วันเสาร์ ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / บันเทิง
Star Retro : ปราปต์-ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง กับปรากฏการณ์ใหม่ของชีวิต

Star Retro : ปราปต์-ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง กับปรากฏการณ์ใหม่ของชีวิต

วันอาทิตย์ ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2561, 06.00 น.
Tag : ปราปต์-ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง บุพเพสันนิวาส
  •  

โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมากว่า 20 ปี “ปราปต์-ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง” ผ่านงานมาครบทุกรูปแบบแต่ที่ทำเอาเซอร์ไพรส์สุดๆ ก็คงเป็นละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” กับบทบาทของ “สมเด็จพระนารายณ์มหาราช” เพราะคนดูพูดถึงอย่างล้นหลาม นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกใหม่ในชีวิต ที่เจ้าตัวไม่คาดคิดมาก่อนความโด่งดังและชื่อเสียงที่เข้ามา จะนำพาชีวิตปราปต์เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง วันนี้มีมาเล่าให้เหล่าออเจ้าฟังกัน

ฟีดแบ๊ก “บุพเพสันนิวาส” ดีเกินคาด


เซอร์ไพรส์มากครับ เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ใช่แค่ในวงการละคร วงการบันเทิงบ้านเรา แต่เป็นปรากฏการณ์ในชีวิตผมด้วย ก็ทำงานในวงการมายาวนานกว่า 20 ปีแล้ว ในแต่ละเรื่องที่เราทำงานมา เราก็มีความตั้งใจเต็มที่กับทุกเรื่อง แต่ละเรื่องเป็นงานที่ดีๆ ทั้งนั้น ถ้าจะเปรียบเทียบนะ เราอยู่บนเวที สปอตไลท์จะส่องสาดไปสาดมา คนก็จะเห็นเราแวบๆ อ๋อ...คนนี้เหรอจำได้ แต่ยังไม่ชัดเจนเหมือนตอนนี้ เพราะครั้งนี้มันเหมือนสปอตไลท์พุ่งตรงมาที่เรา แล้วก็แช่ไว้ที่เรานานๆ ให้คนได้จำภาพ จดจำงาน หรือสิ่งที่เราทำ ก็เลยกลายเป็นปรากฏการณ์แห่งความทรงจำที่เซอร์ไพรส์มากๆ สำหรับการทำงาน หรือถ้าจะให้เปรียบเทียบก็เหมือนกับเรามักจะพูดเล่นกับคนหลายๆ คนทั่วไปว่า “ปุจฉา อะไรเอ่ย เกิดปั๊บแก่ปุ๊บเลย” คนก็ตอบว่าอะไรเหรอ งงๆ เราก็ตอบ ฉันน่ะสิหลายๆ คนก็ยกให้เป็นฉากที่ดีที่สุดในตอนที่โผล่มาแค่สองซีนแรก แล้วคนก็จำเรา

ครั้งแรกที่ได้รับการติดต่อ

ไม่ลังเลใดๆ เลยครับ รับเลย ตอนแรกที่เขาติดต่อมา ซึ่งเราเคยร่วมงานกับพี่ใหม่-ภวัต (ผู้กำกับ) อยู่แล้ว พี่ใหม่ได้เห็นในสิ่งที่เราเป็น แล้วพี่ใหม่ก็ชวนว่าให้มาเล่นในละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส เราก็บอก เล่นครับตอนนั้นยังไม่รู้หรอกว่าเล่นเป็นใคร อะไรยังไง จนกระทั่งรู้ว่าได้เล่นเป็นบท สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ก็ตื้นตันใจมากๆ นาทีแรกที่พี่ใหม่บอกว่าเล่นเป็น สมเด็จพระนารายณ์มหาราช น้ำตาคลอเลย เราปลื้มใจ ดีใจภูมิใจมากเลยคือคนเป็นนักแสดง การที่เราตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเดียว โดยที่ตั้งใจทำไปเถอะ ทำไปเรื่อยๆ แล้วพอวันหนึ่งมีคนมองเห็นว่าเรามีอะไรอยู่ภายใน จริงๆ ทุกคนจะจำภาพเราก็คือ ถ้าไม่เป็นนักรบ ดุดัน มุทะลุ ตัวร้าย โจร นี่คือภาพจำของคนดูแฟนละคร ฉะนั้นเวลาที่มีคนติดต่องานเราหรือมองเห็นเราก็จะมีความทรงจำกับเรา ก็จะเป็นภาพแบบนั้นตาม ซึ่งเราก็คิดว่าก็เป็นผลจากผลงานที่เราเล่น เราแสดงออกไป ให้คนดูรู้สึกและจดจำในแบบนั้น เขาเกลียดเรา เขามองอย่างนั้น คือตอนเล่นก็เล่นไปตามบทบาทที่ได้รับมาให้เต็มที่ ซึ่งก็ช่วยไม่ได้ที่คนจะจำภาพแบบนั้นเราไปแล้ว เราไม่ติดอะไร ดีด้วยซ้ำไปคนจำตัวละครได้มากกว่าเรา

โอกาสพิสูจน์ความสามารถ

พี่ใหม่เป็นคนที่มองเข้าไปลึกๆ ในความเป็นเรา มากกว่าที่เป็นภาพจำอย่างที่บอกข้างต้น พี่ใหม่อยากเห็นเราเปลี่ยน ซึ่งก็เปลี่ยนเลยนะ เปลี่ยนชนิดที่ตอนแรกเลย พอคนรู้ว่าผมจะมาเล่นเป็น สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ไม่มีใครเชื่อ มีแต่คนอึ้ง เหรอๆ คนนี้เหรอ จนสุดท้ายพอมันออกมา แค่ภาพนิ่งหรืออะไรต่างๆ นานา ทุกคนก็มีเหวอกัน เราดีใจนะที่ทำให้หลายๆ คนเห็นเราตอนนี้เป็นภาพของ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทุกคนจำภาพนี้ทุกคนไม่ได้แคลงใจ ไม่ได้มีความรู้สึกติดค้างอะไร กับสิ่งที่เราได้เล่นเป็นพระองค์ท่าน ทุกคนยอมรับ เชื่อสนิทใจว่านี่คือ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่เขาเชื่อ ที่เขาอยากเห็น แล้วเขาก็ได้รับรู้เข้าไปในจิตใจของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ท่านทรงคิดอะไร เราก็เลยจะบอกว่านี่แหละคือความภาคภูมิใจ ความสุขของเราที่เราได้รับโอกาสจากพี่ใหม่, พี่หน่อง-อรุโณชา ภาณุพันธ์ และช่อง 3

สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อรับเล่น

เราขอกับพระองค์ท่าน เพราะท่านก็อยู่ทุกที่ในผืนแผ่นดินนี้แหละ และท่านก็อยู่ทุกที่ที่เราจะคิดถึงท่าน เราก็ตั้งจิตบอกกับท่านว่า ถ้าท่านเลือกเราให้เป็นท่านก็ขอให้ทุกอย่างราบรื่น และผ่านพ้นอุปสรรคจนกระทั่งตอนทำงานเสร็จ ถามว่าระหว่างทางมีอุปสรรคไหมมี เพราะทุกอย่างมีอุปสรรคเสมอ แต่เราก็ผ่านไปได้หมด และผ่านไปได้ด้วยดี อย่างที่เราอธิษฐานกับพระองค์ท่านก็คือ ถ้าท่านยอมรับให้เราเป็นท่าน ก็ขอให้พระองค์ท่านได้ให้คนรุ่นหลังเรียนรู้ประวัติศาสตร์ แล้วก็อยากให้เขาเข้าถึงจิตใจของท่านว่าท่านคิดอะไรหรืออยากจะให้เป็น
ไปแบบไหน อยากให้คนเขาเข้าใจแบบไหน ขอให้เล่าผ่านตัวเราได้เลย

เก็บทุกเม็ดของการแสดงในซีนตัวเอง

เรื่องราวของสมเด็จพระนารายณ์ก็จะเป็นเรื่องในประวัติศาสตร์ที่ทุกคนก็จดจำกันได้ในบันทึกประวัติศาสตร์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเวลาออกมา ทุกคนก็จะเฝ้ามองดูซึ่งคราวนี้ทุกคนเฝ้ามองดูแล้ว ความเป็นกษัตริย์ของพระนารายณ์ในเรื่องบุพเพสันนิวาส เหมือนเป็นกษัตริย์ที่จับต้องได้ เป็นอะไรที่คนดูรู้สึกว่าเข้าไปถึงจิตใจของท่านจะไม่เหมือนกับสมมุติเทพในเรื่องอื่นๆ ก็จะทำกันในรูปแบบของความเป็นฮีโร่ ในเรื่องนี้คนดูจะได้เข้าถึงจิตใจของพระองค์ท่าน เหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ เหมือนอยู่ตรงนั้น เวลาที่ท่านไม่เข้าใจก็จะไม่เข้าใจว่าทำไมหูเบา ทำไมถึงได้ฟังความข้างเดียว ทำไมถึงไม่นั่นไม่นี่ จังหวะที่เกิดการทะเลาะกันแล้วหลังจากนั้นท่านต้องอยู่คนเดียว ท่านก็แสดงให้เห็นว่าท่านหนักใจแค่ไหน ท่านต้องแบกรับภาระเรื่องราวมากมายแค่ไหน จะแสดงออกก็แสดงออกไม่ได้ ใครจะเข้ามาด่าชี้หน้า ร้องไห้ใส่ ใครจะทำอะไรก็ตาม ท่านเป็นกษัตริย์ท่านต้องแบกรับอารมณ์ทุกอย่างไว้ นิ่งให้มากที่สุด เรามาเล่นตรงนี้เราจะเข้าใจพระองค์ท่านเลยว่า จะให้ท่านมาฟูมฟาย ระเบิดอารมณ์ นั่งอธิบายทุกคำพูด ทุกเหตุผลที่คิดก็ไม่ได้ ถ้ามัวแต่มานั่งคิดอย่างนั้นแล้วจะนำพาประเทศชาติที่ใหญ่โตขนาดนั้น ต้องปกครองคนเท่าไหร่ บ้านเมืองใหญ่โตแค่ไหนแล้วแบกรับอยู่แค่ไหน ถ้าจะมานั่งคิดนู่นคิดนี่ ไม่มีแนวทาง ไม่มีความมุ่งมั่นที่จะทำอะไร ไม่มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ไม่มีความเข้มแข็งพอจะแบกรับภาระหนักนั้นไว้ได้อย่างไร นั่นแหละคือสิ่งที่ละครเรื่องนี้ทำให้คนดูได้สัมผัสและใกล้ชิดพระองค์ ได้เหมือนกับเข้าไปอยู่ในจิตใจของพระองค์ ซึ่งเราถือว่าเป็นงานที่ยากมากในการใช้วิชาชีพทางการแสดง

ชีวิตก่อนเข้าวงการบันเทิง

ชีวิตผมมี 2 ช่วงนะ เคยเข้ามาตอนเด็กๆ ตอนอายุ 17-18 เข้ามาประมาณ 2-3 ปี สัมผัสทั้งถ่ายแบบเดินแบบ ถ่ายมิวสิกวีดีโอ เกือบจะได้ทำเพลงกับแกรมมี่ เล่นภาพยนตร์ไปเรื่องหนึ่ง แต่ด้วยความที่เราเด็กตอนนั้นจริงๆ แล้วคือทุกวันนี้ผมก็ยังเป็นอยู่นะ ผมเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองสูง และที่คนเขานิยามให้ 2 คำซึ่งคาบเกี่ยวกันมากคือ “โอ้โหพี่คนนี้แ-งติสท์สั-” กับอีกคำหนึ่งก็คือ “ติสท์จริงๆ นะไอ้สั-” แล้วแต่จะเรียกเลย ผมเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กๆ ผมก็เลยรู้สึกว่า วงการนี้ไม่น่าเหมาะกับเรา เพราะเราไม่ชอบ ทั้งๆ ที่จะไปได้ดีนะ เกือบจะได้ทำเทปกับแกรมมี่อยู่แล้ว ออดิชั่นผ่านแล้ว ผู้บริหารเลือกเราแล้ว แต่ผมไม่เอา ด้วยอารมณ์ในวัยเด็กของเราตอนนั้น วัยรุ่น ความรู้สึกไม่เอา ไม่ใช่ที่ทางของเรา เท่านั้นแหละ แล้วก็เดินหันหลังให้เฉยๆ หายไปเลย 10 กว่าปี

โชคชะตาดึงกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

การดำรงชีวิต ตกงาน (หัวเราะร่วน) ช่วงฟองสบู่แตกประมาณปี 2540-2541 ผมตกงานครับ แล้วลูกค้าเก่าๆ ของเราที่ทำงานประจำที่เป็นคนวิ่งหาโฆษณาลงแมกกาซีน แล้วก็มีเจ้าหนึ่ง Panasonic เขาก็ถามว่าช่วงนี้ทำอะไรอยู่ ผมก็บอกตรงๆ ตกงานครับ เขาก็บอกว่ามาถ่ายโฆษณาให้พี่หน่อยสิ ผมก็บอกเอาสิได้ตังค์ด้วยก็ไปถ่ายโฆษณา ตอนนั้นจำได้ว่าเขาให้ 30,000 บาทไม่ต้องแคสไม่ต้องอะไร ก็ถือว่าเยอะนะช่วงนั้น ตอนที่ถ่ายโฆษณานั้นมี 3 คน มี “อมิตา ทาทา ยัง” แล้วก็“โอเด็ต” (เฮนเรียต แจ็คโคมิน) และ ผม นี่คืองานชิ้นแรกที่กลับมา หลังจากนั้นก็มีงานโฆษณา แต่ผมไม่ชอบแคส แล้วจะทำอะไรล่ะ ไปเดินผ่านกล้องเฉยๆ ก็ได้นะขอให้ได้ตังค์ ก็เอาหมด ห้าพัน หมื่นหนึ่ง ก็ไป ขอแค่ไม่ต้องแคส จนวันหนึ่งเราก็บอกกับโมเดลลิ่งไปว่า ผมอยากไปเล่นละครหรือไปเล่นหนังอะไรก็ได้ อยากแสดงความสามารถ เอาล่ะ ผมอยากแสดงแล้ว อยากกลับเข้ามาทำงานด้านการแสดงจริงๆ จังๆ แล้วเขาก็ส่งผมไปเล่นละครเรื่องแรกคือ “ตาเบบูญ่า” ไปเล่นเป็นเอกซ์ตร้า ในกองถ่าย แต่พอดีว่าพี่ซูโม่แห้ว (บำเพ็ญ ชำนิบรรณการ) ผู้กำกับตอนนั้น เขาเห็นเรา เขาก็ส่ายหน้า แล้วก็เดินหนีเราไป เราก็คิดว่าเราไม่ได้แล้วล่ะ กลับบ้านเลย พอถึงบ้านปุ๊บ ทีมงานโทร.ตามว่า เฮ้ย..ไปไหน พี่แห้วถามหา อ้าว..ก็ส่ายหน้าใส่ผมก็ต้องกลับสิ ไม่เอาผมแล้ว เขาบอกไม่ใช่ พี่แห้วบอกให้กลับมาก่อน เราก็กลับไป เขาก็เอาบทมาโยนใส่หน้า เป็นพระเอกตัวรองๆ คู่กับ “ทราย เจริญปุระ”เป็นคู่หมั้นคู่หมาย และเป็นคนที่เดินเรื่องแล้วก็เป็นคีย์ของเรื่องพอสมควร ก็เลยได้เริ่มจากเรื่องนั้น และกลับมาแล้ว ก็ยาวเลย ทั้งหนังและละคร กลายเป็นว่าเราก็ไม่ได้ทำมาหากินอย่างอื่นแล้วครับ

รู้จักการใช้ชีวิตที่เติบโตขึ้น

เราผ่านการไปดำเนินชีวิตแบบสู้ชีวิตมาแล้ว ความติสท์เหลือเกิน ก็ยังคงเป็นอยู่ แต่ก็มีน้อยลง ในแง่ที่ว่าเรารู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร เพราะเราก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว เราก็เปลี่ยนตัวเอง แล้วก็ทำให้เรามีความรู้สึกว่าประสบการณ์ในการใช้ชีวิตนอกวงการมันก็สอนเรามา แล้วมันก็เลยทำให้เรา และอารมณ์ของการที่จะเอาตัวเองเป็นใหญ่น้อยลง ได้ใช้ชีวิตเป็นมากขึ้น แล้วก็มีความนิ่งมากขึ้น คงเป็นผลจากการที่เราได้กลับมาในวัยที่โตเต็มตัวแล้ว เพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตในวงการ ก็เลยเป็นการใช้ชีวิตแบบคนที่เข้าใจชีวิต ไม่ตื่นเต้นกับสิ่งที่เข้ามา เพราะฉะนั้นถ้าคนถามว่า ที่ผ่านมางานก็เยอะมากเลย แต่ทำไมเราไม่มีกระแส ไม่มีเรื่องราว เราก็บอกว่า ก็เราเป็นคนทำงานไง ที่ผ่านมาคนรู้จักเราจากละครเรื่องนู่นเรื่องนี้แล้วพูดถึงตัวละครเรา เขาจำได้หมด แต่พอบอกชื่อจริงเรา “ปราปต์ปฎล” ใครวะ? ซึ่งผมไม่น้อยใจเลยนะ เพราะเขาพูดถึงตัวละคร ถูกต้องแล้ว เราจึงตั้ง Positionตัวเราเองแล้วว่า เราเข้ามาทำงาน เป็นนักแสดง ไม่ได้มาเป็นดารา เรามีงานแสดงให้คนได้ชื่นชม แล้วเขาพอใจ ชื่นชมกับงานที่เราทำออกไปแค่นั้นพอแล้ว แต่พอมาถึงทุกวันนี้ด้วยกระแสหลายๆ อย่างเข้ามา เพราะฉะนั้นก็ถือว่าเป็นวาสนาของเราที่ได้เล่นละครเรื่องนี้ บทนี้ จนกลายเป็นว่าเราก็ถูกจับตามองนิดหนึ่งว่า อ๋อ..คนนี้เหรอ ชื่ออะไรเขาก็เลยไปค้นหาประวัติ คราวนี้แหละจากที่ไม่รู้จัก “ปราปต์ปฎล”ก็รู้จัก เฮ้ยเคยผ่านงานเรื่องนี้มาแล้ว เราก็เคยดูนะ เรื่องนี้ก็ดูชอบนะ แต่ทำไมเราไม่จำเขาเลย เราไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเลย เคยสงสัยมานานว่าคนนี้ใคร ตอนนี้ก็รู้จักแล้ว (ยิ้ม)

คนปิดทองหลังพระ

ผมทำงานด้านอาสามาร่วม 20 ปี แล้วครับ ทำมาตลอด แต่ว่าการทำงานของผมไม่ได้ต้องไปป่าวประกาศว่าเราทำนะ ผมก็ดำเนินตามคำสอนของในหลวงรัชกาลที่๙ คือ ปิดทองหลังพระ ทำไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นทุกคนจะรู้ว่าช่วงงานพระราชพิธีของในหลวงรัชกาลที่๙ ผมก็ทำ แต่ไม่ได้ออกสื่อผมไม่ออกสื่อและไม่คุย เพราะว่าถ้าไปออกสื่อเล่าเรื่องงานอาสาที่ทำ ถ้าจะคุยต้องมีคอนเทนต์คุยกับผมว่าตรงนี้สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วๆ ไปหรือเยาวชนมองเห็นว่าการทำงานอาสามีประโยชน์ต่อสังคม แล้วเขาอยากทำบ้าง ถ้าเป็นคอนเทนต์แบบนี้โอเค แต่ถ้าเป็นคอนเทนต์เพื่อมาสรรเสริญผมผมไม่ไป ไม่ออก

เกือบเป็นนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติ

ผมเป็นคนที่เล่นฟุตบอลอยู่ตลอดเวลา กีฬาที่รักที่สุดก็คือฟุตบอล ครั้งหนึ่งในวัยเด็กที่เป็นนักกีฬาฟุตบอล เกือบจะติดทีมชาตินะ ก็ไม่แน่ถ้าเล่นต่อ เพื่อนหลายคนที่เล่นด้วยกันติดทีมชาติ แล้วก็ในรุ่นเดียวกันก็เป็นโค้ช เป็นผู้บริหารทีมฟุตบอลอยู่เยอะแยะ แต่ผมในวัยนั้นเลือกที่จะเลิกเล่นแล้วก็หันมาทำงาน พอเข้าวงการมาถ้ามีเวลาหรือนักแสดงเขาเตะฟุตบอลกันผมก็ไปเตะตลอด ส่วนใหญ่ชอบเตะกับพวกพี่ๆ นอกวงการบันเทิง กับดาราก็มีเตะในกรณีพิเศษ

อาชีพที่รักและทำอย่างมีความสุข

ผมรักอาชีพนักแสดงนี้ จนไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรได้ดีไปกว่านี้แล้ว เพราะฉะนั้นก็จะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าคนเขาจะไม่จ้างเรา และจริงๆ มีงานเบื้องหลังที่ผมควรจะต้องกำกับได้นานแล้ว แต่ผมก็ยังมีความสุขกับงานแสดงเบื้องหน้าอยู่ถามว่าอยากไหมก็อยาก และคงวนเวียนอยู่วงการนี้แหละ แต่ตอนนี้ผมมีความสุขกับชีวิตของการเป็นนักแสดงอยู่ ควบคู่ไปกับการทำงานอาสา หลักๆ ในชีวิตที่โฟกัสเลยก็คือ งานแสดง กับ งานอาสา

แนะนำน้องๆ ดาวดวงใหม่ที่รอวันแจ้งเกิด

ขอให้ทุกคนเชื่อว่าถ้าเข้ามาในวงการบันเทิงนี้แล้วเข้ามาด้วยความจริงใจ เข้ามาด้วยความรัก ในอาชีพนี้แล้วก็มีความรับผิดชอบต่อสังคม รับผิดชอบต่องานรับผิดชอบชีวิตเราเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อสังคมคุณจะอยู่ในวงการบันเทิงนี้อย่างยาวนาน และสื่อมวลชนกับเราเป็นเรื่องที่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันถ้าเขาขอความร่วมมืออะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมโปรดจงให้ความร่วมมือเขาเต็มที่ แต่ถ้าเรื่องอะไรที่เรามองและพิจารณาดูแล้วว่าไม่มีประโยชน์ ไม่มีอะไรที่เป็นสาระกับเยาวชนก็ช่วยกันกลั่นกรอง อย่าไปสนุกกับกระแส และอย่าไปหลงระเริงกับชื่อเสียง เพราะว่าทุกอย่างคือสิ่งที่มาแล้วเดี๋ยวก็จะหายไป คนเข้ามา คนออกไป ชื่อเสียงก็เหมือนกันก็จะมาๆ ไปๆ วนเวียนอยู่ตรงนี้ ไม่มีอะไรแน่นอนแต่สิ่งที่จะทำให้คุณยืนอยู่ไม่ว่าจะวงการไหนก็แล้วแต่คือความจริงใจ ความรักในอาชีพที่ตัวเองทำ และความรับผิดชอบต่ออาชีพ ต่อสังคม ต่อคนรอบข้าง แล้วก็เป็นคนดี รับผิดชอบสังคม เห็นชีวิตของคนอื่นมีคุณค่าและมีประโยชน์ อย่าน้อยกว่าชีวิตตัวเอง

และวันนี้เราก็ได้เข้าใจความเป็น “ปราปต์” ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง มากยิ่งขึ้น!!

กุหลาบสีเงิน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สมศักดิ์ศรี! ปีทอง ‘ช่อง 3’ คว้า 10 รางวัล   ‘คมชัดลึกอวอร์ด ครั้งที่ 20’ สมศักดิ์ศรี! ปีทอง ‘ช่อง 3’ คว้า 10 รางวัล ‘คมชัดลึกอวอร์ด ครั้งที่ 20’
  •  

Breaking News

'ภคมน ลิซ่า' สอน 'ณัฐวุฒิ' เก็บอาการหน่อย! บอกควรยืนข้างนายกฯ ไม่ใช่พ่อของนายกฯ

ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่! 'พานาโซนิค'เตรียมเลย์ออฟพนักงาน10,000ตำแหน่งทั่วโลก

เพื่อไทย ส่ง 'อนุสรณ์' ลุยช่วย 'อัศนี' เบอร์ 3 นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่

วิชัยเวชฯ จับมือโรงเรียนบ้านด่านโง ร่วมใจปลูกป่า เนื่องในวันต้นไม้ประจำปีของชาติ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved