คุณจะเลือก ไป! หรือไม่!? หากทริปท่องเที่ยวตรงหน้า เป็น 7 วันในต่างแดน ที่ไม่มีเงินติดตัว!! ไม่มีที่พักอาศัย และไม่สามารถหยิบโทรศัพท์โทร.ถึงใครได้!! แต่สำหรับ “เจนนี่” รมิดา จึงไพศาล, “วะ” วศินี ธัญญะกิจไพศาล และ “แพร” ไหมแพร ชีวมงคล 3 สาวไทยจากรั้วสถาปัตย์ จุฬาฯ เลือกที่จะ ไป! และไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำภารกิจ “Red Bull Can You Make It?” ให้สำเร็จ หลังเห็นโปสเตอร์โฆษณา เชิญชวนให้สมัครร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน 200 ทีมจาก 60 ประเทศทั่วโลก กับกิจกรรมที่ทางยูโรเปี้ยน เรดบูล จัดขึ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทีมจากประเทศไทยได้มีโอกาสเข้าร่วมในมิชชั่นนี้
พวกเธอคือใคร? และอะไรคือแรงบันดาลใจ ให้ทำเรื่องนี้? วันนี้ “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” มีความในใจของพวกเธอมาฝากกัน เพื่อเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียง ที่อยากเห็นเด็กไทยมีความ “กล้า” และกล้าในสิ่งที่ถูกที่ควร เหมือนอย่างพวกเธอ!!
แรงบันดาลใจ
เจนนี่ : มีเพื่อนคนหนึ่งเขาเห็นโปสเตอร์ที่อัมสเตอร์ดัม แล้วส่งให้ดู แต่เพื่อนคนนั้นเขาไม่อยากไปค่ะ หนูอยากทำ ก็เลยชวน 2 คนนี้ เพราะรู้สึกว่าเขาเซย์เยสกับอะไรแบบนี้อยู่แล้ว เราเคยไปต่างประเทศด้วยกันมาก่อน พอชวนปุ๊บ 2 คนนี้ตกลงภายใน 0.1 วินาที(หัวเราะ) (แพร : ตอบไป โดยที่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดเลย) (วะ : เวลาเราทำอะไร เราจะไม่คิดว่า เราจะได้ไหม เราคิดแต่ว่าต้องได้แน่ จัดกระเป๋ารอได้เลย) เราใช้กฎของแรงดึงดูดค่ะ (หัวเราะ) พวกเราทำการบ้านกันค่อนข้างเยอะ หาด้วยตัวเองหมด ไปดูคลิปของปีก่อนๆ ดูว่าคนที่เขาเข้ารอบ เขาน่าสนใจยังไง ดูจนรู้ว่าต้องประมาณไหน ก็เลยเริ่มทำวีดีโอขึ้นมา ( แพร : วีดีโอที่เราถ่ายกัน เราใช้วิธีเช่ากล้องมาถ่าย วันละ 300 บาทค่ะ เราก็ถ่ายกันตั้งแต่กลางคืนจนมาถึงตอนมืดของอีกวัน) เรา 3 คนคาแร็กเตอร์ไม่เหมือนกัน แต่ชอบอะไรคล้ายๆ กัน เหมือนอย่างหนูจะชอบวางแผน ข้อมูลเยอะวะ จะคล่องแคล่ว ทำอะไรรวดเร็ว สดใส ส่วน แพร จะลุยๆ คิดบวกตลอดเวลา
คู่แข่ง 90 ทีมในไทย คัดเหลือ 1 เดียว
เจนนี่ : ตอนแรกไม่รู้เลยค่ะว่าจะมีคนส่งคลิปให้เข้าสมัครเยอะขนาดนี้ (แพร : ตอนแรกมั่นใจสุดๆ ว่าไม่มีใครรู้หรอก ขนาดเราในมหา’ลัยยังไม่มีใครรู้เลย) (วะ : แล้ว 3-4 วันก่อนหมดเขต ก็ไม่มีใครส่งเลย เห็นอยู่ 4-5 คลิป โอ้ย...สบาย แต่พอถึงวันสุดท้าย อยู่ๆ ก็พุ่งมา 90 คลิป เราก็แบบ อุ่ย!) ตอนนั้นกฎของแรงดึงดูดเริ่มแผ่วลงนิดนึงค่ะ โดยเขาจะคัดเลือก 2 รอบ รอบโหวต จะเอาประมาณ 25% ของทั้งหมด ก็จะได้ประมาณ 23 ทีม แล้วเขาจะเลือกให้เหลือหนึ่งทีม (วะ :เราก็คิดว่าโหวต 7 วันไม่น่าจะเหนื่อยมากมั้ง เกณฑ์เพื่อนในมหา’ลัยมาโหวตคงจะได้ ปรากฏว่าโหวตไปโหวตมา คะแนนไม่ขึ้นที่หนึ่งสักที เราก็มาหาวิธีกันว่าจะทำยังไงได้ เราก็ไปเจอกรุ๊ป vote for vote แล้วก็เจอกลุ่มเรดบูลเหมือนกันจากทั่วโลก มาช่วยกัน) เหมือนตอนนี้เรายังไม่ใช่คู่แข่งกันเราต้องเป็นตัวแทนประเทศให้ได้ก่อน แล้วถึงจะเจอกัน (วะ : เราก็เลยแลกเปลี่ยนโหวตกันค่ะ แล้วปัญหาคือไทม์โซนแต่ละประเทศไม่ตรงกัน เราก็แทบจะไม่ได้นอนเลย เพราะเราอยากได้โหวต
ทุกๆ นาที (หัวเราะ) เราก็เลย 7 วันลุยให้เต็มที่ ตื่นมา 10 โมงเช้าก็โหวตยาวไปจนถึง 7 โมงเช้าของอีกวัน โหวตจนครบทั่วโลกที่เรารู้จัก แล้วเราถึงจะนอนประมาณ 4 ชั่วโมง แล้วก็ตื่นขึ้นมาโหวตต่อ) เราพยายามทั้งหมดนี้เพื่อที่ 1 ค่ะ คือเราติด 23 อยู่แล้ว แต่เราอยากได้ที่หนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าติด 23 ทีมแล้วเขาจะเลือกให้คนที่ได้ที่ 1 ไปนะคะ เขาจะเลือกจากหลายๆ อย่างประกอบกัน คะแนนโหวต คลิป และโซเชียลมีเดียของเรา ซึ่งเราได้ที่ 2 แต่เราก็ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปค่ะ
ปฏิบัติการโนมันนี่ โนโฟน (ไม่มีเงิน ไม่มีโทรศัพท์)
เจนนี่ : จะมีจุดเริ่ม 5 จุด มีที่ สต็อกโฮม โรม มาร์ดิค แมนเชสเตอร์ และบูดาเปส จะกระจายกันไป แต่ละประเทศจะได้จุดสตาร์ทไม่เหมือนกัน (วะ : พอใกล้ๆ วันจะไป เราถึงได้รู้ว่า
จุดเริ่มต้นของเราคือสต็อกโฮม เราก็เริ่มศึกษาเส้นทางกัน)
ภารกิจโหดที่สุด
แพร : ภารกิจของเราจะไม่ใช่แบบว่า ใครถึงก่อนชนะ แต่จะมีคะแนนสะสมต่างๆ มีชาเลนท์ให้เราทำ ถ้าทำได้ก็จะได้คะแนน อันไหนยากก็จะได้คะแนนเยอะค่ะ (เจนนี่ : เป็น แอดเวนเจอร์ ลิสต์ทำเมื่อไหร่ก็ได้ ทำเสร็จก็ส่งวีดีโอให้เขา เขาก็จะให้คะแนน) แล้วแต่ละเช็คพ้อยท์ ก็จะมีมิชชั่น ให้เราชาเลนท์ คือไม่ได้ไปแค่เช็คอิน แต่ต้องทำให้ผ่านด้วย ถึงจะได้คะแนนค่ะ (วะ : ตอนแรกเราตั้งใจเลยว่า เราจะต้องได้ที่ 1 ของโลก แต่ปรากฏว่าไปเจอด่านแรก ให้ขว้างขวาน แล้วขวานใหญ่มาก (เจนนี่ : เมืองลินเชอปิง ประเทศสวีเดน เป็นเมืองไวกิ้ง ก็เลยมีให้ขว้างขวาน) (วะ : ประเทศอื่นเขาสูง 190 กัน เราเหมือนเด็กเลยค่ะ ) ก็เริ่มเห็นแววตัวเองแล้ว ตั้งแต่เห็นผู้หญิงฝรั่งที่ตัวใหญ่กว่าเราปาไม่โดน
สิ่งที่สาวไทยสู้ได้
เจนนี่ : แอดเวนเจอร์ลิสต์ค่ะ (วะ : ตรงนั้นเราไม่ต้องใช้ร่างกาย ไม่ต้องใช้กำลัง เราใช้ความกล้าเข้าสู้ค่ะ) ก็จะมีภารกิจแปลกๆ อย่างให้ไปขี่หลังคนแปลกหน้า พร้อมกัน 3 คน แล้วก็ไปหารายการวิทยุหรือทีวี ไปออกให้ได้ (แพร : พวกเราบังเอิญมากค่ะ ไปเจอเขากำลังสัมภาษณ์รายการทีวีอยู่ที่ถนนพอดี ก็เข้าไปถามเขา แล้วก็ขอเขาเลยค่ะ) (วะ : เขาก็ใจดีมาก บอกว่ามุมนี้ไม่ค่อยสวย ไปมุมโน้นดีกว่า) ภารกิจแบบนี้ก็จะสนุกมากค่ะ หรืออย่างไปกินอาหารมิชลินสตาร์ เราก็เข้าไปขอแบบดื้อๆ เลยค่ะ โดยทุกอย่างต้องขอแลกด้วยเรดบูลกระป๋องที่ได้รับมา เพราะตั้งแต่แรกเขาจะเก็บเงิน เก็บบัตรเครดิต แล้วก็โทรศัพท์ของพวกเรา ซีลใส่ไว้ในถุง เป็น Emergency Bag ให้เราพกไว้ก็จริง แต่ถ้าเราแกะใช้เมื่อไหร่ เราออกจากการแข่งขันทันที แต่เขาก็ดูแลความปลอดภัยค่อนข้างดีมากค่ะ เพราะมี GPS ติดตัว และ 3 คนจะมีมือถือ 1 เครื่องไว้ใช้อัดวีดีโอ และมีแอพของเรดบูลเท่านั้น เอาไว้ส่งภารกิจ และคุยกับทีมงาน ทางบ้านก็จะเห็นเราจากการอัพวีดีโอ แต่เราจะเข้าโซเชียลโต้ตอบอะไรไม่ได้เลย ใครกดไลค์กดแชร์เราถึงจะได้คะแนนจากโซเชียลค่ะ
ทำไมที่บ้านถึงอนุญาตให้ไปทำภารกิจ
เจนนี่ : ถามเหมือนคุณน้าคนหนึ่งที่เราไปเจอที่นั่นเลยค่ะ แล้วเขาก็ให้เรานอนบ้านเขาด้วย (แพร : เขาบอกว่าถ้าเป็นลูกสาวเขา เขาไม่มีวันปล่อยออกมา) (วะ : เขาบอกเดี๋ยวตีตายเลยมาทำตัวแบบนี้) (แพร : ของหนูขอไม่ยากค่ะ) (วะ : ของหนูบอกหลังจากที่ติดแล้วค่ะ) เรามัดมือชกค่ะ
(หัวเราะ) ของหนูกับแพรไม่ยาก เพราะก่อนหน้านี้ ก็เคยไปทำฟาร์มที่อังกฤษมา (วะ : ของหนูก็มีไปกับเพื่อนมาบ้างแล้ว) พ่อแม่ก็เลยปลง(หัวเราะ) คือเขาก็เห็นว่าเราดูแลตัวเองได้ (แพร : อย่างแม่หนูยังบอกว่าอยากไปด้วยเลย)
คว้าอันดับ 100 จาก 200
เจนนี่ : ถ้ารวมจากทุกสาย เราได้ที่ประมาณ 100 ค่ะ จาก 200 ทีมทั่วโลก แต่ถ้าในส่วนของชาเลนท์ เราได้ที่ 60 ค่ะ ส่วนคะแนนโซเชียล คะแนนเช็คพ้อยท์ เราสู้เมืองนอกเขาไม่ได้เลยค่ะ เพราะกิจกรรมเรดบูลที่เมืองนอกเขาใหญ่มาก ของเรายังไม่ค่อยมีใครรู้จัก เพราะฉะนั้นของเมืองนอก เขาจะได้คะแนนโซเชียลกันเยอะมาก เขามีกดไลค์กดแชร์ตลอด แต่ของเราไม่ขึ้นเลย
เอกลักษณ์ไทย
เจนนี่ : พวกเราเป็นทีมเดียวที่ไม่ได้เอาถุงนอนไปค่ะ ทีมอื่นเขามีสเก็ตบอร์ด ถุงนอน เต็นท์ ( วะ : มีแต่คนถามว่าไม่มีถุงนอน แล้วจะนอนกันยังไง แล้ววะกับเจนนี่ใส่รองเท้าแตะไป เขาก็บอกยูแต่งตัวแบบนี้มาเที่ยวไม่ได้ ยูไม่เห็นสภาพอากาศเหรอ) (แพร : แต่จริงๆ เราก็คิดถูกแล้วนะคะ เพราะมีถุงนอนก็นอนไม่ได้ เพราะข้างนอกหนาวมาก ยังไงก็ต้องหาที่นอนอยู่ดีค่ะ) ตอนแรกๆ เราคิดว่าสบายมาก ไปนอนโรงแรม ขอเขานอนอีซี่ๆ (วะ : ปรากฏว่าคืนแรกเรานอนในห้องสูบบุหรี่ ที่สถานีรถไฟค่ะ) (แพร : เพราะสถานีรถไฟปิด เราก็โดนไล่ออกมา แล้วหนาวมาก ตอนแรกก็ไปหลบในลิฟต์ สุดท้ายก็ไปนอนในห้องสูบบุหรี่เล็กๆ ทีมอื่นๆ ก็ไปนอนในนั้นด้วยกันค่ะ) ( วะ : เป็นที่นอนที่เลวร้ายที่สุดของทริปแล้วค่ะ เพราะหนูนอนพิงถังขยะ ลืมไปเลยว่าถังมันเหม็น) แล้วเรา
อยู่ตรงประตู เวลาประตูเปิดที ก็สั่นกันค่ะ เพราะอากาศ -1 (แพร : ที่นอนที่สบายที่สุดคือที่โคเปนฮาเก้นค่ะ เป็นอีก 2 คืนต่อมา พยายามหาโรงแรม 5 ดาวแต่ไม่ได้ ก็เลยไปหาร้านอาหารไทยเจ้าของร้านน่ารักมากให้เรานอน) (วะ : หรืออย่างที่ประทับใจก็เป็นที่เมือง โอเดนเบิร์ก ไปถามทางผู้ชายคนหนึ่ง ว่าแถวนั้นมีโรงแรมไหม จะไปขอนอน เพราะก่อนหน้านั้นก็ไปนอนที่ล็อบบี้โรงแรมมา เขาก็ถามว่าทำไมต้องไปนอนแบบนั้น เราก็อธิบายให้เขาฟัง) เขาก็เลยบอกว่า เขามารอรับแฟน เดี๋ยวขอถามแฟนเขาก่อนว่าไปนอนที่บ้านได้ไหม แล้วเขาก็เลยพาพวกหนูไปนอนที่บ้านค่ะ ทำข้าวเย็นให้กินตื่นเช้าทำขนมปังให้ แล้วยังขับรถพาเราไปเช็คพ้อยท์อีก)
ไม่น่าเชื่อว่าทริปนี้ไม่มีน้ำตา
วะ : ไม่มีค่ะ ถ้าจะมีก็มีเอ่อๆ ด้วยความดีใจมากกว่าค่ะ ว่าเราเจอคนที่เขามีน้ำใจ ช่วยเราจริงๆโดยที่เขาเองก็ไม่ได้อะไรตอบแทน ตื้นตันมากกว่าค่ะ ไม่คิดว่าจะมีใครที่เพิ่งรู้จักกัน แล้วมาช่วยเหลือกันขนาดนี้
ปิดจ๊อบ
เจนนี่ : พวกเราเข้าอัมสเตอร์ดัม ตั้งแต่วันที่ 6 เลยค่ะ เพราะหลังๆ เราเริ่มเหนื่อยกันแล้ว(วะ : แล้วจุดอื่นๆ ต่อให้เราไปเหยียบเราไม่น่าจะได้คะแนนค่ะ) (แพร : เตะฟุตบอลเข้ารูแบบนี้ คือ
เตะตรงๆ ยังไม่ได้เลยค่ะ) แต่ละเช็คพ้อยท์จะมีคิวนาน เราก็เลยขอเซฟ ด้วยการไปถึงที่หมายก่อนเวลาดีกว่าค่ะ แล้วเส้นชัยจะเปิดแค่วันสุดท้าย ถึงเราไปก่อน เราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าอยู่ที่ไหน (วะ : เราก็เลยไปทำแอดเวเจอร์ลิสต์ให้ได้เยอะที่สุด ในเมืองที่เรารู้สึกปลอดภัยที่สุดดีกว่า คือที่อัมสเตอร์ดัม)
(แพร :เริ่มทำชาเลนท์อย่างอื่น ที่ไม่ใช่การขอตั๋ว เพราะมันเหนื่อยมากค่ะ กับการขอตั๋วเดินทางแต่ละที)
ภาษาไม่ใช่อุปสรรค
เจนนี่ : ภาษาไม่ใช่อุปสรรคเลยค่ะ แต่อุปสรรคอยู่ที่การหาตั๋วเดินทาง (วะ : บางทีเขาอยากช่วยเรา แต่เขาช่วยไม่ได้ เพราะค่าตั๋วที่นั่นใบหนึ่งแพงมากค่ะ แล้วคนที่นั่นเขาไม่พกเงินสดกัน
ซึ่งเราต้องเป็นฝ่ายพาเขาไปซื้อตั๋ว จะขอคนนั้นนิด คนนั้นหน่อย มารวมเงินกันก็ไม่ได้ เพราะเราจับเงินไม่ได้เลย)
ความประทับใจ
เจนนี่ : ตอนออกตัวทุกคนดูแข่งกันมาก แต่คืนที่อยู่ลินเชอปิง สวีเดน เป็นเมืองเล็กๆ คนก็น้อย จะมีประมาณ 10 ทีมอยู่แถวนั้น เพราะออกสตาร์ทมาด้วยกัน แต่คืนนั้น มีทีมหนึ่งซื้อตั๋วได้ครบแล้ว เขาก็มาช่วยเราหาตั๋วค่ะ คือจากเป็นคู่แข่ง กลายมาเป็นเพื่อนกัน พอเราได้ครบ เราก็ไปช่วยคนอื่นต่อ (วะ : วันนั้นอบอุ่นมากค่ะ ได้เพื่อน ได้มองหน้าทุกคนจริงๆจังๆ เพราะตอนแรกตัวใครตัวมัน แล้วในสโมร์คกิ้งรูม 10 ทีมอัดกันอยู่ในห้องเล็กๆ 30 คน สุดท้ายเราเลยช่วยกันขอตั๋วจนได้ไปครบกันทุกคน) (แพร : เพราะเหมือนที่ 1 มีที่เดียว ทุกทีมนอกจากนั้นเหมือนเป็นเพื่อนกันหมดเลยค่ะ) คือเรามี 2 พวก คือที่หนึ่ง กับที่เหลือ (หัวเราะ) ซึ่งทีมที่ได้ที่หนึ่ง คือทีมจากสวีเดนค่ะ
ความรู้สึกหลังจบทริป
แพร : อยากช่วยเหลือคนอื่นมากขึ้นค่ะ เพราะครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่เราไม่ต้องใช้เงินเลย แต่ทำไมเราอยู่ได้ ทำไมเราได้รับความช่วยเหลือ ทั้งที่เราแค่พูดกับเขาแค่เล็กน้อย แต่ทำไมทุกคนยินดี ช่วยเหลือคนที่ไม่ใช่ชาติเดียวกับเขาด้วยซ้ำ (เจนนี่ : ความรู้สึกที่เขามาช่วยเราให้ได้มีข้าวมีน้ำกิน ทั้งที่เขาไม่ได้อะไรเลย มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก จนเราคิดว่าถ้าเราได้ทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ แต่ทำให้คนอื่นมีความสุข เราก็ควรจะทำ) (วะ : พอเราไปอยู่ตรงนั้น เราถูกตัดขาดทุกอย่าง โซเชียบก็เล่นไม่ได้ ทำให้เรารู้ว่าจริงๆ มีอะไรหลายอย่างที่ทำให้เราสนุก มีความสุขในชีวิต จากที่ปกติเรานั่งอยู่แต่กับแค่หน้าโทรศัพท์ เรามัวแต่สนใจหน้า feed แคร์ว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเรา แต่พอเราได้ออกไปใช้ชีวิต เราได้เห็นว่าโลกมีอะไรน่าสนใจมากกว่านี้ ทำให้เรามีความสุขกับชีวิตเรามากขึ้นค่ะ)
ฝากถึงคนไทยรุ่นใหม่
วะ : อยากให้กล้าเปิดรับโอกาสที่เข้ามาค่ะ เพราะบางทีหลายๆ คนมีโอกาส แต่เขาไม่กล้าเอาตัวเองออกจาก comfort zone (พื้นที่ปลอดภัย) เราก็จะอยู่แต่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ เป็นเราคนเดิม แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรากล้าพาตัวเองออกมา เราจะได้เจออะไรใหม่ๆ ได้เรียนรู้โลก ทำให้เรามองอะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป ชีวิตเราก็จะสนุกขึ้น ( เจนนี่ : คนไทยจะค่อนข้างแคร์เรื่อง
ภาพลักษณ์ เรื่องโซเชียล แต่พอ 7 วันที่เราไม่มีสิ่งเหล่านั้น เราอยู่กัน 3 คน เราก็มีอะไรให้ได้ทำ ได้คุยกันตลอด ได้ใช้โมเม้นต์ด้วยกัน ทำให้เรามีความสุขกับสิ่งง่ายๆ รอบตัวค่ะ อยากให้เด็กไทยหันมาสนใจคนรอบข้าง และมีความสมดุล ระหว่างการใช้ชีวิต กับโซเชียลมีเดียค่ะ ไม่ใช่แค่สนใจ แต่ต้องลงมือทำ) (แพร : อย่างแรกคืออยากให้รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น โดยที่ไม่ต้องมีผลตอบแทนค่ะ อันที่สองคืออยู่กับปัจจุบัน เป็นตัวของตัวเอง เพราะอยู่ที่นั่นเราไม่ได้แคร์ว่าคนนั้นเป็นใครมาจากไหน บางคนเขาดูเป็นนักเลงมาก แต่เขากลับออกเงินซื้อตั๋วให้เรา ทำให้เราได้รู้จักกับตัวตนเขาจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่เราเห็นจาก profile IG หรือ facebook)
ลบคำสบประมาท “บ้านมีฐานะ” ถึงทำได้
วะ : แคมเปญนี้ เป็นการท่องเที่ยวที่ไม่ใช้เงินเลย ต่อให้เรามีเงินมากแค่ไหน ก็ไม่ได้เป็นตัววัดเลยว่าเราจะไปอยู่ได้จริง บางทีบางคนก็สบประมาท คิดว่าเราคงทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ด้วยความที่เขามองเราเป็นคุณหนู จับดินยังไม่ได้เลย แต่ว่าสิ่งที่เราเอาไปใช้ ไม่ใช่แค่ว่าเราจะรวยหรือไม่รวยแต่ต้องดูตั้งแต่เริ่มเลย ว่าเรากล้า/ไม่กล้ามากกว่า และก็ไม่ได้แปลว่าการที่เราเคยไปมาหลายประเทศ เราจะไม่ต้องทำการบ้าน เรายิ่งต้องการบ้านหนักมากๆ เพื่อหาว่าการที่เราจะไปแต่ละจุดได้ต้องทำยังไงบ้าง
เจนนี่ : การที่เคยได้ไปเที่ยวมาเยอะ ก็เป็นด้านหนึ่ง อาจจะคุ้นชินบ้าง แต่ถ้าไม่เคยไปก็จะมองในมุมกลับกันว่าการที่เราไม่เคยไป อาจจะทำให้เรากล้า มากกว่าคนที่เคยไปก็ได้ มันอยู่ที่การมองมากกว่า คือเงินก็มีผลแหละกับการไปเที่ยว แต่กับการทำกิจกรรมแบบนี้ มันไม่จำเป็นค่ะ แล้วอีกอย่างการไปเที่ยวบางที เราไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะ อย่างหนูเคยไปยุโรปทริปหนึ่ง หนูก็เก็บเงินเอง อย่างบางคนเขามีความสุขกับการซื้อเสื้อผ้า ช็อปปิ้ง สำหรับหนูก็คือการได้ท่องเที่ยวค่ะ
แพร : สุดท้ายแล้วเรื่องเงินไม่มีผลอะไรเลยค่ะ เพราะที่เราไปกันเราไม่ได้ใช้เงิน แล้วสิ่งที่เราได้กลับมา เราก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องเงินเลย เพราะรางวัลก็ไม่มี แต่สิ่งที่เราได้คือการอยู่กับปัจจุบัน มีความสุข และก็การให้ คือ 3 อย่างนี้สร้างที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องเคยไปเที่ยวมาก่อนค่ะ
วะ : บางคนถามว่าไปทำไม ยังไงก็รู้อยู่แล้วว่าคงไม่ได้ที่ 1 สู้คนอื่นไม่ได้ เอาตัวเองไปลำบากทำไม 7 วัน ทำไมไม่ไปกับพ่อแม่ดีๆ สบายๆ แต่เรามองว่าสิ่งที่เราได้กลับมามันไม่เหมือนกัน ประสบการณ์หรือความรู้สึกเวลาไปเหยียบในที่หนึ่งที่ของแต่ละคน ไม่มีทางเหมือนกันค่ะ
เจนนี่ : ประโยคหนึ่งที่ตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด คือ บางประสบการณ์ เงินซื้อไม่ได้ค่ะ
และนี่คือความในใจของ 3 สาวเจนใหม่ตัวแทนประเทศไทย ผู้กล้าเดินหน้าลุย และคว้าประสบการณ์ชีวิต ในสิ่งที่เงินไม่อาจซื้อได้ และพวกเธอหวังว่าภารกิจนี้ จะทำให้เด็กไทย มีความกล้าเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ได้เหมือนอย่างพวกเธอ!!
กัลลัตตา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี