ครั้งแรกของ 3 นักแสดงชายระดับแถวหน้าของเมืองไทย ที่ต้องมาปะทะกันใน “ขุนพันธ์2” อภิมหาภาพยนตร์แอ๊กชั่นเหนือจินตนาการนำโดย อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม  กลับมาในลุค “ขุนพันธ์” และ “เสือบุตร์” 1 ใน 3 เสือภาคกลาง ที่มาพร้อมกับเคราทั้งเท่และดุดัน แฟนๆจะได้เห็นความ คงกระพันหนังเหนียว วิชาอำพรางบังตัว รวมไปถึงการเปิดอาวุธประจำตัวไฮไลท์ของขุนพันธ์ในภาคนี้ อย่าง ดาบแดง ที่ได้รับสืบทอดจากหลวงกล้าอาจณรงค์ที่ว่ากันว่าเป็นดาบในตำนานของพระยาพิชัย,ผู้พันเบิร์ด-วันชนะ สวัสดี กับบทเสือฝ้าย คือการพลิกบทบาทครั้งสำคัญในชีวิต หัวหน้าแก๊งเชิ้ตดำ ผู้ปกครองชุมเสือนับร้อยชีวิต ครอบครองแผ่อิทธิพลทั่วภาคกลาง โดยเฉพาะสุพรรณบุรีมากด้วยพละกำลังมหาศาล ด้วยฤทธานุภาพจากรอยสักช้างเอราวัณ พร้อมคาถานะจังงัง สยบทุกสิ่งให้หยุดนิ่ง และ เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ กับบท เสือใบ ที่เตรียมตัวกับบทนี้มาตลอด 5 ปี ฝึกควงปืนเรียนยูโด การต่อสู้เรียนขี่ม้า เปลี่ยนวิธีการเดิน โจรหนุ่มรูปหล่อ มากเสน่ห์ แพรวพราว พลิ้วไหว  เป่าอริศัตรูด้วยปืนคู่คาถากระสุนคตพร้อมปืนกระบอกพิเศษ แม่น ฉับไว สังหารทุกผู้คนที่สามารถมองเห็นปกป้องคุ้มภัยด้วยตะกรุดแคล้วคลาด คือตัวละครเสือที่มีสีสันที่สุดที่ขุนพันธ์เองยังยากที่จะทัดทาน เมื่อใดที่รวมตัวกับเสือฝ้าย และเสือบุตร์ แน่นอนว่าพื้นที่ใดๆก็หาใครสยบลงได้ หนังมีคิวเข้าฉาย9 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

อนันดา เผยว่า “เหตุการณ์ใน ขุนพันธ์ 2 เผยถึงช่วงเวลาที่กฎหมายค่อนข้างอ่อนแอมาก ท่านขุนเองก็เริ่มรู้สึกหมดศรัทธาในกฎหมาย เจอตำรวจหักหลัง โดนให้พักราชการ ในภาคนี้เราก็เลยจะได้เห็นท่านขุนเข้าไปอยู่ในกลุ่มของพวกจอมโจรเชิ้ตดำ จะได้เห็นขุนพันธ์ถือคำสัตย์ปฏิญาณกับพวกโจรซึ่งนำโดย เสือฝ้าย เสือใบ ชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องการจับตัวมากที่สุด ทางเสือใบกับเสือฝ้ายเนี่ยนอกจากจะเก่งแล้วยังมีของดีมีอาคมที่ไม่แพ้ใครยอมหักไม่ยอมตาย สำหรับท่านขุนเองพอเข้าไปอยู่ในกลุ่มเชิ้ตดำมันมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ส่งผลต่อความคิดที่อยู่ในตัวท่านขุนพันธ์ ความน่าสนใจในภาคสองนี้คือ เราจะได้เห็นตัวละครท่านขุนที่มีอาวุธมีอาคม ที่เหนือใคร แต่ในขณะเดียวกันสำหรับเสือฝ้ายกับเสือใบนี่ก็ไม่แพ้กันมีวิชาอาคมที่ไม่ธรรมดาเหมือนกันครับ”