ ชนิดภา'เปิดโปงกลลวงมิจฉาชีพ ปั่นหัวหลอกโอนเงินกว่า 1.2 ล้าน ช้ำถูกบูลลี่ สมน้ำหน้า สวยแต่ไม่ฉลาด
  • \'หน่อย บุษกร\'หมดไฟ! ประกาศปิดบริษัทยุติบทบาทผู้จัดฯ พ้อละครไทยเจอวิกฤตหนัก 'หน่อย บุษกร'หมดไฟ! ประกาศปิดบริษัทยุติบทบาทผู้จัดฯ พ้อละครไทยเจอวิกฤตหนัก
  • 24 พ.ค.นี้ หวนคืนสู่อดีตครั้งสุดท้ายของ ‘NO MORE BELTS’ คอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 17 ปี 24 พ.ค.นี้ หวนคืนสู่อดีตครั้งสุดท้ายของ ‘NO MORE BELTS’ คอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 17 ปี
  •  

Breaking News

ผู้ว่าฯเชียงรายสั่งทลายบ่อนพนันยึดยาเสพติด-เงินสด 1.5 แสนรวบผู้ต้องหา 13 ราย

สินค้าเกษตรไทยในตลาดโลก สร้างรายได้ต่อเนื่อง ปี68'ม.ค.-มี.ค.'พุ่งกว่าแสนล้าน

ชาวศรีสวัสดิ์ล้นทะลักหอประชุม ร่วมเวทีความคิดเห็นสร้างสะพานข้ามเขื่อนศรีนครินทร์

ฟ้าผ่า'ปราสาทนครวัด' กัมพูชา เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บเพียบ ขณะทำพิธีบวงสรวง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved