นักแสดงสาวในยุค 90 “คิท-คัทรียา กาญจนโรจน์” ที่มาพร้อมลุคเซ็กซี่ รอยยิ้มและเขี้ยวเสน่ห์ หลายคนเคยประทับใจในบทบาทการแสดงของเธอ แต่อยู่ๆ เธอก็หายหน้าหายตาจากหน้าจอทีวีไป ซึ่งจะด้วยเหตุผลใดนั้น วันนี้ “สตาร์เรโทร” มีโอกาสได้ค้นหาคำตอบ พร้อมสาเหตุของการกลับมารับงานแสดงอีกครั้งในรอบ 10 ปี!!
หายหน้าหายตาจากวงการไปประมาณ 11-12 ปีค่ะ ละครเรื่องสุดท้ายที่เล่นไว้คือ “พระจันทร์แสนกล” ทางช่อง 3 นานมาก นอกจากเล่นละคร ตอนนั้นคิทก็ทำธุรกิจด้วย ทำหลายอย่างค่ะ เป็นธุรกิจที่ไม่ได้เกี่ยวกับในวงการบันเทิง หลายคนเลยคิดว่าเราคงไม่รับละครแล้วมั้ง เวลาผ่านไปสิบปีเลยไม่ได้เล่นละครเลย (ยังคงคิดถึง?) จริงๆ แล้ว พอเรียนหนังสือจบมา ก็มาเป็นนักแสดงเลยค่อยๆ ทำมาเรื่อยๆ อาจจะไม่ได้มีผลงานเยอะแยะ แต่ก็มีผลงานอยู่เรื่อยๆต่อเนื่องมาเป็นสิบปี อยู่กับคนในวงการ อยู่กับเพื่อนๆ นักแสดงด้วยกันมาเป็นสิบปี มันก็เหมือนเป็นชีวิตประจำวัน อาจจะเป็นงานแสดงบ้าง เดินแบบบ้างแต่ว่ามันก็อยู่ในแวดวงนี้ เลยเหมือนเรากลับบ้านเก่า ซึ่งส่วนใหญ่คิทจะเล่นละครกับทางช่อง 3
อัพเดทสเตตัสหัวใจ
ยังไม่ได้แต่งงานค่ะ ยังไม่มีครอบครัว (ยิ้ม) สถานภาพปัจจุบันโสด ไม่เหงานะคะ ก็เป็นปกติค่ะเป็นคนที่ไม่ได้คาดหวังอะไรไม่ได้กำหนดว่าจะต้องมีคู่ครอง อยู่กับคุณแม่อยู่กับครอบครัวและสัตว์เลี้ยงที่เรารัก จากตอนแรกที่เราทำธุรกิจความงาม แต่หลังๆ เริ่มมาทำอสังหาริมทรัพย์เล็กน้อยและอย่างในครอบครัวก็ทำไร่ บางทีเราก็ไปเที่ยว ไปพักต่างจังหวัด อยู่บ้านก็จะมีกิจกรรมทำค่ะเลี้ยงสุนัข ทำงานศิลปะบ้าง ทำเล่นๆ ทำเรคูพาจที่เป็นแปะลอกลาย ลายการ์ตูนบนกระเป๋า บนสิ่งของ บางทีก็วาดรูปบ้างนิดหน่อย อันนี้ทำส่วนตัว ไม่ได้เป็นธุรกิจนะคะ แล้วก็ทำขนมด้วย มีบราวนี่ คุกกี้ อะไรแบบนี้ และเพื่อนๆ ก็จะสั่งทานกันบ้าง แต่ว่าไม่ได้ทำเป็นงานหลัก
การเป็นนักแสดงมีส่วนช่วยในธุรกิจ?
ด้วยความที่เราเป็นนักแสดง พอเรามาจับธุรกิจด้านความงาม มันก็ช่วยเราได้ค่ะ แต่ตอนนี้พอเปลี่ยนธุรกิจไป ก็เหมือนว่าเราต้องใช้ความสามารถด้านอื่นมากกว่า การที่เรามีประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลาย ทำให้เรามองเห็นคนหลายๆ รูปแบบ หรือว่าเข้าใจคาแร็กเตอร์ของหลายๆ ชีวิต หลากหลายคาแร็กเตอร์ของคนที่อยู่ในสังคม การเป็นนักแสดง คนที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็จะจำได้ว่าเราเป็นใคร แต่ว่าคิทเองจะไม่ค่อยอ้างตรงนี้ คือพอเราทำงานเราก็เหมือนเป็นไดแร็กเตอร์ตัวเอง แต่รู้สึกดีนะคะ ที่ได้กลับมาเล่นละคร กับคาแร็กเตอร์ที่เราต้องเป็นผู้ใหญ่หรือว่าเป็นเจ้าของกิจการ เราก็จะสวมบทบาทได้อินง่าย เข้าถึงบทได้ง่ายขึ้น เพราะว่ามันเป็นชีวิตของเรา
เหตุที่หวนกลับมารับงานแสดง?
คือ “ก้อง ปิยะ” กับ “ชุดาภา จันทเขตต์” ก็เป็นเพื่อนกันค่ะ เขาเห็นว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรก็เลยลองชวนให้มาเล่นละคร กลับมาทำงานในวงการบันเทิงบ้าง ก็เลยกลับมาอีก (ขยับบทบาทเป็นคุณแม่แล้ว?) ก่อนที่จะพักก็เคยเล่นเป็นแม่แล้วนะคะ ในเรื่อง “บัลลังก์รักคู่จิ้น” เรื่องนี้ก็เล่นเป็นแม่ของนางเอก เป็นการกลับมาเจอบรรยากาศเก่าๆ มาเจอเพื่อน ก็รู้สึกดีค่ะ กับน้องนักแสดงรุ่นใหม่ก็น่ารักทุกคนเลย ดูสวยหล่อจริงๆ คือปกติอยู่บ้านเราดูน้องๆ จากหน้าจอทีวีเราก็ว่าเขาสวยหล่อกันอยู่แล้วนะและฝีมือเขาก็เล่นดีเล่นเก่งกันทุกคน เด็กรุ่นใหม่เขาเล่นเก่งค่ะ (ต้องรื้อวิชาไหม?) ก็ได้อยู่แล้วค่ะ มันเหมือนอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว เลยไม่ต้องถึงกับว่าเคาะสนิมอะไร
บอกเล่าเรื่องราววันวานให้แฟนๆได้หายคิดถึง ?
ส่วนมากจะมาสายนักแสดงซะส่วนใหญ่ค่ะ เริ่มแรกจะถ่ายแบบถ่ายโฆษณาตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย แล้วก็รู้จักคนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ เขาก็ชวน เราเลยเหมือนค่อยๆ กระเถิบตัวเองเข้ามา ได้เล่นมิวสิกวีดีโอของ “เอ-อนันต์” เพลงล้างใจ ซึ่งเพลงเขาตอนนั้นติดชาร์จอันดับ 1 เลยนะคะ และมิวสิกวีดีโอก็ออกทีวีอยู่เป็นเวลานาน เรียกว่าทุกบ้านจะต้องได้ดูในยุคนั้น หลังจากนั้นก็เริ่มมีงานเข้ามาเยอะมาก คือก่อนหน้านี้ก็เริ่มทำงานมาแล้วนะ แต่ว่าเพลงล้างใจ ทำให้งานเข้ามาเยอะมากขึ้น คนรู้จักเรามากขึ้น มิวสิกของคนอื่นก็มี เหมือนว่ามีของ คาไลโดสโคป คือถ่ายไปแล้วก็ลืม (หัวเราะ) มาเห็นอีกทีในคาราโอเกะ ก็จะนึกได้ว่าเราเล่น ในเฟซบุ๊คก็จะมีเพื่อนเอามาโพสต์มาแชร์ผลงานเรื่อยๆ ก็เลยทำให้เรานึกถึง
คิทเริ่มงานแสดงโดยการแสดงภาพยนตร์ค่ะ เรื่องเกาะรัก ของ “หม่อมเจ้าทิพยฉัตร ฉัตรชัย” ยุคนู้นเลยค่ะ นานมาก 24-25 ปีเลย เป็นนางเอกคู่กับ “พี่เจี๊ยบ-ภุชงค์” ถือว่าเป็นที่รู้จักในวงการพอสมควร แต่ว่าการที่จะเป็นที่รู้จักของประชาชนมากๆ จะต้องเห็นผลงานบ่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมาในยุคนั้นที่เราเล่น ละครจะมีบทบาทกว่า คือละครเข้าถึงประชาชนมากกว่าหนัง และเราก็ได้เข้าสู่จอแก้ว เล่นละครก็เล่นมาเรื่อยๆ เล่นหมดทุกช่องเลย เพราะไม่ได้มีค่ายมีสังกัด แต่ว่าเล่นช่อง 3 เยอะ ละครที่ชอบและประทับใจก็อย่างเรื่อง “พิษน้ำผึ้ง” ตอนนั้นมี “เบนซ์-พรชิตา” “โดโด่-ยุทธพิชัย”แต่ว่าคิทเล่นเป็นแม่ของเบนซ์ ซึ่งเป็นบทบาทที่ดีเรื่องราวสนุกค่ะ เป็นละครกึ่งฆาตกรรมลึกลับซ่อนเงื่อนเราก็เล่นเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มีคนมาชอบเยอะ เป็นละครสะท้อนสังคมเรื่องของครอบครัว บทบาทของคิทที่ได้รับส่วนใหญ่จะเป็นบทรอง เราไม่ได้เป็นตัวเอก ก็เลยไม่ได้มีคู่ขวัญคู่จิ้น แล้วคิทจะเป็นคนที่ได้เปลี่ยนพระเอกนางเอกไปตลอด ทำให้เราได้รู้จักผู้จัดและนักแสดงมากมาย อย่างกับช่อง 7 ก็ได้มีโอกาสไปเล่นกับทางกันตนาอยู่ประมาณ 2-3 เรื่องค่ะ
เอกลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นเรา
น้ำเสียงค่ะ คือเสียงคิทถ้าออกมาจากทีวีคนเขาจะรู้เลยว่านี่คือใคร เสียงเราเป็นเอกลักษณ์มากเขาจะรู้สึกว่าคนนี้มาแล้ว อยู่ในห้องน้ำก็รู้ว่านี่เสียงใครคนจะจำได้ที่เสียง รวมไปถึงสายตาเพราะว่าเป็นคนตาโต และอีกอย่างก็คือรอยยิ้ม คือเมื่อก่อนจะมีเขี้ยว พอเรายิ้มออกมาปุ๊บ คนก็จะจำได้เลยว่าเป็นเรา แต่ว่าตอนนี้ไม่มีเขี้ยวแล้วนะคะ (ยิ้มหวาน) เพราะว่าดัดฟันแล้ว แต่ถ้าหากเห็นแววตาก็คงจะพอจำกันได้ กับบทร้ายที่เคยเล่น คิทมองว่าเป็นสีสันของเรื่อง ทำให้ละครเรื่องนั้นๆ มีรสชาติ ทำให้คนดูอยากดูว่าจะเป็นยังไง พระเอกนางเอกจะสมหวังกันไหมคือยุคแรกๆ จะเล่นเป็นตัวที่มาแย่งพระเอก แล้วก็เริ่มเล่นร้ายแบบมีเหตุมีผล ร้ายแบบคอเมดี้ แล้วก็มีเล่นเป็นคนเรียบร้อย แต่ว่ามีน้อยมาก ด้วยความที่พอเราแต่งตัวใส่เสื้อผ้าแล้วดูไม่เข้ากับลุคเรียบร้อย คือทางผู้จัดอยากจะให้เราเล่นในแบบเปรี้ยวมากกว่าเรียบร้อย ณ ยุคนั้นนะคะ
ชีวิตจริงเรียบง่ายต่างจากบทบาทในละคร
ตัวตนจริงๆ คิทเป็นคนที่เหมือนวันก่อนแหละค่ะ ไม่ได้เปลี่ยนเลย คือไม่ได้เป็นสาวเปรี้ยว แต่ด้วยการแสดงเราทำได้หมด เป็นคนสนุกสนานไหลลื่นได้ทุกบทบาท แต่จริงๆโดยทั่วๆ ไป ค่อนข้างเรียบๆ หน่อยค่ะ อาจจะมีมุขตลกบ้าง เพื่อความสนุกสนาน ตัวตนกับบทบาทในละครแม้จะต่างกันแต่ว่าเราก็ชอบในการที่ได้แสดงบทบาทที่หลากหลาย สนุกดีค่ะ เหมือนเราได้ใช้อารมณ์ ได้ต่อล้อต่อเถียง ซึ่งเราไม่ค่อยทำในชีวิตจริง เพราะว่าเป็นคนที่เก็บความรู้สึก แต่ในละครเราได้ปล่อยและแสดงความรู้สึกออกมา (หัวเราะ) จะเห็นว่าพัฒนาการของละครไทยดีมากๆ หรือเนื้อหามีมิติลึกมากกว่าให้เหตุผลมากขึ้นมีที่มาที่ไป สมัยที่เราเล่นเราก็ว่าแซ่บแล้วล่ะ แต่ว่าทุกวันนี้เขาก็จะมีการใส่รายละเอียดเข้าไปอีกก็สนุกค่ะชวนติดตาม ให้คนดูอยากดูต่อเนื่องทุกวันนี้ เราก็ได้กลับไปเป็นนักแสดงแล้วก็ไปเป็นผู้ดูละครด้วย
ความเปลี่ยนแปลงในวงการบันเทิงที่สัมผัสได้
วงการดูเปลี่ยนไปเยอะเลยค่ะ แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีเป็นการพัฒนา ไม่ว่าประเทศไหนนะคะ ทั้งคนดู ผู้ผลิต ผู้สร้าง ก็ต้องตอบสนองรับกัน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเดินก้าวไปข้างหน้าไปเรื่อยๆ แต่สำหรับตัวเองกลับมาครั้งนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะต้องเข้ามาทำอะไรอย่างอื่น นอกเหนือจากการเป็นนักแสดง ไม่ได้มองว่าในอนาคตงานเราตรงนี้จะเป็นยังไงคิทมองแต่ว่าทำตรงหน้าเราไปก่อน เรามาถ่ายละคร เราก็ทำให้ดี เพราะว่าในจังหวะชีวิตแต่ละช่วงเราก็มีความสุขกับการทำงานอยู่แล้ว เจอเพื่อนเจอคนนั้นคนนี้ เราก็รู้สึกว่าชีวิตเรามันมีความหลากหลายอยู่แล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องของความโชคดี ตอนนี้ก็คือรับละครเรื่องเดียวก่อน ยังไม่ค่อยได้เจอผู้จัดท่านไหนอีก เลยยังไม่มีใครติดต่อเข้ามาค่ะ
พร้อมเปิดรับงานแสดง
ยินดีเปิดรับมาตลอดนะคะ ถ้าใครอยากได้ไปถ่ายละคร ติดต่อได้เลยค่ะ (บทบาทที่อยากเล่น?) ไม่กำหนดดีกว่าค่ะ แล้วแต่ผู้จัดหรือผู้กำกับซึ่งมองเห็นคาแร็กเตอร์คิทว่าสอดคล้องหรือเหมาะสมกับบทไหน จริงๆ คิทก็เป็นคนที่มีหลายคาแร็กเตอร์ในชีวิตจริง เพราะว่าเราอยู่หลายแบบหลายสังคมมีเพื่อนหลายกลุ่ม เราก็จะเข้าใจในคาแร็กเตอร์ต่างๆ ว่าเป็นยังไง (เปิดกว้างสำหรับบทสูงวัย?) คือคนรุ่นคิทเขาก็มีลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้วนะ(หัวเราะ) มันก็เป็นปกติ เหมาะสมกับช่วงวัยของเราแล้วค่ะ
แง่คิดในการดำเนินชีวิต
มองโลกในแง่ดีค่ะแล้วก็มีทัศนคติที่ดีกับทุกอย่าง มีความสุขได้ด้วยตัวของเราเอง เหมือนว่าอย่ายึดถือหรือกำหนดอะไรกับตัวเองมากนัก ไม่ว่าจะผ่านอะไร เจออะไร เราก็มีความสุขกับสิ่งที่มันเป็นอยู่ได้ เรื่องสุขภาพก็สำคัญนะคะ คิทพยายามหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มันๆ แล้วก็ทานผักผลไม้เยอะๆทานข้าวน้อยหน่อย รูปร่างอาจจะดูอวบหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร มันเป็นไปตามวัยค่ะ และก็อยากฝากถึงแฟนๆ ละครที่เคยติดตามผลงานของคิทนะคะ ตอนนี้ก็กลับมาแล้ว อยากให้เป็นกำลังใจให้กันด้วย (ยิ้ม) คือคิทอาจจะพูดไม่ค่อยเก่งนะคะ แต่ว่าเวลาทำงานก็คือตั้งใจเต็มที่เต็มร้อยค่ะ
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี