ตามที่สัญญาไว้ค่ะ หลังจากที่พาไปชมการซ้อม เตรียมตัวขึ้นคอนเสิร์ต “รวมใจถวายพระพรมหาราชินีนาถ” ของศิลปินระดับตำนานมา 2 สัปดาห์ติดเล่าถึงความพร้อมของภาพรวม และบทสัมภาษณ์ของ ศิลปินฝ่ายชาย กันไปแล้ว อาทิตย์นี้ขอปิดท้ายด้วย ความในใจจากแม่งานคนสำคัญ ศิลปินแห่งชาติ สวลี ผกาพันธุ์ ร่วมด้วยทีมศิลปินหญิง ที่พร้อมใจกันรังสรรค์ ให้วันที่ 11 มิถุนายนนี้ เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของวงการเพลงอมตะไทย
สวลี ผกาพันธุ์
สวลี ผกาพันธุ์
“คอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 แล้วค่ะ ที่ทำให้ในนามมูลนิธิอุบลรัตน์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อนำเงินรายได้ส่วนหนึ่งไปช่วยด้านการศึกษา สร้างโรงเรียนเจ้าฟ้าฯที่เชียงดาว อยากให้ไปเห็นเองค่ะ แล้วจะซาบซึ้งมากลองนึกถึงเด็กที่บ้าน อยู่ไกล ต้องเดินทางไปโรงเรียนแสนจะลำบาก ต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะมากที่จะต้องตื่นเช้าเดินทาง 2 ชั่วโมงมาเรียน และกลับอีก 2 ชั่วโมง เมื่อได้เงินจำนวนนี้ เราก็จะได้โรงเรียนกินนอน มีที่พักพอเพียงไปดูเถอะค่ะ ไม่ได้สวยวิจิตรพิสดารอะไร คืออยู่ได้ มีอาหาร มีเสื้อผ้านุ่งห่ม มีการศึกษาที่ดี มีผู้อบรมสั่งสอนที่ดี เป็นคณะซิสเตอร์ และมีแผนกเด็กป่วย HIV ซึ่งอยู่อีกตึกหนึ่ง คนที่ดูแลเด็กๆ เราก็สัมผัสได้ว่าเขาทำกุศลด้วยหัวใจจริงๆเงินที่ส่งไปให้มูลนิธิฯ ในการเลี้ยงเด็กเกือบ 600 คนนี้คุ้มเกินคุ้มกับชีวิตมนุษย์ค่ะ ที่ได้ให้ความรู้ ให้ความเป็นอยู่ที่ดีซึ่งความรู้นี่สำคัญที่สุด เด็กก็จะไม่ต้องถูกหลอกอีกต่อไป”
การเตรียมงานคอนเสิร์ตในปีนี้
“นักร้อง น้องรักเยอะค่ะ พอรู้ว่าทำคอนเสิร์ต แต่ละคนแทบจะมาด้วยใจจริงๆ คอนเซ็ปต์ปีนี้ก็จะเป็นเพลงจากภาพยนตร์ และละคร มีทั้งของไทย ของฝรั่ง เพื่อให้เพลงที่นำมาร้องมีความแปลกใหม่ แต่เพลงที่กำหนดไว้ให้ร้องทุกคน คือตอนจบเราจะมีเพลงฟินาเล่ค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ตรงวัน ไม่ตรงเดือนก็จริง แต่ก็ถือว่าใกล้กัน คืองานคอนเสิร์ตจัดในวันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม
แต่เราก็ถือว่าในปีนี้ ที่ท่านจะทรงมีพระชนมพรรษา 7 รอบ3 เพลงสุดท้ายจึงวางไว้เป็นเพลงฟินาเล่ ให้นักร้องทุกคนออกมาร้องเพลงด้วยกัน ร้องถวายพระพรท่าน เป็นเพลงที่รู้จักกันอยู่แล้วค่ะ คือเพลง “สมเด็จ” เพลงนี้เป็นเพลงของคุณสมาน กาญจนะผลิน เนื้อร้องเป็นของคุณชาลีอินทรวิจิตร เราเป็นคณะแรกที่ร้องกันไว้ โดยคุณชาลีเขาเข้าใจทำค่ะ เขาเอาชื่อเพลงพระราชนิพนธ์ในแต่ละเพลง เช่นเพลง เทวาพาคู่ฝัน ,ลมหนาว ,ในดวงใจนิรันดร์ หรือว่าเพลงอาทิตย์อับแสง มาร้อยเรียงผูกกันจนกระทั่งสามารถมีชื่อเพลงอยู่ในเพลงนี้ได้ และตั้งชื่อเพลงว่า “สมเด็จ” ขึ้นต้นเพลงว่า โสมส่องมาจากแดนฟ้าไกล แก้วตาขวัญใจประชา... ถ้าไม่ทราบว่าเป็นชื่อเพลงพระราชนิพนธ์ ก็นับเป็นเนื้อร้องที่ไพเราะประโยคหนึ่ง”
“เพลงที่ 2 ที่พวกเราจะร้องถวายพระพร คือเพลง “แม่แห่งแผ่นดิน” มีโอกาสได้เป็นนักร้องออริจินัลรุ่นแรกอีกเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ใช่สวลีคนเดียวนะคะ เราร้องกันเป็นหมู่คณะ คือเป็นคำพระราชดำรัสของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ 4 บรรทัดเท่านั้นเองค่ะ แต่นักแต่งเพลงรวมกันหลายท่าน เขาเอาแต่ละบรรทัดมาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว เพื่อที่จะให้สัมผัสกับท่อนที่ 2 ที่จะต่อมา บรรทัดสุดท้ายของ 4 บรรทัดแรกก็นำมาปิดท้ายตอนจบ เป็นเพลงที่เนื้อหาดีมากเลยค่ะไม่อยากจะเล่าหมด อยากให้ไปฟังค่ะ ส่วนเพลงสุดท้ายถือว่าใครๆ ก็ร้องได้ คือเพลงสดุดีมหาราชา ราชินีค่ะ”
ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ
“เป็นเกียรติอย่างสูงสุดค่ะที่ได้ถวายรับใช้พระองค์ท่านมากว่า 30 ปี จนตอนหลังล้มสะโพกหัก ถอนสายบัวไม่ได้ จึงต้องหยุดไปค่ะ พระองค์ท่านพระทัยงดงามอย่างหาที่สุดมิได้ ภาพที่ทรงแย้มพระสรวล เป็นความงามอันบริสุทธิ์จริงๆ ค่ะ และเสน่ห์ที่ประทับใจทุกๆ คน คือพระองค์ท่านทรงจำชื่อคนแม่นที่สุด ไม่ใช่หมายถึงสวลีนะคะ แต่เวลาที่เข้าแถวรับเสด็จ จะเห็นพระองค์ท่านทรงทักคนนั้นคนนี้ ท่านทรงจำชื่อได้ทุกคนค่ะ สร้างความปลาบปลื้มแก่ผู้ที่เข้าเฝ้าฯทุกคน อยากให้มีอภินิหารค่ะ อยากให้พระองค์ท่านหายประชวร (เสียงสั่น) คือนานเกินไปแล้วค่ะ ถ้าพูดศัพท์ชาวบ้าน คือคิดถึงท่านค่ะ”
ศิลปินน้องใหม่เสริมทัพ
“ครั้งนี้มี คุณฮาร์ท-สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล,คุณสุชาติ ชวางกูร และคุณฉวีวรรณ ทองแย้ม ที่เพิ่มเข้ามาค่ะ คุณฮาร์ทเป็นคนร้องเพลงสนุก เป็นทั้งเอนเตอร์เทนเนอร์และซิงเกอร์ คือเป็นทั้งนักร้อง และนักพูด แก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าเก่ง และใบหน้าเขามีเสน่ห์ค่ะ ยิ้มตลอด และก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้ร้องเพลงร่วมกันมาก่อน ครั้งนี้ก็เลยชวนเขา ด้านคุณสุชาติ เขามาแนวพระเอก เป็นสุภาพบุรุษ ร้องเพลงเพราะ ก็จะมาร้องเพลงหนังเพลงละครให้ได้ฟังกัน และคุณฉวีวรรณ ทองแย้ม เขาถนัดเพลงสากล ก็จะมาขับร้องในส่วนของเพลงสากลแปลงค่ะ”
เพิ่งผ่านพ้นการผ่าตัดกระดูกสันหลัง
“หลายคนถามว่าผ่าทำไม ผ่าตัดกระดูกสันหลังค่อนข้างเสี่ยง แต่เพราะเจอหมอที่เป็นยอดของหมอค่ะเลยยอมผ่า เทคนิคนี้เพิ่งมาถึงเมืองไทยได้ 2 ปี คุณหมอวิชาญและทีมงานท่านเก่งมาก สลบไป 6 ชั่วโมง ออกมาเรียบร้อยทุกอย่าง พอรุ่งขึ้นหมอมาเยี่ยม บอกให้ลุกขึ้นเดินจากเตียงที่เรานอนไปโต๊ะกินข้าว เดินได้แล้วค่ะ เป็นการยืนยันให้คนไข้อุ่นใจว่าฉันเดินได้แน่ แล้วก็มีบอกเดินอีกที คราวนี้ผมปล่อยมือนะ คุณหมอใจดีมากค่ะ”
เหตุนำมาสู่การผ่าตัดกระดูกสันหลัง
“คนชอบพูดว่าปวดหลัง แต่จริงๆ ไม่ใช่หลังนะคะ เป็นช่วงเอว แต่ไม่ใช่ว่าสวลีปวดครั้งเดียว แล้วไปหาหมอ คือปวดมาร่วม 7-8 ปีแล้วค่ะ ก็กินยา ตอนนั้นมีวันหนึ่งปวดมาก ก็โทรศัพท์ถึงคุณหมอประจำตัว ไม่ใช่คุณหมอวิชาญนะคะ คุณหมอก็บอกกินยาตัวนี้ รับรองต้องเดินได้ คือตอนนั้นปวดชนิดก้าวขาไม่ออก ไปปวดที่ต่างประเทศ ก็กินยาตามที่คุณหมอสั่ง เราก็เลยเคยตัว พอปวดก็ซื้อกินเองมาตลอด 8 ปี โดยที่ไม่ได้เล่าให้คุณหมอฟัง ปรากฏมันเป็นยาอันตราย ซึ่งเขากินกันชั่วครั้งชั่วคราว ถ้าไม่หายก็ต้องเปลี่ยน ยาก็เลยไปกระเทือนกับโรคประจำตัวคือความดันโลหิตสูง หมอที่รักษาความดัน ก็สงสัย ทำไมความดันขึ้นสูง จนต้องแอดมิท จนสุดท้ายคุณหมอบอกไหนมาเล่าให้ฟังสิ วันๆ กินยาอะไรบ้าง ก็เล่าให้ฟัง หมอก็อ้อ... ใครให้กินเราก็บอกกินเอง เช่นเรารู้ว่าเราจะไปต่างประเทศ เรากินก่อนล่วงหน้าเลยค่ะ ไปเที่ยว 10 วันไม่มีปัญหา แต่มันไปเป็นผลอีกทางหนึ่ง กับทางตับ ทางไต คุณหมอที่ผ่าสะโพกกับผ่าหัวเข่า คือคุณหมออารีย์ ที่รพ.จุฬาฯ บอกว่าผมไม่ได้ผ่าสันหลัง แต่มีหมอคนหนึ่งเก่ง ก็เลยแนะนำให้รู้จักคุณหมอวิชาญ คุณหมอวิชาญก็หาเวลาให้ โดยมีข้อแม้ว่า ต้องหายให้ทันคอนเสิร์ต (หัวเราะ) หมอบอกทันๆ ก็เลยนัดผ่าให้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาค่ะ”
“เป็นการผ่าผ่านกล้องค่ะ เปลี่ยน 3 ท่อนฟังเหมือนง่ายนะคะ แต่เวลาผ่าเขาจะต้องเขี่ยเอาที่ผุ ที่ไม่ดีออกมา แล้วก็ใส่สารชนิดหนึ่งเข้าไปแทน คุณหมอบอกสมัยนี้รถยนต์ไม่มีใครเขาปะผุกันแล้ว เขาเปลี่ยนกันเป็นชิ้น หมดสมัยมาซ่อมแล้ว เพราะฉะนั้นกระดูกผุก็เขี่ยมันออกไป ใส่ใหม่เข้าไป คือคุณหมอพูดดูง่ายไปหมดเลยค่ะ แต่จริงๆไม่ได้อย่างนั้น มันก็เจ็บนะคะ แต่เราก็อดทน เพราะคุณหมอพูดอยู่คำว่า “ยังไม่เคยมีใครเป็นแล้วไม่หาย ไม่มีใครไม่หายปวดสักคน” เราก็ต้องอดทน อีกอย่างหนึ่งคือต้องขอเลย ทั้งลูกหลานครอบครัว บรรดากัลยาณมิตร และเพื่อนๆ รวมถึงบรรดาน้องรัก นักร้องทั้งหลาย คือขอร้องไม่ให้ไปเยี่ยม ไม่อยากให้ใครมาเยี่ยม เพราะไม่อยากคุย เขาก็จะพร้อมใจกันไลน์มาหาแทนค่ะ เช้ามาแล้ว ส่งไลน์มากันเป็นแถว(หัวเราะ) ก็ต้องถือโอกาสขอบคุณทุกกำลังใจด้วยค่ะ ทุกครั้งที่อ่านเจอข้อความที่ทุกคนให้กำลังใจมานั้น มีค่าสำหรับสวลีมากเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาได้ค่ะ”
ความพร้อมของร่างกายตอนนี้
“หายทันขึ้นคอนเสิร์ตแน่นอนค่ะ เข่าก็ผ่ามาแล้ว สะโพกก็ผ่าแล้ว ตอนนี้คุณหมอไม่ได้ให้กายภาพ แต่ให้หัดเดินเฉยๆ ค่ะ วันแรกที่เดินนะคะ คล้ายๆ ครึ่งท่อนบน กับครึ่งท่อนล่าง คนละตัวกันเลย รู้สึกยังไม่สัมพันธ์กัน เราก็ต้องใส่เฝือก การที่เราใส่เข็มขัดก็เพื่อให้เชื่อมกัน อีกหน่อยก็จะเหมือนเดิม หมอบอกไม่มีใครไม่หาย อยู่ที่ว่าช้าหรือเร็วเท่านั้นเองค่ะ ใจสู้อยู่แล้วค่ะ”
ทิ้งท้ายถึงคุณผู้ฟัง
“ใครๆ ก็ต้องชอบความสนุก ถ้าชอบความสนุกเหมือนกัน ก็อยากชวนมาดูคอนเสิร์ต และถ้าคุณเลือกมาดูคอนเสิร์ตที่สวลีพูดถึงนี้ คือ “รวมใจถวายพระพรมหาราชินีนาถ” ในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ คุณได้ฟังเพลงด้วย และในขณะเดียวกัน คุณก็ได้ทำบุญด้วย มาถึงที่ เป็นแพ็กเกจเลยค่ะ เพราะว่าในบัตรที่คุณซื้อ เสียสตางค์ไปนั้น ส่วนหนึ่งของเงินจำนวนนั้น เราจะนำไปบำรุงมูลนิธิอุบลรัตน์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ้งเลี้ยงเด็กอยู่กว่า 600 คน ให้มีที่อยู่ที่กินขนาดพอเพียง มีการศึกษา มีการอบรม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือมีวินัย และปลูกฝังให้รักชาติ รักพระเจ้าแผ่นดิน เรียกว่าเรามาเป็นแพ็กเกจให้เลยค่ะ ทั้งสนุก ทั้งได้บุญ”
ศรวณี โพธิเทศ
คู่เพื่อนซี้ ศรวณี โพธิเทศและ สุดา ชื่นบาน
เม้าท์-สุดา : ครั้งนี้รับผิดชอบในส่วนของเพลงแปลงค่ะ คนที่แต่งเพลงแปลงแรกๆ คือ คุณนคร มงคลายนเขาจะเอาเพลงเช่น My Truly, Truly Fair มาแต่งเป็นเพลง “กินกาแฟ” หรืออย่าง Seven Lonely Days ก็เป็น“7 วันที่ฉันเหงา” โดยมีคุณเพ็ญแข กัลย์จาฤก ร้องเอาไว้จะเป็นสไตล์เพลงไพเราะ แต่ถ้าเป็นของคุณเพ็ญศรี พุ่มชูศรีจะเป็นสไตล์ตลกขบขันค่ะ หรืออย่างของคุณมีศักดิ์เอาเพลง เดโอ เดเอโอ มาร้องเป็น “แดดออก” นี่คือเพลงแปลงแต่ก่อนเราไม่มีค่าลิขสิทธิ์ก็แปลงกันสนุกสนาน จากเพลงจีนก็มี เพลงแขกก็มี คือในสมัยก่อนร้องเพลงดี ร้องให้ไพเราะร้องยากนะคะ แต่ร้องเพลงแปลง ร้องง่าย ยิ่งเป็นเพลงตลก จะติดหูคนฟัง บางคนจะสนุกสนานไปทางหยาบคายแต่ของคุณนครจะไม่มีค่ะ จะเน้นกลอนที่สุภาพ ที่ตลก เพราะฉะนั้นครั้งนี้ก็จะเลือกร้องแบบตลกขบขัน โดยมีคุณฉวีวรรณ และคุณสุเทพ ร้องในแนวเดียวกันค่ะ
นิด-ศรวณี : ของนิดร้องเพลงภาพยนตร์ค่ะมาจากเรื่อง “รักริษยา” และก็ “พ่อพระในดวงใจ” โดยพี่รี่(สวลี ผกาพันธุ์) เป็นคนเลือกให้ค่ะ เพราะแต่ก่อนพี่รี่ร้องเพลงภาพยนตร์เยอะมาก บางเรื่องก็แสดงเองด้วย ต้องบอกว่าสนุกทุกครั้งค่ะ ที่ได้มาร่วมงานกับ อาจารย์วีณา(รศ.ดร.วีณา เชิดบุญญชาติ) และพี่รี่ เหมือนท่านเป็นจุดรวมใจของพวกเราทุกคนค่ะ
เสียงเพลงไม่เคยขาดหายจากชีวิต
เม้าท์-สุดา : จริงๆ แล้วอย่างพวกเราอยู่บ้านสบายๆ แต่จะเฉาเกินไปค่ะ เราออกมา เรายังได้แต่งเนื้อ แต่งตัวทำให้แจ่มใส สดชื่น ถ้าไม่รับงานเลย ก็จะกลายเป็นยายแก่สังเกตจากเพื่อนๆ ที่เขาไม่ได้ทำงานอย่างเรา เขาสบายใจจริงนะคะ แต่ว่าชีวิตเฉา พอออกมาข้างนอกก็จะไม่มีความกระตือรือร้น ชีวิตก็จะจุมปุ๊กอยู่กับลูกหลาน บ้าน หมาแมว ซึ่งแคบไป อย่างเรานี่ออกมา ก็จะได้ขับรถ ได้ใช้สายตาบริหารไปเรื่อยๆ ค่ะ ช่วงนี้มีทั้งงานคอนเสิร์ต งานละครก็หนักหนาแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นไม่รับงานประจำแล้ว งานแบบนี้ได้ตังค์มากกว่า แต่ต้องจัดวันให้ดีๆ มีถ่ายละคร 3 เรื่อง จบไปแล้ว 2 เรื่องของช่อง 3 เหลืออีกเรื่องเป็นซีรี่ส์ของทางช่อง True4u “ครอบครัวตัวสลับ” ค่ะ
นิด-ศรวณี : ร้องเพลงบ้างเมื่อมีโอกาสค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นรับเชิญตามคอนเสิร์ต แต่ถ้าเป็นตามห้องอาหารในโรงแรมเลิกหมดแล้วค่ะ ไม่งั้นเย็นขึ้นมาก็ต้องแต่งตัว แล้วมาติดอยู่บนถนน กว่าจะกลับถึงบ้านก็ตี 2-ตี 3 กว่าจะอาบน้ำได้นอนก็แทบจะสว่าง เราก็ทำตรงนั้นมาเยอะ ทำมานานแล้วค่ะ เรียกว่าถึงเวลาร้างราสักที แต่คอนเสิร์ตที่ขึ้นทุกครั้งก็เครียดเหมือนกันนะคะ เพราะว่าเราต้องการให้ออกมาดีที่สุด เคยจัดคอนเสิร์ตเอง 12 ครั้ง ก็เครียดพอสมควรค่ะ ดีที่ว่าได้เพื่อนๆคอยช่วยเหลือเต็มที่ เราโชคดีกว่าเด็กๆ รุ่นนี้ ที่เขามีค่ายมีสังกัด แต่ของเราเสรี ชวนกันมาร่วมงานได้ตลอด (เม้าท์-สุดา : ก็น่าเห็นใจเขานะคะ เพราะเขาไปไหนไม่ได้ ไม่สามารถตัดสินใจเองได้ รุ่นเรานี่เลือกเองได้ว่าจะไปหรือไม่ไป) เวลาที่ได้ไปร้องเพลง แล้วเจอแฟนๆ เห็นแฟนๆ มานั่งคอย มีผลหมากรากไม้มาฝากกันก็ปลื้มใจค่ะ (เม้าท์-สุดา : เห็นแกกินนี่) ไม่ๆ...เขาหอบมาฝากเอง(หัวเราะ)
สำรวจสุขภาพ
นิด-ศรวณี : ตามวัยค่ะ แต่ค่อนข้างจะแข็งแรงมากกว่าวัยขณะนี้ค่ะ ดูจากอายุเพื่อนๆ นะคะ เราก็ดูจะแข็งแรงก็พยายาม สมองนี่ต้องพยายามใช้อยู่เรื่อยๆ
เม้าท์-สุดา : เหมือนกันค่ะ การที่มองอะไรออกไปแล้วคิด มันเท่ากับการลับมีด ถ้าเรานั่งจุมปุ๊กอยู่กับที่ชีวิตก็จะมีแค่นี้ แต่ถ้ามองออกไป ทีวี.เขามีอะไร เฟซบุ๊คเขามีอะไร อ่านดูฟังทำให้เราไม่ล้า ถ้าไอ้โน่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอาชีวิตมันจมค่ะ
นิด-ศรวณี : ขึ้นคอนเสิร์ตแต่ละครั้ง เนื้อเพลง ช่วยได้มากค่ะ เรายังต้องท่อง ต้องจำเนื้อ ก็ช่วยให้สมองได้คิดได้ใช้งาน และขึ้นคอนเสิร์ตทุกครั้งต้องซ้อมค่ะเพลงเดียวกัน ร้องเป็นร้อยครั้ง ก็ต้องซ้อมเป็นร้อยครั้งแม้จะไม่ลืมเนื้อ แต่เสียงเราต้องมีการบริหารค่ะ เสียงแต่ละวันจะไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นต้องดูแลร่างกายให้ดีเหมือนเดิมทุกๆ ครั้งค่ะ
สุดา ชื่นบาน
เชิญชวนมาร่วมชมคอนเสิร์ต
เม้าท์-สุดา : ในเดือนหนึ่งก็ต้องหาเรื่องสนุกสนานใส่ตัวนะคะ อย่าไปเหงาอยู่ที่บ้าน ออกมาเจอผู้คน ฟังเพลง จะได้เห็นอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ บ้าง ทำให้ชีวิตไม่หงอยเหงาเกินไป ความสุขไม่มีใครให้คุณได้ คุณต้องออกมาหาเองเพราะว่าคนแก่แล้ว ไม่มีใครมาให้หรอก เด็กๆ ยังต้องออกไปสรรหาที่เที่ยวกันเลย คนแก่ก็อย่าไปเป็นปัญหาให้กับเด็กอะไรที่จะทำให้ตัวเองดี ที่ทำให้สดชื่นเลือกทำเถอะค่ะ
นิด-ศรวณี : ออกมาเถอะค่ะ เพราะมีเพลงเก่าๆเพลงที่เคยชื่นชอบ เคยได้รับฟัง และคิดถึง พอได้ฟังเพลงที่เราเคยชอบ ก็จะทำให้นึกถึงสิ่งดีที่เคยผ่านมา และนักร้องแต่ละคนก็ตัวจริงเสียงจริงนะคะ (เม้าท์-สุดา : ย่นจริงนะคะ)
ผศ.ดร.ญาดา อารัมภีร
ผศ.ดร.ญาดา อารัมภีร
“ดีใจและเป็นเกียรติมากๆ ค่ะ ที่คุณอารี่ (สวลี)ให้โอกาสดิฉันกับสามี (บูรพา อารัมภีร-ลูกชายครูสง่าอารัมภีร) มาร้องเพลงคู่กัน ก่อนหน้านี้มีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณอาหลายครั้งแล้วค่ะ ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ท่านกรุณาให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งของงาน โดยจะรับผิดชอบร้องในส่วนของเพลงคู่ค่ะ ร้องร่วมกับคุณบูรพาก็คือเพลง“วันเพ็ญ” ซึ่งพระนิพนธ์ของพลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ ยุคล หรือในวงการบันเทิงเรียกกันว่า เสด็จพระองค์ชายใหญ่ ท่านทรงพระนิพนธ์คำร้องส่วนทำนองเป็นของคู่พี่น้อง ท่านผู้หญิงพวงร้อย (สนิทวงศ์)อภัยวงศ์ กับหม่อมหลวงประพันธ์ สนิทวงศ์ ร่วมกันแต่งค่ะคุณอาเลือกนี้เพลงนี้ให้ เพราะเป็นเพลงที่ไม่ช้ำ คือไม่มีใครนำไปร้องมาก เป็นโจทย์ที่ยากพอสมควรค่ะ(หัวเราะ) เพราะว่าเสียงต้นฉบับ เป็นของท่านอาจารย์นภา หวังในธรรม ท่านเสียงโซปราโนนะคะ ดิฉันคงไม่ถึง คงต้องขอให้คุณจิรวุฒิ กาญจนะผลิน (ผู้ควบคุมวงดนตรี) ช่วยลด
คีย์ลงมาให้ค่ะ”
เส้นทางนักร้อง
“ถ้าพูดถึงการเป็นนักร้อง เริ่มจากร้องเพลงไทยเดิมมาก่อนค่ะ อยู่วง สจม. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพอมาทำงานที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็มาร้องเพลงสากล เพราะมีอาจารย์ท่านหนึ่งท่านเล่นดนตรีได้ ท่านก็ชวนมาร้องเพลง เวลามหาวิทยาลัยมีงานก็จะได้รับมอบหมายให้ช่วยแสดง แต่เวลาร้องในมหาวิทยาลัยกับร้องเวทีใหญ่ไม่เหมือนกันนะคะ”
“ต้องเรียนว่าที่ได้มาร้องเพลงคู่ เป็นเพราะว่าพี่แดง (นันทวัน เมฆใหญ่) ท่านเป็นคนจับมาร้องเพลงคู่กันค่ะเพราะว่าน้องสาวของพี่แดง คุณนีรนุช ปัทมสูต เป็นรุ่นพี่ที่คณะอักษรศาสตร์ และก็บอกพี่แดง ว่าเราร้องเพลงได้นะพี่แดง ก็เลยให้ร้องเพลงในรายการที่นี่มีดาวประดับใจ ซึ่งตอนนั้นครูสง่า ยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็เล่นดนตรีอยู่ที่รายการนี้ด้วย พี่แดงก็คิดๆ อยู่ว่าจะให้ร้องคู่กับใครดี สามียืนอยู่ข้างๆก็บอก “ร้องคู่กับผมสิครับ” พี่แดงก็งงมาก ถามว่า “อ้าว เต้ยร้องเพลงเป็นด้วยเหรอ” เพราะปกติไม่เคยแสดงออกว่าร้องเพลงเป็น ซึ่งจริงๆ เขาเป็นคนร้องเพลงได้ค่ะ และเพราะด้วย ซึ่งเวลาครูสง่าแต่งเพลง ก็จะให้คุณเต้ยร้องเริ่มต้นเป็นไกด์ ก่อนที่จะให้นักร้องจริงๆ ไปร้องอยู่เสมอ แต่เขาไม่เคยขึ้นมาร้องเป็นเรื่องเป็นราวเท่านั้นเองค่ะ ที่นี้พอร้องด้วยกันปุ๊บ อาจจะเป็นดวงด้วยมั้งคะ คนดูก็ชอบ เสียงไปด้วยกันได้ แล้วเผอิญเป็นคู่สามี-ภรรยาร้องด้วยกัน คนก็เอ็นดู เลยได้ร้องมาเรื่อยๆ ค่ะ ตั้งแต่แต่งงานเมื่อปี 2541 ค่ะก็จะร้องคู่กันมาและทำหน้าที่พิธีกรในคอนเสิร์ตของครูแจ๋ว-สง่า อารัมภีร ทุกปีค่ะ”
ความประทับใจในการร่วมงานกับคุณสวลี
“ท่านเป็นคนสมบูรณ์แบบนะคะ คือทุกอย่างคุณอาจะเตรียมพร้อมมาก และจะต้องประณีตหมด ทั้งเรื่องการแต่งกาย การขับร้อง ท่านเป็นปูชนียบุคคลในวงการเพลงที่พร้อมจะให้คำแนะนำ ให้ความช่วยเหลือแก่รุ่นน้อง รุ่นเพื่อนรุ่นหลาน มีครั้งหนึ่งคุณอาขาเจ็บ ท่านผ่าสะโพกมา แล้วก็ยังจะต้องใส่ส้นสูงด้วย ก็เลยถามท่านว่า “คุณอาใส่รองเท้าแบนๆ ไม่ดีกว่าเหรอคะ” คุณอาบอก “เขามาดูแล้ว คนเสียสตางค์มาดูเขาต้องได้ดูสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้” และอีกสิ่งที่เคยถามคือ ทำไมคุณอาไม่ลดเสียงเลย เวลาที่ร้องเพลง คีย์เดิมตั้งแต่สมัยสาวๆ เพราะโดยปกติเส้นเสียงคนเราจะต่ำลง พอเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่คุณอาบอกว่าถ้าเราไม่บังคับตัวเอง มันจะลดลงไปเรื่อยๆ โดยธรรมชาติของคนสูงวัย เพราะฉะนั้นต้องไม่ลด ต้องพยายามไม่ลด ทำให้ดีที่สุดให้เหมือนกับแต่ก่อน อาจจะไม่ได้ดีเท่าแต่ก่อน แต่ก็ต้องไม่ให้หย่อนลงมากว่ากันมาก นี่คือคนที่รักงาน สนุกกับงาน และทุ่มเทให้กับงานค่ะ”
งานในความรับผิดชอบ ณ ปัจจุบัน
“ปัจจุบันเออร์ลี่แล้วค่ะ ก่อนหน้านี้เป็นอาจารย์(ผู้ช่วยศาสตราจารย์) สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภาควิชาวรรณคดี คณะมนุษยศาสตร์ คุณพ่อคุณแม่อายุมาก ก็เลยเออร์ลี่มาดูแลท่านค่ะ ช่วงนี้งานที่ทำก็จะเป็นเรื่องของ จัดรายการวิทยุศึกษา ทุกวันเสาร์ บ่ายโมงถึงบ่ายสองโมง เป็นบันทึกรายการ “พูดจาภาษาไทย”พอวันอาทิตย์จัดคู่กับคุณบูรพา อารัมภีร รายการสด“มุมความสุข” ช่วงอุทยานเพลงและคุย เพราะคนฟังจะชอบมาคุยกับเรา มากกว่าฟังเพลง(หัวเราะ) ช่วงสองทุ่มครึ่งถึงสี่ทุ่ม จันทร์-ศุกร์ จะเป็นรายการที่ราชบัณฑิตยสภามอบให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นผู้จัด ชื่อรายการ “นิยมไทย” ดูแลในส่วนของ “ลีลาภาษาไทยในเพลง” ค่ะ นอกจากนี้ก็มีไปบรรยายพิเศษ อบรมครูภาษาไทย อบรมการเขียนกวีนิพนธ์ และเป็นนักเขียนด้วยค่ะ”
ร่วมสนับสนุนการทำงานของมูลนิธิอุบลรัตน์ฯ
“ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดคอนเสิร์ตของมูลนิธิอุบลรัตน์ฯมาโดยตลอดค่ะ เป็นงานการกุศล ที่มุ่งนำเงินไปช่วยเด็กผู้หญิง เพื่อให้พ้นจากการตกเขียว เงินที่ได้มาจากการจัดคอนเสิร์ตทุกครั้ง จะถูกนำไปดูแลบ้านมิตราทร และโรงเรียนเจ้าฟ้าอุบลรัตน์ ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำสำหรับเด็กผู้หญิง อยู่ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เด็กที่เรียนที่นี่ส่วนใหญ่มีปัญญาในครอบครัว เช่น ติดเชื้อ HIV เป็นเด็กกำพร้า หรือพ่อแม่ติดคุก แล้วช่วงนั้นจะมีตกเขียว คนก็จะมาเอาเงินให้ครอบครัวเด็ก เพื่อพาเด็กไปทำงานบริการทางเพศ หรือส่งยาเสพติด มาแมร์มีเรียมท่านก็ได้รับเงินพระราชทาน จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปซื้อที่ดิน ซื้อบ้าน กลายมาเป็นโรงเรียนเจ้าฟ้าอุบลรัตน์ ต่อมาเป็นบ้านมิตราทร ซึ่งหมายความว่า บ้านของมิตรที่เอื้ออาทรผู้ด้อยโอกาส เด็กที่มาเรียนที่นี่ก็จะมีทั้งคนไทย และเด็กชาวเขามูลนิธินี้ทำขึ้นเพื่อให้เด็กไม่ทิ้งถิ่น ให้พัฒนาตัวเองได้และก็กลับไปพัฒนาบ้านเกิดของตัวเอง โดยมีคณะภคินีเซนต์ปอลเดอ ชาร์ตร บริหารงาน เพราะฉะนั้นทุกบาททุกสตางค์จากคอนเสิร์ตครั้งนี้ หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว จะถูกนำไปสร้างชีวิตใหม่ให้แก่เด็กๆ ค่ะ”
นี่เป็นเพียงความในใจส่วนหนึ่งของกลุ่มนักร้องกว่า 30 ชีวิตผู้มุ่งสร้างสุขทางเสียงเพลงให้กับผู้ฟัง อีกทั้งยังหนุนนำเส้นทางบุญให้แก่ผู้มีจิตอันเป็นกุศล คอนเสิร์ต“รวมใจถวายพระพร มหาราชินีนาถ” อัดแน่นและเต็มไปด้วยนานาวัตถุประสงค์ มูลนิธิอุบลรัตน์ในพระบรมราชินูปถัมภ์, กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และ2 แม่งานคนสำคัญ สวลี ผกาพันธุ์ และ รศ.ดร.วีณาเชิดบุญญชาติ จึงฝากเน้นย้ำ เสาร์ที่ 11 มิถุนายนนี้พบกันที่ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เวลา 14.00 น. และ 19.00 น. โดยติดต่อซื้อบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ โทร. 02-2623456 และฝ่ายกิจกรรมตรีนิตี้เรดิโอ โทร.02-6236800-1, 02-6366825และ 089-4441831 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี