ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับ คอนเสิร์ต THE PALACE AND THE ORIGINALS ที่เรียกว่าได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนเพลงอย่างเต็มอิ่มกับกลิ่นอายดนตรียุค 80 และหนึ่งในแขกรับเชิญที่ต้องบอกว่าพิเศษมากๆ หลายคนรอคอยที่จะได้เห็นพวกเขาบนเวทีคอนเสิร์ตอีกครั้ง หลังจากแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองนั่นคือ วงฟอร์เอฟเวอร์ โดยครั้งนี้พวกเขากลับมารวมตัวแบบครบวงไม่ว่าจะเป็น ชา-ปรีชา ศิริบุญส่ง, กอล์ฟ-สมบุญ โชติหิรัญพาณิชย์, อั้น-สหพล จุลวงศ์, ดำ-วิรุฬ สกุลทรัพย์ไพศาล, จืด-มนตรี ชุติสิระ, โรจน์-นิโรจน์ วงศ์ไชยชุติกร, จุ่น-สุทธิชัย เทวพิทักษ์ และ เก๋-นิฤทธิ์ มณีจำนง โชว์เพลงฮิตย้อนวันวานไปพร้อมกับแฟนเพลงอย่างอบอุ่น
ฟอร์เอฟเวอร์ รวมตัวกันได้
ไม่ใช่เรื่องง่าย
กอล์ฟ : เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากเพราะจริงๆ แล้วการรวมตัวแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ เคยมีคนถามผมตั้งแต่ก่อนหน้าที่เขาจะเริ่มมีการรวมตัวของศิลปินเก่าๆ ว่า วง Forever (ฟอร์เอฟเวอร์) จะรวมตัวกันเมื่อไหร่ ตอนนั้นก็บอกไปว่าคงยาก โอกาสนี่แทบจะไม่มีเลย ดำ (วิรุฬ สกุลทรัพย์ไพศาล) อยู่ออสเตรเลีย อั้น (สหพล จุลวงศ์) ทำงานอยู่ญี่ปุ่น ซึ่งไม่มีทางที่จะได้มาพบกันเพราะทุกคนมีงานทำ ปรีชา(ปรีชาศิริบุญส่ง) โรจน์ (นิโรจน์ วงศ์ไชยชุติกร) ทำงาน จุ่น (สุทธิชัย เทวพิทักษ์) เล่นดนตรีอยู่พัทยา ก็บอกเพื่อนว่าคงไม่มีเวลาหรอก คงไม่ได้เจอกัน โอกาสที่จะเป็นไปได้น้อยมาก คือแต่ละคนจะว่างไม่ตรงกันไม่ใช่เรื่องง่ายนะที่จะรวมกันได้ ครั้งนี้ผมถึงมองว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์และเป็นวงเดียวที่ครบ คนเก่าหมดไม่มีคนใหม่เลย
อั้น : ดีใจเพราะพวกเราก็ห่างหายกันไปหลายปีมาก แต่ก็ยังมีการติดต่อกันอยู่นะครับ สำหรับครั้งนี้ก็ได้มีโอกาสมาเล่นดนตรีให้แฟนเพลงได้ฟังอีกครั้งหนึ่งจากที่เขาเคยติดตามฟังเพลงของเรามาตั้งแต่เมื่อ 20-30 ปีก่อน ตอนนี้ทุกคนก็คงจะโตขึ้นแล้วก็ไปมีครอบครัวกัน คราวนี้ได้เล่นกันในอีกฟีลหนึ่งล่ะไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เป็นสมัยหนุ่มๆ สาวๆ วัยรุ่น คอนเสิร์ตครั้งนี้ผมดีใจและมีความสุขมากครับ ได้เจอเพื่อนครบ ได้เล่นด้วยกัน
ชา : จริงๆ แล้วผมไม่ได้คิดว่าจะกลับมาเล่นดนตรีเลยนะหลังจากเลิกจากวง ฟอร์เอฟเวอร์ (Forever) แต่ว่าครั้งนี้ผมรู้สึกว่าน่าสนใจและน่าจะสนุกก็เลยตัดสินใจลองกลับมาเล่นอีกสักครั้ง เพราะว่าผมเป็นคนที่เลิกแล้วเลิกจริงๆ เลิกไป 20 กว่าปีที่รวมกันไม่ได้ ก็ผมนี่แหละไม่ได้ไปเล่น (หัวเราะ) แต่ครั้งนี้จากที่ดูคอนเซ็ปต์งานตอนที่เขามาเสนอผมก็คิดว่าน่าจะสนุก มีความน่าสนใจ รวมทั้งมีวงพี่ๆ วงแมคอินทอช ด้วยก็เลยตัดสินใจกลับมาเล่นอีกครั้ง
ดำ : ชีวิตผมปีหน้า 50 แล้วนะ เรียกว่าครึ่งหนึ่งของชีวิตก็อยู่กับพวกนี้ อยู่ตั้งแต่ผมเด็กมากๆ ถ้าจำไม่ผิดผมอยู่ ม.1 อายุ 13 ปี แล้วผมก็เล่นดนตรีกับปรีชา ก็ไปเล่นกันจนกระทั่งเป็นไข้เลือดออก เพราะว่าเราเล่นดนตรีกลางคืน กลางวันเรานอนก็เลยโดนยุงลายกัด ก็เรียกว่าครั้งนี้พิเศษมากๆ ที่เราได้กลับมาทำในสิ่งที่เราชอบเรารักหรืออาจจะเรียกว่าทำได้ดีที่สุดก็ได้กับเพื่อนกลุ่มเดิมทุกคน แล้วทุกคนก็กลับมาพร้อมกับความรู้สึกเดียวกันก็คือ สนุก มีความสุข ที่ได้มารวมเล่นด้วยกันอีกครั้ง
โรจน์ : รู้สึกดีที่ว่าได้กลับมาเจอเพื่อนๆ ทุกคนแล้วก็ทำให้เราได้คิดหวนถึงความหลังที่แบบเราเคยทำร่วมกันมาแล้วมีความสุขกัน มีความสนุกสนานก็ยังคงกลับมา เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง มีความสุขเหมือนเวลาเพิ่งผ่านไป
เก๋ : ดีใจครับที่ได้มารวมตัวกันพวกเราฟอร์เอฟเวอร์ (Forever) 8 คน ไม่นึกไม่ฝันว่าได้มาเล่นด้วยกัน เพราะว่าก็ห่างหายไป 25 ปี เพราะต่างคนก็ต่างทำงานกัน ต่างคนต่างทำหน้าที่คือตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่ามารวมกันได้ยังไง แต่ก็ดีใจที่ได้มารวมกันพร้อมหน้าพร้อมตาครับ
จืด : ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี เพราะว่าเราเลิกวงกันไปตอนนั้นประมาณปี 2533-2534 เพราะฉะนั้นคอนเสิร์ตครั้งล่าสุดที่พวกเราเล่นด้วยกันก็ประมาณ 30 ปีที่แล้ว จำได้ว่าเล่นกันที่เชียงใหม่ แล้วกลับมาเล่นในคลับสักพักก็แยกย้ายกันไป ครั้งนี้ก็เหมือนกับมาสนุกสนานกันอีกครั้งหนึ่ง รวมกันเล่นๆ ถ้าติดใจสนุกสนานก็อาจจะมีเรื่อยๆ ไม่แน่รอติดตามกันต่อไปครับ ดูฟีดแบ๊กก่อนครับ
เอกลักษณ์เด่นของวงฟอร์เอฟเวอร์ (Forever)
ชา : ฟอร์เอฟเวอร์ (Forever) มีคอนเซ็ปต์เฉพาะคือ ฟังเพลงปุ๊บรู้ปั๊บว่าเป็น ฟอร์เอฟเวอร์ เรามีคาแร็กเตอร์ของเรา ผมคิดว่าแฟนเพลงที่เขาเคยชอบเราพอขึ้นเพลงนี้ปุ๊บเขารู้เลยว่า ฟอร์เอฟเวอร์ เพลงป๊ะ ป๊าม๊ะ ม๊า รู้ละว่าเป็นฟอร์เอฟเวอร์ เพลงความหวังหลังรอยยิ้ม เพลงหัวใจเธอมีหรือเปล่า พอพูดชื่อเพลงปุ๊บคุณจะรู้เลยว่านี่คือ ฟอร์เอฟเวอร์ ขนาดว่าผมเลิกทำดนตรีไปเกือบ 20 ปี อยู่ในวงการอีเว้นท์ทำแสง สี เสียง ทำ LED กับวงการมอเตอร์โชว์ คนยังถามผมอยู่ทุกวันเลยจะกลับไปเล่นไหม แสดงว่าเราก็มีแฟนเพลงที่เป็นของเราจริงๆ
แฟนเพลงรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยนี้
กอล์ฟ : ผมมีแฟนเพลงคนหนึ่งน้องเขาเรียนอยู่ ม.เกษตรฯ มาหาผมที่บ้านตามจนเจอว่าอยู่ที่ไหน เขาบอกว่าเป็นแฟนเพลงของวง Forever ผมงงมากเพราะเขาเป็นนักศึกษาอยู่ปี 1 ผมก็ถามว่าทำไมชอบเพลงของพวกเรา น้องเขาก็บอกว่าได้ฟังแล้วชอบ
ชอบเพลงยุคผม เขารู้หมดนะว่าในวงมีใครบ้าง เกิดเมื่อไหร่เรียนที่ไหน รู้หมดเลยมีกี่อัลบั้ม ออกมาแล้วกี่ชุด ใครร้องเพลงอะไร เป็นเรื่องแปลกมาก ผมงงมากผมรู้สึกดีใจและภูมิใจนะที่เด็กรุ่นใหม่ยังฟังเพลงแนวนี้ได้ก็ต้องขอบคุณพ่อแม่ที่เขาฟังแล้วทำให้เด็กๆ เขาได้ฟังด้วย แต่อย่างเพลงยุคนี้ก็เป็นไปตามยุคสมัยจะบอกว่ายุคไหนดีกว่ากันก็ไม่ได้ดนตรีก็มีการเปลี่ยนแปลงและเจริญเติบโตเป็นไปตามปกติของโลกอยู่แล้ว แต่ถ้าถึงเวลามันก็จะย้อนกลับมาเองเป็นวัฏจักรครับ
โรจน์ : ที่เคยสัมผัสนะเขาบอกว่าฟังแล้วชอบ ซึ่งตอนแรกเขาไม่รู้ว่าเราเป็นใครอะไรยังไง แต่พอเขาเห็นเขาก็ชื่นชมว่ายังทำเพลงได้สมัยใหม่อยู่เลย เราได้ยินก็มีความภาคภูมิใจนะว่าเพลงเราก็ไม่ได้ล้าสมัย
อั้น : ดีใจครับ คือประสบการณ์ตรงนี้เคยเจอกันมาแล้ว ตอนยังไม่ได้รวมตัวกัน มีน้องคนหนึ่งเจอกันในอินเตอร์เนต เขาเกิดไม่ทันพวกผมหรอกแต่ว่าเขารู้จักพวกผมทุกเพลงเลย เราก็ทึ่งและดีใจที่มีคนฟังเพลงของเราในยุคสมัยที่ยังไม่มีฮิปฮอป ไม่มีอะไรเลย แต่ในยุคนี้เขายังกลับมาฟัง มีแฟนเพลงเกิดใหม่ขึ้นมาถึงแม้จะเป็นส่วนน้อยๆ เราก็ดีใจ
คอนเสิร์ตล่าสุด
กับความพิเศษที่สัมผัสได้บนเวที
ดำ : เรียกว่าครบวงแบบนี้ก็เกิน 25 ปี แล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน ความพิเศษที่รอทุกคนและเป็นสิ่งที่ผมก็รอเช่นเดียวกันก็คือการขึ้นไปยืนบนเวทีด้วยกัน 8 คน แล้วก็เล่นดนตรีด้วยกันอีกครั้งพวกเราจะรู้สึกกันเองซึ่งอธิบายยาก คือเราได้กลับมาเล่นดนตรี เล่นเพลงด้วยกันที่เราเคยเล่นกันมาก่อนเป็นอะไรที่ เออ…มันพาเรากลับไปถึงวันที่เรายังเป็นเด็กได้จริงๆ ความรู้สึกเป็นแบบนั้น มีความรู้สึกที่ดีๆ ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราผ่านมาด้วยกันก็ผุดขึ้นมาหมด สิ่งที่แฟนเพลงคนดูจะได้เห็นคือการที่พวกเราขึ้นไปบนเวทีเล่นดนตรีไปด้วยกัน 8 คน น่าจะเป็นอะไรที่ไม่เกิดขึ้นง่ายๆ รวมไปถึงบทเพลงต่างๆ ของฟอร์เอฟเวอร์ ที่ไม่ได้ถูกเล่นโดยวงของ ฟอร์เอฟเวอร์ เองมาแล้ว 20 กว่าปี วันนั้นพวกเราก็ได้โชว์อีกครั้งแบบเต็มวงจริงๆ และที่สำคัญคอนเสิร์ตครั้งนี้ผมเองก็ตั้งใจกลับมาจากออสเตรเลีย เพื่อขึ้นโชว์กับเพื่อนในวงตามกระแสเรียกร้องจากแฟนๆ เพลง เต็มที่ทุกเพลงครับ สนุกและมีความสุขมาก ถือเป็นความทรงจำดีๆ เลยก็ว่าได้สำหรับคอนเสิร์ตในครั้งนี้ของพวกเรา ฟอร์เอฟเวอร์
จืด : มีความรู้สึกดีมากๆ ครับ เพราะพวกเราแยกย้ายกันไปทำธุรกิจส่วนตัวกันพักใหญ่แล้ว พอได้กลับมาก็มีความรู้สึกเดิมๆ เก่าๆ กลับมา โอเครู้สึกดี ตื่นเต้นที่ได้กลับมาร้องเพลงอีกครั้งเพราะว่าพวกเราไม่ได้เล่นกันนานมาก ฉะนั้นได้มารวมตัวกันทั้งทีก็ตื่นเต้น
ครับ ถ้ามีเกิดขึ้นบ่อยๆ ได้ก็ดีนะ
ความสัมพันธ์ของ ฟอร์เอฟเวอร์
ที่เป็นมากกว่าวงดนตรี
กอล์ฟ : เหมือนมีใจเดียวกัน มีความรู้สึกเดียวกัน เพราะพวกผมเริ่มมาจากเด็กนักเรียนที่เล่นดนตรีกันจนไม่มีตังค์จะทานข้าวกัน ไปเล่นดนตรีมีตังค์กันคนละ 5 บาท ไหนจะค่ารถกลับบ้าน ค่ากิน ก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอธิบายยากนะ
โรจน์ : โทร.คุยกันบ่อยมาก นอกจากดำเท่านั้นที่อยู่เมืองนอก แต่พอเขากลับมาก็นัดทานข้าว ทุกคนติดต่อกันตลอดแต่ก็อาจจะไม่เหมือนสมัยก่อนเท่าไหร่ทุกคนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ
จากใจ วงฟอร์เอฟเวอร์ (Forever) ถึง วงเดอะ พาเลซ (The Palace)
ชา : เดอะ พาเลซ คือการรวมของวงต่างๆ มาเป็นอีกคอนเซ็ปต์หนึ่งนะครับ แต่วงฟอร์เอฟเวอร์เป็นวงที่เป็นออริจินัล ฉะนั้นถ้าจะฟังเพลงจริงๆ ต้องฟังออริจินัล แต่วง เดอะ พาเลซ ก็เป็นวงที่มีสีสัน เป็นการรวมดาว รวมฮิตมากกว่า คนละคอนเซ็ปต์แต่ของฟอร์เอฟเวอร์เองถ้าไม่ใช่พวกผมจริงๆก็ไม่ใช่ไง เพราะวงผมเป็นวงที่เริ่มมาตั้งแต่เด็กๆ คือพวกเราโตมาด้วยกัน อยู่มาด้วยกันและไม่ได้เปลี่ยนตัวนักดนตรีเลย
กอล์ฟ : ถือว่าเป็นวงที่จุดประกายให้หลายๆ วงเริ่มจะมารวมตัวกัน ทำดนตรีเก่าๆ ซ้อมกัน เล่นกัน เป็นเรื่องที่ดีเลยสำหรับผมเพราะทำให้หลายๆ อย่างย้อนกลับมาเหมือนเดิมได้ ตอนยุคสมัยผมที่เคยเล่นกันแบบนี้
จืด : ก็ดีครับ ฟีดแบ๊กกลับมาดี ทำให้รู้ว่าคนที่มีเหมือนกับว่ามีอายุในระดับหนึ่งแล้วก็จะนึกความรู้สึกเก่าๆ พอไปเห็นว่าคนที่อยากจะฟังเพลงเก่าๆ โดยนักร้องเก่ามันยังมีอยู่เยอะนะ ผมคิดว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้แฟนเพลงเก่าๆ ของ ฟอร์เอฟเวอร์ น่าจะได้รับความรู้สึกดีๆ ที่พวกเราตั้งใจกลับมาเล่นกันแบบครบทุกคนเลยเพื่อแฟนๆ เพราะแฟนเพลงเขาก็อยากจะดูเราในวันที่โตขึ้น มีหน้าที่การงานดีขึ้นหมดแล้ว เขาก็จะได้ดูด้วยความรู้สึกที่ดี
ดำ : ก็ต้องขอบคุณ เดอะ พาเลซ ถ้าไม่มีการรวมตัวของ เดอะ พาเลซ ก็จะไม่มีแรงบันดาลใจให้ใครสักคนคิดว่า เฮ้ยน่าจะลองไปตามหาวงเก่าๆที่เป็นต้นทางของ เดอะ พาเลซ ฉะนั้นก็ต้องขอบคุณที่ เดอะ พาเลซ เข้ามาสร้างกระแสตรงนี้ให้คนได้นึกถึงวงต้นฉบับอย่างพวกผม
โรจน์ : มีความรู้สึกดีกับทุกคนเป็นพี่ เป็นเพื่อน รักใคร่กันอยู่แล้วเดอะ พาเลซ เขาเชิญฟอร์เอฟเวอร์มาก็ภาคภูมิใจที่ได้รับเชิญมา
อั้น : ดีครับ เพราะว่าทุกคนเคยเห็นหน้าเห็นตากันหมดเลย พอเราหลุดจากตรงนั้นเมื่อ 25 ปีที่แล้ว พอวันนี้ได้กลับมาเจอหน้าพี่ๆ เพื่อนๆก็เฮฮาทักทายสวัสดี เหมือนเป็นสายเลือดศิลปินที่เราอยู่ด้วยกันมา เป็นครอบครัวเดียวกันในอาชีพและแนวทางเดียวกัน
ความภาคภูมิใจ
กับการเป็นวงในตำนานของเมืองไทย
ชา : ภูมิใจที่ครั้งหนึ่งได้ทำงานที่ตัวเองชอบและสนุกกับมัน และงานที่เราทำก็สร้างอะไรเยอะแยะ สร้างมูลค่าเพิ่มทางด้านธุรกิจ ด้านดนตรี สมัยก่อนคุยกับเพื่อนๆ ในวง ผมบอกว่าธุรกิจดนตรีเป็นร้อยล้านนะทุกคนอาจจะมองว่าเฮ้ยผมเพี้ยนหรือเปล่าหรือไม่เชื่อผม สมัยก่อน ฟอร์เอฟเวอร์ ไปเล่นคอนเสิร์ตครั้งหนึ่งน่ะเรียกค่าตัวเป็นแสนแล้ววงอื่นๆ ล่ะ มิวสิคบิสสิเนส เป็นอะไรที่อยู่ในหัวใจทุกคนคือยังไงคนก็ต้องร้องเพลง คนเองก็ชอบดนตรี แต่เรามองมันออกหรือเปล่าว่ามันใหญ่ขนาดไหน เราจะทำอะไรกับมันได้ ในสิบกว่าปีที่ผมเป็นหัวหน้าวงมาน่ะผมก็พยายามขายคอนเซ็ปต์ ขายวง สิ่งที่เรามีจุดเด่นเพื่อให้แฟนเพลงได้จดจำและมีความสุขกับผลงานเพลงที่เราสร้างสรรค์กันขึ้นมา
นี่แหละ “ฟอร์เอฟเวอร์” (Forever)วงดนตรีออริจินัล เพลงสตริงยุค 80 ในตำนานอย่างแท้จริง เพราะถึงแม้พวกเขาจะห่างหายจากงานดนตรีไปนาน แต่การกลับมาอีกครั้งก็สร้างความสุขและความทรงจำที่ดีๆ มากมายให้แฟนเพลงได้ประทับใจบนเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี