เจาะตัวตน “คนมายา” ฉบับนี้ ขอพาไปรู้จักกับ “คะน้า” ริญญารัตน์ วัชรโรจน์สิริ นักแสดงรุ่นใหม่ไฟแรง จากวิกหมอชิต ที่มีงานละครมาเข้าคิวต่อยอดไม่ได้หยุด ยิ่งล่าสุดแจ้งเกิดกับ
บทร้ายใน “มัสยา” จนดูเหมือนว่าโลโก้ นางร้าย จะนำพาให้เธอเดินบนเส้นทางสายมายาได้อย่างสวยงาม
จุดเริ่มต้นบนถนนสายบันเทิง
โลกกลมมากค่ะ คือหนูไปถ่ายโฆษณาให้กับมหา’ลัยหอการค้าไทย เพราะเคยเรียนที่นั่นค่ะ และตอนนั้นทางหอการค้า เขาจ้าง GTH มากำกับฯ หนูก็ได้มีโอกาสไปเป็นนางเอกโฆษณา แล้วพี่ที่ช่อง 7 พี่ตู่ เขาก็มาเม้นต์ในไอจีหนู ถามว่าสนใจอยากแสดงละครไหม แล้วก็ให้ไลน์ไว้ จากนั้นก็ได้ไปแคส เราก็ไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านการแสดงเลย แต่ว่าคืนก่อนหน้านั้นหนูทะเลาะกับแฟน เลิกกับแฟนมา เลยยังอินอยู่ หนูยังจำได้เลย เขาให้เล่นแบบโกรธ ดีใจ เสียใจ แล้วจริงๆ สมัยก่อนอีโมชั่นหนูจะไม่ได้เยอะขนาดนี้ จะนิ่งกว่านี้ เขาให้โกรธ หนูก็ “นี่เธอ...” เขาก็บอก “ไม่.. ต้องขึ้นกว่านี้อีก” หนูก็นิ่งไปสักพักหนึ่ง แล้วก็ตัดสินใจเอาชื่อผู้หญิงคนนั้นมา แล้วก็ใส่เต็ม มือสั่น ผู้กำกับฯ บอกเล่นดีมาก.. จนหนูได้เล่นละครอาฉลอง เรื่อง ทอง 10 ก่อนที่จะได้เซ็นกับช่อง 7 อีกค่ะ
การศึกษา
ใกล้จบแล้วค่ะ กำลังเรียนรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ที่ คณะรัฐศาสตร์ รามคำแหง เพราะเด็กๆ เคยแอบอยากเป็นทูตเบาๆ ค่ะ
ผลงานที่ผ่านมา
มีละครที่ออนแอร์ไปแล้ว คือ “ทอง 10, คู่วุ่นลุ้นแผนรัก” และเรื่องที่เพิ่งจบไป “มัสยา” เป็นการพลิกคาแร็กเตอร์ มาเล่นร้ายเป็นเรื่องแรก และเหมือนช่องจะติดใจค่ะ เพราะตอนนี้ที่ถ่ายอยู่ “นางร้าย” ก็แนวตัวร้ายอีกค่ะ ซึ่งดีใจมากค่ะ เพราะเป็นบทของ พี่กิ๊ก-มยุริญ เคยเล่นไว้ แต่จริงๆ ก็ไม่เชิงร้ายนะคะ คือไม่ได้ร้ายกับนางเอก แต่ว่าเป็นบทที่มีมิติ มีความทะเยอทะยาน เป็นตัวที่ทำให้เกิดอุปสรรคของความรักระหว่างพระเอกนางเอก ตอนแรกที่เล่นมัสยา ก็จะงงๆ ว่าต้องประมาณไหน แต่พอจับคาแร็กเตอร์ได้ สนุกมากค่ะ เพราะได้ปลดปล่อยหมด ในชีวิตจริงเราคงไม่ได้กรี๊ดอะไรแบบนี้ และในมัสยาเป็นพีเรียด ก็จะร้ายแบบจัดเต็ม เดินไปด่าไป เดินไปตบ แต่สุดท้ายก็จะโดนนางเอกตอกกลับตลอดค่ะ(หัวเราะ) สนุกค่ะ ได้ทำอะไรแปลกๆ ได้ระบายอารมณ์
บทบาทที่อยากเล่น
มีเยอะเลยค่ะ คอเมดี้ก็อยากเล่น ยังไม่เคยได้เล่น หรือดราม่าจัดๆ เลย ก็อยาก จริงๆ ทุกบทที่ได้รับมาก็เป็นคนที่ดีค่ะ การที่ตัวละครมีมิติ ก็ทำให้เราสนุกกับการแสดง และอยากจะพัฒนาฝีมือต่อไป
ส่วนของภาพยนตร์
อยากเล่นมากกกกค่ะ มีไปแคสมาบ้าง ตอนนี้รอผู้ใหญ่ให้โอกาสค่ะ
รายได้หลัก-รายได้เสริม
หลักๆ ตอนนี้เป็นนักแสดงค่ะ ซึ่งตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะเป็น แต่พอมีโอกาสเข้ามาทำ ได้สัมผัสจริงๆ ก็รักงานตรงนี้ค่ะ กลายเป็นหลงใหลในการแสดง ไล่ดูหนังแบบลึกมาก อินมาก จนตอนนี้ไม่มีเพื่อนคนไหนอยากดูหนังกับหนูแล้วค่ะ จากที่ตอนแรกคิดว่าละครเรื่องแรกไม่ใช่ทาง แต่พอได้เรียนแอ๊กติ้งกับครูเบลครูเงาะ ก็ทำให้เราสนุก ทุกวันนี้หนูยังต้องพัฒนาอีกเยอะมากๆ แต่พอเรารู้ว่ามีอะไรต้องทำ ให้เราจับทางได้ ก็จะเริ่มสนุกขึ้น เมื่อก่อนไปกองเครียด เจอผู้กำกับเตรียมตัวโดนด่า แต่ตอนนี้ได้หรือไม่ได้ แต่เราสนุกที่จะทำ ส่วนอีกงานที่ทำควบคู่กันคือ จิวเวลรี่ค่ะ เพื่อนสนิทหนูจบจิวเวลรี่จาก มศว บวกกับหนูเข้าวงการพอดี ก็เลยชวนเพื่อนทำกัน เพราะเรารู้จักดาราเยอะ ก็เลยเกิดแบรนด์ชื่อ Wynz ขายทางออนไลน์ แล้วก็มีครีม Winky secret และกำลังจะมีอีกแบรนด์หนึ่งค่ะ ยังอยู่ในช่วงค้นคว้าอยู่ ซึ่งจะครบสูตรทั้งเซรั่ม ครีมทาหน้า ครีมกันแดด
งานอดิเรก
“ตอนนี้กำลังฝึกถ่ายรูปค่ะ คือเริ่มมาจากไปงาน “เอท เอเลเมนท์” (8 Elements) จัดแสดงภาพถ่ายขาว-ดำ เพื่อนำเงินรายได้ไปมอบให้มูลนิธิคนตาบอดแห่งประเทศไทย มีภาพหลายแบบมากค่ะ แต่มีไอดอลของหนู คือคุณหมออรอินทร์ ซีอีโอแบรนด์ ดร.สมชาย เขาถ่ายแนวสตรีทไลฟ์ ซึ่งเป็นผู้หญิงที่ผ่านถ่ายรูปแค่ 2 ปี ได้รางวัลมาแล้ว 50 รางวัลทั่วโลก แล้วก็ได้จัดแสดงนิทรรศการในยุโรป อย่างประเทศอังกฤษ ทำให้หนูสตั้น แล้วก็อยู่กับรูปเขา ตรงนั้นนานมาก หลังจากนั้นก็เลยได้แรงบันดาลใจ อยากที่จะฝึกถ่ายรูป ตอนนี้ก็มีลองถ่ายผ่านมือถือ และส่งไปให้คุณหมอดู เป็นแนวสตรีทไลฟ์ขาว-ดำ ทั้งหมดค่ะ เพราะมีความคิดว่าวันหนึ่งหนูอยากจะส่งรูปภาพเข้าประกวดบ้าง กำลังรอกล้องไลก้า Leica M 240มือสองที่สั่งไปอยู่ค่ะ ตอนแรกจะซื้อที่เป็น auto แต่คุณหมอเขาบอกกลัวหนูติดการที่เป็น auto ก็เลยต้องฝึกกันไปค่ะ เพราะเป็นมือหมุน แต่ก็มีคนแซวว่า subject (อุปกรณ์) ไปนู่นแล้ว นำหน้าไปแล้ว(หัวเราะ) และคุณหมอแนะนำว่าให้เริ่มจากดิจิตอล แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นฟิล์ม เพราะคุณหมอใช้ฟิล์มหมดเลยค่ะ คือนอกจากฟิล์มแล้ว ยังเป็นมือหมุนด้วย คือเก่งมากค่ะ ต้องเร็วมาก หนูก็พยายามฝึกมุมมอง การวางคอมโพสต์ต่างๆ จากการถ่ายไอโฟนก่อนค่ะ เพราะกล้องดีแค่ไหน ถ้าเราไม่มีความรู้ไม่ได้เรื่องมุมมองก็คงไม่มีประโยชน์ค่ะ และที่ทำควบคู่กันคือเสพงานช่างภาพคนอื่นๆ ทั้งในไทยในต่างประเทศ พอเราเริ่มถ่ายสตรีทไลฟ์ ก็กลายเป็นว่าเราเป็นคนที่สังเกตคนมากขึ้นค่ะ จริงๆ มีกล้อง Nikon ฟิล์มตัวหนึ่งอยู่ด้วยค่ะ เอาไว้ไปฝึก ทำให้เราเริ่มสังเกตอารมณ์คนรอบข้างมากขึ้น อันนี้จึงเป็นอีกหนึ่งงานอดิเรกที่ตั้งใจไว้ว่าอยากจะต่อยอดไปเรื่อยๆ ค่ะ
และก็มีเรียนร้องเพลง พัฒนาในเรื่องของการออกเสียง เพื่อใช้ในการแสดงค่ะ คือชอบร้องเพลงนะคะ แต่ก็ไม่ได้จริงจังถึงขั้นจะต้องเป็นนักร้อง ร้องให้แม่ให้น้องฟังพอแล้วค่ะ(หัวเราะ) ส่วนดนตรี เล่นจะเข้ได้ค่ะ คือเริ่มมาจากอยากเรียนไวโอลิน แล้วตอนนั้นห้องไวโอลินเต็ม ที่สยามกลการ เขาก็เลยให้ไปเดินดู ไปทดลองเล่นดนตรีอะไรก่อนก็ได้ หนูเห็นห้องดนตรีไทยว่าง ก็เลยเดินเข้าไปเล่น และก็ได้เรียนจะเข้ค่ะ แต่ก็หยุดเล่นไปตั้งแต่ ม.ปลายแล้วค่ะ
ช่องทางการติดตาม
ฝากอินสตาแกรมด้วยนะคะ kana_rinyarat กดติดตามคอมเม้นต์กันได้ค่ะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี