วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / บันเทิง
Star Retro : ค้นตัวตนคนทีวี  ‘แหม่ม-พิไลวรรณ บุญล้น’

Star Retro : ค้นตัวตนคนทีวี ‘แหม่ม-พิไลวรรณ บุญล้น’

วันอาทิตย์ ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.
Tag : Star Retro
  •  

ถ้าเอ่ยถึงบุคคลสำคัญ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของรายการโทรทัศน์ไทย ชื่อของ “แหม่ม-พิไลวรรณ บุญล้น” ย่อมถูกพูดถึงในลำดับต้นๆ กับประสบการณ์ที่เปรียบดั่งข้อพิสูจน์กว่า 40 ปีในการโลดแล่น “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” จึงไม่พลาด คว้าโอกาส ค้นอีกหนึ่งชีวิตหญิงเก่งแห่งวงการบันเทิงไทย

หน้าที่รับผิดชอบในปัจจุบัน


เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ “บริษัทมีเดียสตูดิโอจำกัด” ค่ะ ในสายงานรายการและละคร แต่ในช่วงนี้เน้นหนักไปที่รายการทีวี “ดวลเพลงดัง” กับ “เมนูเมียสั่ง” แล้วจะมีรายการใหม่เรื่อยๆ รวมทั้งงานอีเวนท์ต่างๆ ผันแปรตัวเองไปเน้นหนักตามจุดต่างๆ ที่ได้ถูกมอบหมาย มาอยู่ที่นี่ประมาณ 2 ปีค่ะ จะบอกว่าเป็นการทำงานที่ใหม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยก็ไม่ได้ เพราะถ้าจะบอกว่าเราเกิดจากที่ไหนก็คือช่อง 7

ย้อนวันวานจุดเริ่มต้นด้านทีวี

ก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันแต่คือตั้งแต่เด็กๆ เวลาดูอะไรก็ตามที่เป็นหนังก็จะชอบดูว่าทำไมภาพมันเป็นอย่างนั้น และชอบฟังเพลงมาก ตอนสอบจะท่องหนังสือด้วยการเอาคำตอบมาแต่งไปในทำนองเพลงแล้วก็ร้อง เป็นคนที่ชอบฟังเพลงท่องหนังสือไปก็เปิดเพลงฟังไปด้วย และอีกอย่างที่ช่วยจำในการอ่านหนังสือก็คือทำเหมือนเกมโชว์เขียนคำถามไว้แล้วให้เราเล่นเองตอบเอง ชอบวาดการ์ตูนด้วยก็ทำเป็นเรื่องขึ้นมา และเพื่อนก็ชอบให้เราแต่งกาพย์กลอนส่งครูเกินครึ่งห้องแหม่มเป็นคนเขียนให้เพื่อน (หัวเราะ) โตมาแบบนี้ชอบสนใจสิ่งเหล่าค่ะ เพียงแต่ว่าคนยุคก่อนถ้าเราเรียนศิลป์ก็ต้องเอนฯให้ติดอักษรศาสตร์ จุฬาฯเป้าหมายมันเลยกลายเป็นว่าเราต้องเอนฯติดในจุดที่พ่อแม่หรือสังคมเขาต้องการ แหม่มชอบวิทยาศาสตร์มากท็อปวิทยาศาสตร์ด้วย แต่ปรากฏว่าเราไม่ชอบเลขเพราะมีเหตุการณ์ครูไม่ยุติธรรม ก็เลยเลือกเรียนศิลป์ ก็ต้องเบนเข็มมาเรียนอักษรเอกอังกฤษ โทศิลปะการละคร เด็กสมัยก่อนแค่เล่นดนตรีพ่อก็ดุแล้ว ชอบเล่นดนตรีมีกีตาร์ก็แอบเล่นไม่ให้พ่อเห็นเพราะว่าพ่อเป็นทหาร สิ่งเหล่านี้มันอยู่ในตัวเรามาตลอดแต่เมื่อเราไปเรียนหนังสือเราก็ต้องเรียนไปตามเกมของโลกนี้

ช่วงเวลาพิสูจน์ตัวเอง

เคยอยากได้สตางค์ไปเที่ยวกับเพื่อน (หัวเราะ) เลยไปเต้นระบำแขกแต่งหญิง พ่อยังไปจับได้เลยขนาดว่าเราอยู่แถวหลังสุด พ่อก็เริ่มรู้เรื่อยๆ ท่านก็เป็นห่วงว่าไม่ให้มาอยู่ในสายนี้จะต้องไปเรียนเพื่อเป็นทหารอากาศเหมือนพ่อ เราก็ต้องอดทนกว่าจะฝ่าฟันแล้วก็พิสูจน์ให้พ่อเห็น โดยการที่เราขออนุญาตไปอยู่ที่อื่นแล้วสู้ด้วยตัวเอง พ่อส่งแต่ค่าเล่าเรียน ค่ากินอยู่เราก็ต้องหางานทำ พอดีว่าเราเรียนโทศิลปะการละคร ซึ่งเราได้เรียนกับ “ครูแอ๋ว-อรชุมา” เป็นละครเด็กเราก็ได้จิตวิญญาณความเป็นธรรมชาติซึ่งมันดีกับการทำงานมาก และได้ไปแสดงละครหุ่นเป็นตัวละครประจำในรายการหุ่นหรรษาช่อง 9 เล่นเองพากย์เองกับพี่ๆ ได้ค่าแต่งเพลง30 บาททุกอาทิตย์ด้วยนะ ค่าเชิดหุ่นประมาณร้อยกว่าบาท บางทีครูก็เลี้ยงข้าวมีความสุขใช้ชีวิตด้วยตัวเองมาแบบนี้ แล้วโชคดีที่ว่าเอกอังกฤษมันมีวิชาวรรณคดีอังกฤษ เราก็ได้บทละครของเชกสเปียร์ซึ่งครูที่แท้จริงของเราก็คือเช็กซ์เปีย เลยเอาบทละครของเชกสเปียร์มาเป็นต้นแบบว่าเราจะเขียนบทอย่างไร ตอนเรียนได้เล่นละครเป็นพระเอกแต่เป็นหมาป่านะชื่อไอ้เบิ้มไปโรงเรียนก็ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองร้องไห้กันอันนี้เป็นความภูมิใจ แต่แหม่มไม่สามารถเล่นละครเวทีปกติได้ เพราะเคยนุ่งกระโปรงออกมาแล้วเพื่อนหัวเราะกัทั้งห้อง เราก็ถอยเลยตรงนั้นมันเหมือนปมไม่เอาแล้วเล่นเป็นอะไรที่มันแฟนตาซีดีกว่า ตั้งแต่สมัยอยู่อักษรก็เป็นสเตจ ที่ธรรมศาสตร์ก็มีเพื่อนอยู่เยอะ “ท่านอาจารย์มัทนี รัตนิน” ท่านทำละครเวทีเรื่องบุษบาริมทาง เราก็เป็นแบ๊กสเตจคนเดียวที่เป็นเด็กจุฬาฯ เราก็จะได้ความรู้วิชาการเยอะมาก มันเลยสะสมไว้ในตัว แต่รู้ตัวว่าจบมาก็คงจะไปทำงานที่ควรทำแบบหญิงสมัยก่อน (ยิ้ม)

กว่าจะพบตัวตนที่ใช่

เปิดหนังสือพิมพ์หางานทำคนอักษรทำได้ทุกอย่าง ก็ได้ทำทัวร์ค่ะ (หัวเราะ) ชื่อบริษัทมงกุฎ ทราเวล ได้วิชาทำทัวร์กับไกด์พาคนไปเที่ยว เสิร์ฟน้ำในรถทัวร์ ทำไปสักปีนึงก็เริ่มคิดว่ามันไม่ใช่เรา พอดีว่ามีบริษัททำหนังสือสำหรับแจกนักท่องเที่ยวเราก็ไปสมัครเป็นเซลล์เดินขายโฆษณา ไปเคาะตามร้านต่างๆ ซึ่งมันก็จะยากตรงที่ต้องนุ่งกระโปรงและใส่ส้นสูงแต่งหน้า ขัดแย้ง
กับเรามากแต่เราก็ทำเพราะว่าเราต้องเด็ดเดี่ยวใช้ชีวิตให้พ่อเห็นว่าหนูทำได้ และเราก็ผ่านโปรด้วย ทำสักพักรองเท้าส้นสูงก็ขาดเงินเดือนก็น้อยมากเลยมานั่งคิดว่ามันใช่เราหรือเปล่า ตอนนั้นทำกับเพื่อนค่ะซึ่งเพื่อนคนนั้นก็คือ “ผุสชา โทณะวณิก” อีกคนก็คือ “เวนิกา วิล” เขาก็บอกว่าจะเปิดบริษัททัวร์เลยชวนเรามาทำตั้งบริษัททัวร์ขึ้นมามี 3 คน เราได้ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายท่องเที่ยว ทำอยู่สักพักพี่ตุ้มก็ถูกเชิญให้ไปร้องเพลงที่เจเอสแอล พี่ตุ้มเป็นนักร้องวงวาทินีเขาก็เลยชวนเราไปเป็นเพื่อนที่ช่อง 5 แล้ว “พี่ต้น-ลาวัลย์” กับ “พี่หน่อย-จำนรรค์” ก็ถามหาคนเขียนบทเราเลยลองส่งงานไปเขาก็ชอบมาก เลยเรียกเข้าไปคุยแต่เราก็เกรงใจเพื่อนเพราะว่าเราเปิดบริษัทด้วยกัน เลยทำเป็นฟรีแลนซ์เขียนบทส่ง ได้เขียนบทรายการพลิกล็อก, น้ำแข็งใส่น้ำหวาน เป็นรายการที่ดังมากเราก็ชอบมากด้วย ทางเจเอสแอลก็อยากให้เราไปอยู่ด้วย แล้วเสียงเรียกร้องของหัวใจเรารุนแรงเพราะมันคือตัวเรา แต่ก็เกรงใจเพื่อนนะสุดท้ายก็ต้องไปบอกเขา แต่ว่าตรงนั้นก็ให้ประโยชน์เราสูงมากในแง่ของประสบการณ์ เพราะสิ่งที่เราได้เห็นในการไปทัวร์ไปเที่ยวเราได้สังเกตคนว่าลักษณะของคนเป็นยังไง เราได้โลเกชั่นเยอะมากเวลาที่เราเขียนงานเราจะมีอยู่ในหัว

ก้าวสู่งานเบื้องหลังเต็มตัว

เข้าไปที่เจเอสแอลเขาก็ให้กำกับเลยค่ะ รายการแรกที่กำกับคือน้ำแข็งใส่น้ำหวาน ต่อมาก็สุริยาตาหวาน ซึ่งสิ่งนี้มันก็เป็นบทเรียนได้นะว่าการที่เราจบใหม่ๆไฟเราแรง แล้วเรารู้สึกว่าต้อง educate คนดูให้เขาทำอย่างที่เราต้องการแต่จริงๆ มันไกลตัวไป ดังนั้นรายการมันเลยประสบความสำเร็จไม่มาก แต่สิ่งที่ดีคือ “ครูเล็ก-ภัทราวดี” ที่เป็นพิธีกรรายการ และ “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์” อยู่กับรายการนี้รายการแรก รวมทั้ง “พี่เบิร์ด-ธงชัย” “พี่ปุ๊-อัญชลี” พอรายการไม่น่าจะรอดก็ไปทำรายการชื่อนกเค้าแมวเป็นรายการเพลงทางช่อง 5 แล้วบังเอิญว่าช่อง 7 เขาบอกว่าอยากได้รายการซึ่งเป็นรายการที่โดนเพลงชาติผ่าตรงกลางพอดี เราก็มานั่งนึกว่ารายการมหรสพคนไทยชอบนะ เลยคิดรายการวิก 07 ขึ้นมา ที่เป็นเวทีชาวบ้าน เป็นละครเวทีผสมละครทีวีตลกสนุกสนานเอาคนดูมานั่งดูในห้องที่เราอัดก็เขียนบทกำกับควบคุมการผลิตและตัดต่อด้วย แต่ไม่ได้ทำคนเดียวเรามีทีมซึ่งเป็นทีมที่น่ารักทุกคนเก่งและเป็นทีมเวิร์กที่ดีมาก วิก 07 ก็อยู่มา 7 ปี เรตติ้งขึ้นที่ 1 ยี่สิบกว่า ระหว่างที่ทำวิก 07 ช่อง 7 ก็อยากให้ไปปลุกรายการตอน 4 ทุ่ม เพราะว่าเมื่อก่อนคนนอนเร็วเราก็คิดถึงชีวิตจริงคือเราอยู่กับครอบครัวที่อบอุ่นพ่อแม่ลูกนั่งจิบน้ำชามีข้าวตู (หัวเราะ) แล้วพ่อแม่ก็จะชอบเล่าเรื่องในอดีตให้เราฟังเราก็จะประทับใจ เลยหยิบตรงนี้มาว่าจะมีใครที่เป็นพระจันทร์ซึ่งเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่อยู่บนฟ้าที่มีความทรงจำเต็มไปหมดแล้วมาเล่าถ่ายทอดเรื่องราวในรายการ “จันทร์กะพริบ” ทำ 2 รายการนี้คู่กันไป 7 วันเต็มได้นอนวันอาทิตย์บ่ายๆ แต่มันเป็นความสุขมากกับทุกอย่างในช่วงเวลา 7 ปี แล้วก็ออกจากเจเอสแอล

อีกหนึ่งความสามารถ

ระหว่างที่ทำงานอยู่เจเอลแอลปี 2526 ต้องย้อนไปว่าแหม่มแต่งเพลงชื่อว่าฝันฝันหวาน “พี่ตุ้ม-ผุสชา” ร้องดังมากขึ้นอันดับ 1 ของประเทศ แกรมมี่ก็เลยชวนแหม่มให้ไปแต่งเพลง เราก็เกรงใจเจเอสแอลคือก็แต่งให้ได้แต่ว่าไม่ต้องออกจากเจเอสแอล แล้วเราก็บอกเจเอสแอลด้วยความที่มันคนละธุรกิจกันเขาก็ไม่ว่าก็เลยจะมีเพลงที่แต่งออกมาอีกเพลง ลืมไม่ลง ของ“พี่แหวน-ฐิติมา” กลับมาสักครั้ง “พี่เอ๋-นรินทร”ก็ขึ้นที่ 1 ทั้งสองเพลง แต่งเพลงแค่นี้แหละคือเก็บเพลงเอาไว้แต่งเมื่ออยากแต่ง หรือแต่งให้คนที่เราอยากแต่งให้ แล้วก็ไปแต่งเพลงละครด้วย

จุดเปลี่ยนของชีวิต

ลองไปที่แกรมมี่ดูเพราะเห็นว่ามีพี่ๆที่มากความสามารถ และเราเป็นคนที่ชอบเรียนรู้ เขาก็เปิดบริษัทให้เราชื่อว่า “แมสมอนิเตอร์”รายการแรกที่สร้างคือเกมโซน และได้รางวัลเอเชี่ยน เทเลวิชั่น อะวอร์ดสและรางวัลในประเทศไทยด้วย ก็นับว่าเป็นความสำเร็จของรายการทีวีไทย แล้วก็ทำรายการเกมพิศวงก็ได้ที่ 1ทำเมื่อก่อนได้ที่ 1 ตลอดมันก็เลยติดเป็นมาตรฐานในยุคนั้นนะคะ อยู่แกรมมี่ก็มีความสุขดีแต่ว่าวันหนึ่งก็เปลี่ยนมาทำเอง แต่ก็มีคนโทร.มาชวนให้ไปทำเยอะมากเรารู้สึกว่าเราอยากทำเองก็เลยมาตั้งบริษัทเล็กๆ ขึ้นมาเองมีลูกน้อง 4-5 คน มีความสุขมากรับงานเป็นจ๊อบแต่พี่ต้นกับพี่หน่อยก็โทร.มาอีก(หัวเราะ) บอกว่ามาเปิดบริษัทกับพี่แล้วกันอยู่ในเครือเจเอสแอล อันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยกลับมาอยู่กับเจเอสแอลแต่เป็นบริษัทในเครือเป็นกรรมการผู้จัดการของไทเกอร์แท็กทีม ทำละครเรื่อง “ไฟอมตะ” ไม่ได้ตั้งใจจะกำกับเองเลยแต่ก็ต้องมาทำจนเสร็จ

เมื่อมาถึงจุดอิ่มตัว

เราเห็นอะไรหลายอย่างในวงการ ก็มาทบทวนว่าเรารู้สึกพอ เพราะเราร่อนเร่พเนจรมาเยอะไม่เอาแล้วเกิดติสท์ขึ้นมา (ยิ้ม) ชีวิตที่มีคนรู้จักมันวุ่นวายเหลือเกินก็เลยตัดสินใจเดินออกไปเลยหยุดทุกอย่างไปทำโรงเรียนสอนการแสดงเล็กๆ ไปเป็นป่อเต็กตึ๊ง และไปเรียนโทพุทธศาสตร์แต่ยังไม่จบค่ะเพราะว่าถูกเรียกให้กลับเข้ามาในวงการเสียก่อน หยุดไปประมาณ 4 ปี (ทนได้อย่างไร?) ไม่ต้องทนเลยค่ะมีความสุขมากการที่เราเป็นป่อเต็กตึ๊งเราได้เห็นชีวิตจริงของมนุษย์ เรียนโทพุทธศาสตร์มันสอดคล้องกันเหลือเกินชีวิตและความตายนี่คือสัจธรรม

การตัดสินใจครั้งสำคัญ

ตัดสินใจบวชที่พุทธคยา อินเดีย โกนผมเลยบวชกับ “ท่านแม่ชีศันสนีย์” บวชไม่นานค่ะแต่ว่าอยู่ในเสถียรธรรมสถานน่ะนาน แล้วก็ทำงานพุทธกิจควบคู่กันไปกับป่อเต็กตึ๊ง ทำงานบริษัทของตัวเองมีโรงเรียนและทำละครเล็กน้อยเช่นบันทึกกรรมของช่อง 3 พอน้ำท่วมใหญ่เราก็ไปกับป่อเต็กตึ๊งไปช่วยคน เลยเห็นสัจธรรมว่าบนทางด่วนนั้นมีรถหรูจอดอยู่หลายคันมากแล้วทุกคนก็นอนอยู่ในรถรอข้าวกล่องจากเรา เข้าไปตามหมู่บ้านรวยๆ อยู่กันบนชั้น 2 ไม่มีข้าวกิน เราก็ขับเรือเอาข้าวไปให้ ได้เห็นไก่กินไก่ คือเรือเราแล่นเข้าไปลึกเลยนะแจกข้าวเสร็จแล้วในเรือมีไก่ย่างเราก็แบ่งกันกิน อยู่ๆ มีไก่บินมาจากไหนก็ไม่รู้มาจิกไก่ในมือเราไปกับตามันกินไก่เราให้มันเลยนะ แต่เราก็รู้สึกว่าพอถึงวันหนึ่งมันคือไม่มีหมดเลยนะ ทุกคนคือแค่นี้ก็เลยจะแข็งแรงขึ้นมาทันทีเลยว่าไม่มีอะไรที่แน่นอนเลยในชีวิตจนตัดสินใจว่าจะบวชไม่สึกตอนนั้นมันเป็นปีติสุขที่สุดคือกัลยาณมิตรที่สวยงามมากบอกพ่อกับแม่ว่าไม่ต้องห่วงแหม่มนะ แต่มีเสียงโทรศัพท์ดังมาเป็นเสียงคุณลาวัลย์ (หัวเราะ) พี่ต้นบอกว่ามีรายการใหม่อยากให้ไปช่วยทำ พอพี่ต้นเราก็ต้องไปช่วยก่อน เพราะว่าพี่ต้นพี่หน่อยเป็นผู้มีพระคุณกับเรามาก เป็นคนแรกที่ให้โอกาสเราสร้างสรรค์งานในวงการบันเทิง เลยไปทำเป็นฟรีแลนซ์รายการปลุกฝันของกสิกรก็ประสบความสำเร็จอยู่ไป 2 ปี และได้ไปช่วยดูงานละครอยู่พักนึง

ภายใต้ชายคา “มีเดีย สตูดิโอ”

พอดีที่มีเดียมีเป้าหมายที่คุยแล้วรู้สึกดีคือเรามีประสบการณ์ประสบการณ์ของเราจะมีส่วนช่วยสร้างทีมให้แข็งแรง งานแหม่มที่นี่คือมาอยู่เพื่อสร้างสรรค์และสร้างทีมผลิตที่มีความเข้าใจว่าเราผลิตงานเพื่ออะไรโลกทุกวันนี้เป็นพาณิชย์ศิลป์ เราจะผลิตอย่างไรพอดีเป็นคนชอบสร้าง ก็พอใจที่จะอยู่ เรามาอยู่ที่นี่เราก็รักที่นี่รักเด็กๆ รักเพื่อนร่วมงานและมีความสุขดีในการอยู่ตรงนี้ แต่ก็ต้องมีวันที่เราจะต้องไป เพราะว่ามันเป็นระบบมันก็ต้องมีเกษียณแต่ก็ไม่เป็นไรเพราะว่าภูมิคุ้มกันเราหนามาก (ยิ้ม)

วิธีการคิดงานในยุคนี้กับอดีต

คิดต่างกันเพราะว่าเป้าหมายมันต่างกัน คนรุ่นแหม่มในสมัยนู้นเราเข้ามาสร้างสิ่งใหม่แต่ก็เคารพสิ่งเก่าเคารพครู ก่อนหน้าเราเรียกครูหมดเลยไม่ว่าจะเป็นดาราอาวุโสหรือใคร หน้าตารายการทีวีเปลี่ยนไปจริงแต่เราจะทำรายการที่อย่างน้อยเราได้สตางค์และเราก็ได้ทำอุดมการณ์ของเรามีความฝันที่จะสร้างงานออกมาให้มีคุณค่าและเคารพคนรุ่นเก่าด้วย มาถึงช่วงหนึ่งที่เราสัมผัสได้รูปแบบก็เปลี่ยนไปทีวีก็เปลี่ยนไปเพราะเรามีหน้าจอเยอะ ทุกสิ่งทุกอย่างคุณได้เห็นหมดดีร้าย แต่เมื่อก่อนเขาไม่ให้เห็นร้ายมาก กบว.จะสกรีนสิ่งไม่ดีออกไปจากทีวีดังนั้นทีวีก็จะสะอาด แต่สมัยนี้เราก็ต้องปรับตัวด้วยว่าจะทำอะไรดีที่คนจะรับเพราะว่ามันเป็นอาชีพ ดังนั้นเราต้องแบ่งอาชีพกับความรักและอุดมการณ์ทำทุกอย่างให้เป็นพาณิชย์ศิลป์หาความลงตัวให้มากที่สุด เพื่อให้ดำเนินต่อกันไปได้ ก็ใช้วิชาที่เราเรียนมาได้มากก็คือ การอยู่กับปัจจุบันขณะ

ชีวิตและลมหายใจ

มันมีความจำเป็นที่ต้องทำได้ทุกหน้าที่ เพราะคนสมัยเก่าบริษัทนึงคนหนึ่งคนเขาทำหลายอย่าง เลือกไม่ได้เลยว่าชอบทำอะไรมากกว่ากันเพราะว่ามันเป็นชีวิตที่รวมกันเป็นมวลสารเดียว เราอยู่เบื้องหลังวงการทีวีมาตั้งแต่ปี 2526 แต่ตอนที่เรียนปี 3 ก็เริ่มเข้ามาแล้วนะ เกือบ 40 ปีแล้วค่ะ มันคือชีวิตไปแล้วล่ะ มันคือลมหายใจที่เห็นอะไรเราก็จะมองออกมองขาด สมมติว่าเขามาเสนองานเราก็จะเห็นเลยว่าจะออกมาเป็นยังไงเห็นตอนจบด้วย แต่เราจะไม่ไปยุ่งนะ

ผลงานที่ภาคภูมิใจ

วิก 07 เป็นรายการปกิณกะบันเทิงที่ได้หลายรางวัล เป็นความรักเพราะว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของเราได้ทำละครเวทีกับทีวีผสมกันและก็ได้ใช้ครีเอทีฟสุดติ่งเลย ทีมงานก็น่ารักมาก จันทร์กะพริบเป็นรายการที่มีคุณค่าได้ทำอะไรให้กับสังคมคนที่มีคุณค่าที่เป็นครูทั้งหลาย เกมโซนก็เป็นรายการที่ภูมิใจที่สามารถพารายการไทยไปได้รางวัลเอเชี่ยน เทเลวิชั่น อะวอร์ดสเกมพิศวง ก็ชอบซึ่งรายการนี้จะให้น้องเป็นโปรดิวเซอร์แต่คือเหมือนลูกโตทีมเราปล่อยออกไปแล้วเขาก็ทำออกมา เราภูมิใจในพวกเขา และงานที่รู้สึกว่าลืมไม่ลงรู้สึกดีมากก็คือการได้เป็นกรรมการตัดสินเอเชี่ยน เทเลวิชั่นอะวอร์ดส 4 ปีที่ต่างประเทศ รวมทั้งแหม่มได้ทำละครเวทีเรื่อง “ศึกรักประกาศิต” และ “โรสิตา” อันนี้ก็ยังอยู่ในใจแล้ววันนึงแหม่มก็จะกลับมาทำละครมิวสิเคิลให้ได้อีก

โปรเจกท์ในใจที่อยากจะทำ

อยากทำละครทีวีอีกเรื่องนึงมากๆ แต่ยังบอกไม่ได้ (ยิ้ม) ชีวิตนี้ถ้าไม่ตายเร็วจะทำให้ได้ เพราะว่าเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ฝากไว้และเป็นเรื่องที่มีความผูกพันกับใจอย่างแรงมาก หรือจะทำเรื่องนี้เป็นละครเวทีแหม่มก็พอใจแล้ว กับอีกเรื่องคือละครเวทีมิวสิเคิลที่อยู่ในใจของแหม่มอยู่เหมือนกัน ก็ฝันว่าคงจะมีสักวันได้ทำสิ่งที่อยากทำนี้

ความในใจถึงผู้ชม

แหม่มไม่เคยคิดเลยว่าเราทำงานอยู่ข้างหลังแล้วจะมีคนรู้จัก แล้วก็ไม่เคยคิดที่จะตะเกียกตะกายมาอยู่ข้างหน้า การที่บางครั้งออกมาอยู่ข้างหน้าก็ต้องกราบขอบพระคุณที่ให้เกียรติแหม่ม มีหลายครั้งที่ประทับใจ อย่างตอนไปที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองกำลังไหว้อยู่แล้วมีคนมาทักคุณพิไลวรรณใช่ไหมตามงานมาตลอดเลย โห!กราบขอบคุณเขาเลย และเมื่อเร็วๆ นี้นั่ง Grab Taxi เขามองกระจกตลอดเลยนะและเขาก็พูดว่าพี่ต้องทำรายการทีวีผมรู้จักพี่ผมเคยเห็น แหม่มถือว่าใครที่จำแหม่มได้คือการให้เกียรติให้คุณค่ากับคนเบื้องหลัง ซึ่งเราก็ไม่คิดที่จะไปโดดเด่นอยู่เบื้องหน้าหรือไม่คิดที่จะไปจ้างใครเพื่อมาทำข่าวตัวเองหรอก ผลงานเป็นเรื่องสำคัญ แต่ผลงานก็ไม่เท่ากับโอกาส เราจะมีผลงานดีอย่างไรถ้าไม่มีคนให้โอกาสเราได้แสดงผลงานนั้น แหม่มขอขอบพระคุณทุกคนที่ให้โอกาสแหม่มด้วยค่ะไม่ว่าจะเป็นโอกาสอะไรในชีวิต รวมทั้งท่านผู้ชมที่ให้เรตติ้งยี่สิบกว่าในอดีต ขอบพระคุณท่านผู้ชมคนดูที่รู้จักคนเบื้องหลังคนนึงขอบพระคุณมากๆ ค่ะ

และนี่ก็คือ “แหม่ม-พิไลวรรณ บุญล้น”คนเบื้องหลังรายการทีวีที่หลายคนคุ้นเคย หญิงเก่งที่ทุ่มเทด้วยจิตวิญญาณสร้างงานคุณภาพเพื่อผู้ชม

กุหลาบสีเงิน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'ช่อง3'ร่วมมือ 'สภากาชาดไทย'เดินหน้ารณรงค์ให้คนไทยบริจาคโลหิต

'ไก่ วรายุฑ'ขอ'ตั้น พิเชษฐไชย'ออกอากาศ เราแต่งงานกันเถอะ!พร้อมเผยเหตุผลขายคฤหาสน์150ล้านไม่ได้

‘ทภ.2’ขอความร่วมมืองดเผยแพร่ภาพ-วิดีโอปฏิบัติการทางทหาร

‘อิ๊งค์’ยินดีฟังความเห็น‘ทักษิณ’ ประกาศ‘สงครามว้า’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved