วันจันทร์ ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / บันเทิง
Star Retro : รางวัลชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ของ  ‘ก้อย-นฤมล พงษ์สุภาพ’

Star Retro : รางวัลชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ของ ‘ก้อย-นฤมล พงษ์สุภาพ’

วันอาทิตย์ ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561, 06.00 น.
Tag : ก้อย-นฤมล รางวัลชีวิตที่ยิ่งใหญ่ Star Retro
  •  

แม้จะผันตัวไปจับธุรกิจร้านอาหาร แต่ “ก้อย-นฤมล พงษ์สุภาพ” ก็ไม่หยุดที่จะสร้างสรรค์ผลงานทางการแสดงออกมาให้ผู้ชมได้ชม วันนี้กับบทบาทหน้าจอที่เปลี่ยนไป ชีวิตและครอบครัวของเธอเป็นเช่นไร “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” ถือโอกาสดีไปนั่งพูดคุยกับเธอที่ร้าน TOKUSEN ธุรกิจส่วนตัวของเธอ

“งานแสดงก็ยังมีเรื่อยๆ ที่เพิ่งจบไปก็ “ชั่วโมงต้องมนต์” ทางช่อง 3 ที่กำลังออนแอร์อยู่คือ “พ่อปลาไหล” ช่อง 8 ส่วนที่ถ่ายทำอยู่ก็มี “ปี่แก้วนางหงส์” แล้วก็“หนี้รักในกรงไฟ” ส่วนใหญ่ตอนนี้ก็จะได้รับบทแม่หรือว่าป้า บทสาวใช้ ก็ไม่ค่อยได้แล้ว อาจจะด้วยวัยด้วยหน้าที่มันไปแล้ว (ยิ้ม)”


ภาพจำของคนดู

คนจำได้จากบทพยาบาลเพียงพร จากเรื่อง “คุณชายพุฒิภัทร” ซึ่งคนจะทักกันในรุ่นหลังๆ นี้นะคะ แต่ถ้าเป็นรุ่นก่อนก็จะเป็น “รักเดียวของเจนจิรา”, “แก้วหน้าม้า”คือเราเป็นนางเอกรุ่นสุดท้ายแล้วของ “อาต้อย-เศรษฐา”ไปไหนมาไหนคนก็จดจำได้ ทักทาย อย่างเวลาที่ก้อยมาร้าน บางคนมาเจอเราแล้วไม่รู้ ก็จะอ้าว...นี่ร้านพี่เหรอ ส่วนใหญ่เป็นคำพูดที่ชินหูมาก คือเขามาทานบ่อยแต่ว่าไม่เคยเจอเรา แม้กระทั่งพี่ๆ น้องๆ นักข่าวที่แวะมาทาน ก็เพิ่งจะทราบกันว่าเป็นร้านของก้อย ด้วยความที่โลเกชั่นร้านอยู่ใจกลางเมือง แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้มาร้านจะอยู่ครัวกลางมากกว่าค่ะ

กับธุรกิจที่กำลังอินเทรนด์

คือก้อยเปิดร้านชาบูปิ้งย่างอยู่ที่เซ็นทรัลพระราม 9ร้าน TOKUSEN แล้วก็มีที่เดอะพาซิโอ ลาดกระบัง เป็นธุรกิจเสริมที่สามีเขาหุ้นกับเพื่อน แล้วเราก็มาบริหาร ทำมาตั้งนานแล้วค่ะ จะเป็น 10 ปีแล้ว จริงๆ ชื่อแรกเป็นที่รู้จักกันดีในนามของ Elite Grill Bar แต่ตอนหลังเราเปลี่ยนมาเปิดเป็นบุฟเฟ่ต์ แล้วตอนนี้เราก็เริ่มปรับมาขายเป็น A la carte ด้วย ที่สาขาพาซิโอก็จะปรับไปเรื่อยๆ คือทำธุรกิจจะอยู่นิ่งไม่ได้ หันมาทำธุรกิจเพราะว่าเราแต่งงาน เราก็คิดว่าพอเรามีครอบครัว เราคงจะต้องหาอะไรทำสนุกๆ คือตอนแรกคิดแค่สนุก สามีก็ทำส่งออกอยู่แล้ว และเพื่อนนำเข้าเนื้อ เราก็เลยลองทำดู เป็นเจ้าแรกๆที่ทำ คนกินเนื้อจะรู้จัก Elite Grill Bar ก็จะทำธุรกิจควบคู่ไปกับการเป็นนักแสดง จะเป็นคนที่รับหมด เล่นละครรับทุกบท เพราะส่วนใหญ่คนที่โทร.มาคือผู้จัดช่อง 3ที่เอ็นดูเห็นเรามาตั้งแต่เด็กๆ อย่าง “พี่ไก่-วรายุฑ” “พี่แหม่ม-ธิติมา” หรือว่า “พี่ดา-หทัยรัตน์” เขาส่งบทอะไรมา เราก็เล่นหมดเลย แล้วมันก็ดีจริงๆ บางทีบทเล็กๆ น้อยๆก็ทำให้คนจดจำเราได้ อย่างเรื่อง “ไทรโศก” ตอนเดียวเล่นเป็นแม่แล้วตาย ทุกวันนี้คนก็ยังจำได้ จับธุรกิจตอนแรกมันเฟื่องนะเฟื่องฟูมากเลย จนเปิด 6 สาขา แต่ด้วยความที่เรารับละครมากขึ้น ลูกก็เริ่มโตด้วย ก็ต้องให้เวลากับลูกและงานหลัก ก็เลยอันไหนหมดสัญญา เราก็ไม่ได้ต่อ แล้วตอนนี้ก็คิดที่จะไปบูรณะทำที่ดินที่ชลบุรี เพราะเห็นว่าอีกไม่นานชลบุรีจะเป็นแหล่ง AEC และอีกอย่างที่คิดจะทำคือทำครีมค่ะ คือก็ไม่ได้หยุดที่จะคิดทำธุรกิจ ส่วนสามีเขาก็มีธุรกิจของเขาอยู่แล้ว เป็นธุรกิจส่งออกมาตั้งแต่สมัยอาม่าอากง คือก้อยว่ามันเป็นไปตามดวงนะ มีลู่ทางทำเราก็ทำไป ไม่หยุด ควบคู่ไปกับการเลี้ยงลูก ซึ่งเลี้ยงลูกนี่จะเป็นงานหลัก

ย้อนวันวานเส้นทางชีวิต

ก้อยเริ่มเข้าวงการจากการประกวด New Star Award เมื่อปี 2538 เป็นของหนังสือทีวีพูล คนที่ได้ที่ 1คือ “พี่กิ๊ก-มยุริญ” เข้าวงการมาพร้อมกัน แล้วก็ “พี่ต่อ-เรืองฤทธิ์” ซึ่งเวทีนี้เขาก็ไม่ได้การันตีให้เรานะคะว่าเราจะเข้าวงการ มันเป็นยุคแรกๆ ของการประกวดเลย แต่เราก็ได้โชว์การแสดง เดินแบบ แอ๊กติ้ง ร้องเพลงนะที่ไปประกวดก็พอดีว่ามีรุ่นพี่ที่โรงเรียนเขาชักชวนให้ไป ตอนนั้นเรากำลังเรียนหนังสืออยู่ประมาณชั้น ม.5 ม.6 เป็นผมบ็อบคนเดียวในเวที (ยิ้ม) ก้อยเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออกนะคะ แต่เมื่อมันไปแล้ว และมันก็ได้ตังค์ด้วย ชนะได้เงินเป็นแสนเลยนะ เราก็เลยลองทำดู ก็ไปตามดวงเลย

เก็บเกี่ยวความรู้จากพี่ๆ

ละครเรื่อง “ไอ้คุณผี” ของช่อง 3 เป็นละครเรื่องแรกของก้อย ซึ่งตอนนั้นมีพี่ไก่กับ “ป้าแจ๋ว-ยุทธนา” เป็นกรรมการด้วย เขาก็อยากได้เด็กใหม่พอดี ซึ่งเขามี“พี่บี-แพรพลอย” “พี่นุ่น-รุ้งทอง” “พี่เกด-นรากร” แล้วก็ก้อย ซึ่งเด็กสุด และตรงคาแร็กเตอร์พอดี เลยได้เล่นละคร มาแล้วก็เรื่อยๆ คือเราก็ไม่ได้เก่งหรอก แต่ว่าตอนนั้นมีครูหลายคนเลยนะ ที่เป็นครูของก้อยในวงการ ไม่ว่าจะเป็น “พี่ต้อ-มารุต” “ป้าแจ๋ว” ซึ่งดีมากทุกคน น่ารักมากก้อยไม่ได้ไปเรียนการแสดงที่ไหน แต่ว่าเราก็อาศัยจำเอาจากที่พี่ๆ เหล่านี้สอน 2 ปี เราได้ความรู้ทักษะการแสดงจากทุกท่านที่เอ่ยมา รวมทั้ง “พี่ไก่-พี่ต่อ-พี่แตง” แต่พอเข้ามหา’ลัย ก็เข้าที่ศรีนครินทรวิโรฒก็ได้เรียนการแสดงและกำกับการแสดงโดยตรงไปเลย ซึ่งตอนนั้นรุ่นก้อยก็มี“พี่จอย-ศิริลักษณ์”

นางเอกละครพื้นบ้าน

ที่พีคสุดคือมาเป็นนางเอกละครพื้นบ้าน หรือว่าจักรๆ วงศ์ๆ ที่จะเห็นเด่นๆ เลยก็คือเรื่อง “แก้วหน้าม้า” เป็นนางเอกของอาต้อยอยู่ 2 เรื่อง ส่วนละครปัจจุบันก็ได้เล่นอะไรที่หลากหลาย เป็นเพื่อนนางเอกบ้าง แล้วก้อยก็มาแต่งงานซะก่อน แต่งงานตอนอายุ 25-26 ซึ่งตอนที่เข้ามาเป็นนักแสดงตอนนั้นเราไม่ได้คิดว่าเราจะเล่นไปได้ไกลแค่ไหนหรอกค่ะ แต่ว่าตอนนี้คิด เพราะว่ามันรักไปแล้ว ทำอย่างอื่นไม่ได้แล้ว คือมันต้องควบคู่ไปอย่างนี้แล้วล่ะ(หัวเราะ) เพราะว่าก้อยเป็นคนไม่ได้สวย เป็นคนไม่ได้มีคาแร็กเตอร์อะไรมาก แต่พออายุสัก 40 อย่างตอนนี้มันพอขายได้แล้ว พอจะมีบทบาทให้ตรงคาแร็กเตอร์แล้ว

ด้านชีวิตครอบครัว

คือเรียนจบมหา’ลัย ก็มีความคิดว่าอยากจะแต่งงาน เรามีแฟนชอบรักกันมากเลย แล้วเขาก็ขอให้แต่งงาน เพราะว่าพ่อเขาป่วย เราก็เลยแต่ง ก็ไม่คิดว่ามันจะอะไร แต่ตอนนั้นก็ไม่เป็นที่ยอมรับนะคะ สำหรับการเป็นดาราแล้วไปแต่งงาน แต่เราก็เลือกทางครอบครัวไปแล้ว ก็เลยออกจากวงการไปเลย ออกไปประมาณปีนิดๆคือพอคลอดลูกแล้วก็กลับมาอีก พอดีว่าคาแร็กเตอร์ตรงผู้ใหญ่ก็เรียกให้มาเล่น ก็อยู่มาเรื่อยๆ ตามอัตภาพ(หัวเราะ) กลายเป็นว่าการที่เราไปมีครอบครัวมีลูกไม่ได้เป็นอุปสรรคในการแสดงเลย จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีอย่างตอนที่คลอดลูกคนที่ 2 ก็อ้วนมากเลยนะคะ แต่ก็ยังได้เล่นเป็นแม่พระเอก สามีก้อยเขาก็ไม่ได้ห้ามอะไร คือไปเล่นได้เลย ด้วยความที่ธุรกิจเขาอยู่ตัวแล้ว ครอบครัวเขาค่อนข้างแน่นแล้ว เราก็ไม่ได้เข้าไปในกงสี คือเขาก็ไม่ได้ให้เราทำอะไร แต่เราไม่นิ่งเอง อยากทำนู่นทำนี่ เขาก็เลยหาอะไรให้ทำก็คือเปิดร้านนี่แหละ ด้วยความที่เราชอบไปขายของตามงานตลาดนัดดารา ออกร้านจนเขาบอกว่าเดี๋ยวเอาให้เป็นที่เป็นทาง ไม่ต้องไปไหน ก็เลยเปิดร้านให้

รักษามาตรฐานในการทำงาน

ก้อยเป็นคนที่โชคดีมากที่ผู้ใหญ่เอ็นดู แล้วเราก็รักษาคุณธรรมการทำงานความรับผิดชอบตรงต่อเวลา แล้วก็คุยง่ายทำงานเหมือนเป็นธุรกิจไปในตัว คือต้องเร็วมีความทุ่มเท ก้อยถือตรงนี้มาก ดังนั้นมันก็เลยเป็นความโชคดีของเรา ที่ผู้ใหญ่เห็นและเอ็นดู แต่ตลอดเวลาก็จะไม่ใช่คนที่โด่งดังอะไรมากมาย แต่ก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนไม่เคยทำให้ชื่อเสียงเสีย

บทบาทการเป็นคุณแม่ทั้งในและนอกจอ

ชอบมาก (ยิ้ม) คือปีนเกลียวพี่ๆ เพื่อนกลุ่มก้อยก็จะมี “แม่เจี๊ยบ-ปวีณา” “พี่ใหม่-นัฏฐา”“พี่ฝน-สรวงสุดา” “พี่จุ๊บแจง-วิมลพรรณ” คือก้อยก็จะเป็นคนที่อายุน้อยสุดที่เล่นเป็นแม่ เขาก็จะขำกัน หน้ามันไปด้วยมั้งคะ (หัวเราะ) ชีวิตจริงก้อยมีลูก 2 คนค่ะ ผู้หญิงอายุ 15 ผู้ชายอายุ 8 ขวบลูกๆ เขาชอบมากเลยนะคะ ที่แม่เป็นนักแสดง เพราะโลกทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว อะไรที่มันเป็นโซเชียล ไม่ว่าจะออกข่าวทางสื่อ ทางทีวีต่างๆ มันดูดี มันน่ารู้น่าใคร่รู้ไปหมด ตอนแรกเขาเฉยๆกับแม่นะ แต่พอเห็นแม่จะจะ แล้วเวลาอยู่บ้านแม่กระเซอะกระเซิง แต่ว่าเวลาอยู่ในจอทีวีแม่สวย แล้วแม่อยู่กับคนดัง เขาก็จะโอ้โห! แม่ได้เล่นกับคนนี้เลยเหรอ เช่นล่าสุดเล่นกับ “เจมส์-จิรายุ” เขาก็จะชอบจะกรี๊ด ส่วนใหญ่เด็กสมัยนี้เขาปลื้มดารากันอยู่แล้ว เขารู้จัก เขาก็จะดูตลอดเวลา แล้วผู้ปกครองของเพื่อนลูกๆ เขามาเจอเรา เขาก็แฮปปี้ เออไม่หยิ่งเลยเนอะชีวิตคือราบเรียบมากค่ะ ไม่มีอะไรเลยวันๆ นึง ถ้าไม่ได้ถ่ายละครก็จะอยู่ร้าน ไม่อยู่ร้านก็อยู่โรงงานมีแค่นี้ ไม่ได้มีอะไรหวือหวา ก้อยเลี้ยงลูกแบบเป็นเพื่อนกัน อยากได้อะไรอยากแต่งตัวแบบไหน บอกมา แล้วไปช็อปปิ้งกันสนุกสนาน ไปไหนไปด้วยกัน ถ้าไม่ได้ทำงานไม่ได้ถ่ายละครจะไปไหนไปด้วยกันตลอดทั้งสามีและลูกด้วย (หัวเราะ) เวลามีแฟนละครมาทัก เราก็จะไม่เขิน ลูกและสามีเขาก็ไม่เขิน สบายมาก บางทีคนขอถ่ายรูปลูกก็ยิ้มดีใจ เราเป็นครอบครัวที่อยู่บ้านจะไม่เป็นแบบนี้เลย คือจะเป็นแม่บ้าน

ความฉายแววของลูกๆ

ก็ยังไม่เคยค้นหาเขาเลยนะคะ แป๊บๆ ก็ ม.4 แล้ว ที่โรงเรียนสาธิตประสานมิตรเขาดีอย่างนะคะ เขาจะสนับสนุนให้เด็กทุกด้าน เดี๋ยวปีหน้าก็น่าจะรู้แล้วค่ะว่าเขาอยากเป็นไหม ก็คือผลักดันทั้งเรื่องวิชาการ แล้วก็การแสดง เพราะที่โรงเรียนเขาจะบังคับให้เด็กมีละครเวที ทำละครทุกปีอยู่แล้ว เขาก็จะมาถามตลอดว่าเขียนบทอย่างนี้ทำยังไง เรื่องเสื้อผ้าเอาแบบไหนดี บทละครตรงนี้น้องออมจะต้องเล่นยังไง แม่ก็จะคอยแนะนำ บวกกับเขาก็ได้เรียนที่แอ๊กแล็บด้วย คือก้อยอยากให้ลูกได้ไปเรียน เพราะว่าเหมือนตรงนี้เขาเรียนวิชาการแล้ว ละครมันปีละครั้งเอง เราก็อยากให้ส่งเสริมกันไปเรื่อยๆ เพราะว่าการเรียนการแสดงมันได้ทั้งบุคลิกภาพ ลูกเราหลังค่อมด้วยไงคะ ซึ่งพอเขาเรียนแล้วมันเป็นไปได้ เขามีทางของเขาที่จะได้เข้ามาทำงานเหมือนเรา ก็ดีมาก คือเราไม่อยากให้ลูกค้านกับสิ่งที่เขาไม่อยากทำ เขาอยากทำอะไรก็ให้เขาไปตามวาระเวลา ที่ผ่านมาก็มีทางค่ายละครติดต่อเข้ามาแล้ว แต่เราก็ไม่ได้ให้เล่น กลัวคนอื่นเขาเสียเวลาด้วย แล้วคือบทที่เขาส่งมามันแรงไปหน่อย ก้อยอยากให้เขาเปิดตัวในแบบใสๆสบายๆ ก็ดูไปก่อน ส่วนคนเล็กก็ยังไม่มีแววนะคะ จะซุกซนสไตล์เขา แต่ถ้าวันนึงลูกทั้ง 2 คนเขาเข้ามาเจริญรอยตามเราก็ไม่ได้ว่าอะไร ชอบเลยค่ะ ถ้าเขาได้จริงๆ คือเราดูแล้วเขาได้ ผู้จัดเล็งเห็นก็ให้อยู่แล้ว มันเป็นอาชีพที่ดีมาก เป็นอาชีพที่ทำให้มีแม่ทุกวันนี้นะ(ยิ้ม) แม่มีทุกอย่างกว่า 20 ปี มันคืออาชีพแล้วนะ ถ้าไม่มีอาชีพเขาส่งบทมาเราก็ต้องทำไม่ได้ แต่นี่คือส่งบทอะไรมา เราก็เล่นได้หมด ถ้ามีคนจ้างก็จะเล่นไปเรื่อยๆ

สิ่งที่ได้จากวงการนี้

วงการนี้ให้ทุกสิ่งอย่าง แล้วไม่ได้ให้แค่ตัวเรา ให้ทั้งพ่อแม่เราด้วยคือทุกวันนี้ก้อยก็เลี้ยงดูพ่อแม่น้องๆทุกคนก็มีอาชีพได้มาดูแลร้าน มีทุกวันนี้ได้คิดว่าน่าจะเป็นเพราะวงการนี้นะ อาชีพหลักของก้อยจริงๆ คือเลี้ยงลูก เป็นคุณแม่ แต่ว่าละครก็เป็นงานอดิเรกที่แทบจะหลักเหมือนกัน ควบคู่ไปกับการทำร้านอาหาร ทำไปเรื่อยๆ คือหยุดไม่ได้ ถ้าหยุดแล้วเครียด อยู่บ้านไม่ได้เลย ทุกวันนี้อยากจะบอกว่ามันเป็นรางวัลชีวิต แต่สำหรับตัวเราเราไม่ได้ว่าสำเร็จ เพราะว่ารวยหรือมีเงินอะไรมากมาย คือรถขับมาหมดแล้วทั้งสปอร์ตทั้งยุโรป จนตอนนี้ไม่มีแล้ว ธรรมดามาก แต่ขออยู่แบบสบายใจ แล้วเรามีทุกอย่าง มีบ้านมีรถมีลูก สิ่งสำคุญที่สุดในชีวิตของก้อยคือลูก และครอบครัว อาจจะอยู่กันแบบเงียบๆ เหงาๆ บ้าง เพราะว่าคุณพ่อแฟนเสีย คือตอนที่แต่งงานกันแต่งได้แค่ 3 วันแล้วท่านก็เสีย ตั้งแต่แต่งงานกันมา 10 ปีแรก มันมีแต่ความเศร้า เพราะว่าเขาก็สูญเสีย ทุกวันนี้เราก็ดูแลคุณแม่สามีไป แล้วคุณพ่อคุณแม่ทางเราน้องชายเราก็ดูแลไป เราก็ส่งเงินให้ ว่างๆ ก็ไปกินข้าวกัน คุณยายก็แฮปปี้เลี้ยงหลาน ทุกวันนี้มันยิ่งกว่าสำเร็จ ถ้าเทียบในเพื่อนๆ หรือความเป็นไปได้ของก้อย ก้อยถือว่าพอแล้ว มีทุกอย่างแล้ว บางทีก็แอบคิดว่าอยากได้นั่นได้นี่อีกไหม แต่ก็คิดไม่ออก อยากทำงานทุกวันจนไม่ว่างมากกว่า

ความในใจถึงแฟนๆ

ขอบคุณที่ติดตามก้อยนะคะ ก็ฝากละครแล้วก็ฝากร้าน TOKUSEN ด้วยนะคะ ขอบคุณที่ดูแล้วยังชื่นชมชื่นชอบการแสดงของก้อย มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะผู้ชมและผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงที่สนับสนุนอยู่ห่างๆ มีอะไรพูดนิดนึงทุกคนก็ยื่นมือเข้ามาช่วย จะสร้างสรรค์ผลงานที่ดีต่อไป พยายามที่จะไม่แก่และไม่อ้วนไปกว่านี้ค่ะ (หัวเราะ)

ทุ่มเททั้งกายและใจเพื่องานแสดง แต่ก็ไม่ได้ทำให้บทบาทการเป็นภรรยาและแม่ขาดตกบกพร่องเลย และนี่ก็คือ “ก้อย-นฤมล พงษ์สุภาพ” นักแสดงสาวยิ้มเสน่ห์ที่แฟนๆ คุ้นเคย

กุหลาบสีเงิน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

‘อนุสรณ์’ชี้ไม่มีเหตุที่พรรคไหน จะคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ทำประเทศเสียโอกาส

‘อนุสรณ์’ขอบคุณชาวเทศบาลนครเชียงใหม่ หนุน‘อัศนี’เพื่อไทยเป็นนายกฯอีกสมัย

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ติงหลังรู้ผลเลือกตั้งเทศบาล อย่าแดกดันคนในพื้นที่เป็นเมือง‘ทานหญ้าบุรี’

‘หมอยง’ชี้โควิดเปลี่ยนสายพันธุ์เร็ว ยากจะป้องกันการติดเชื้อด้วยวัคซีน-ภูมิคุ้มกันดั้งเดิม

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved