สุดยอดนักร้องลูกทุ่งหมอลำที่ครองใจแฟนเพลงมายาวนานกว่า 30 ปี “นาง” ศิริพร อำไพพงษ์ มีหลากหลายบทเพลงฮิตติดหู ที่ร้องกันได้ทั่วบ้านทั่วเมือง รวมถึงหลากหลายบททดสอบชีวิต ที่เธอต้องฝ่าฟัน “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” นำทุกท่านร่วมย้อนวันวาน เจาะชีวิตหมอลำคนดัง ผู้ไม่เคยย่อท้อกับทุกอุปสรรค
หน้าที่รับผิดชอบ
งานร้องเพลงก็ยังมีเรื่อยๆ ค่ะ ว่างจากร้องเพลงก็อยู่วัดเป็นนางแบบให้วัด (ยิ้ม) เวลาญาติโยมสายบุญที่ไปขอพรจากปู่ เขาก็อยากเห็นเราอยากถ่ายรูปด้วย เราก็ต้องแต่งหน้าทุกวัน ต้อนรับสายบุญสายธรรมที่เดินทางไปทำบุญที่วัดป่าสว่างธรรม บ้านดอนกลอย จ.อุดรธานี บ้านเกิดของพี่นางเองค่ะ ไปสร้างบูรณะวัดขึ้นมาใหม่ เมื่อก่อนมีแค่กุฏิหลังเดียว ไม่มีพระจำวัดอยู่ด้วย วัดร้างเพราะว่าอยู่ติดกับป่าช้า เราก็เลยไปบูรณะใหม่หมด ชาวบ้านญาติพี่น้องลูกหลานก็ไปช่วยกันถางป่า บูรณะได้เข้าปีที่ 7 แล้วค่ะ งานคอนเสิร์ตงานจ้างยังมี แต่ว่าไม่ได้ทำวงใหญ่ๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว จะทำเป็นมินิคอนเสิร์ตไปรับเชิญบ้าง ไปแต่ตัวเรา หรือว่าไปพร้อมแดนเซอร์ แล้วแต่ทางเจ้าภาพจะขอมา แล้วอีกหนึ่งอย่างที่เพิ่งเริ่มทำ ก็คือพรนิต้าคลินิก เป็นคลินิกความงามครบวงจร ซึ่งลูกสาวบุญธรรม (อรนภา ดวงดี) เขาเรียนมาทางด้านนี้ เราเป็นคนออกทุนให้เขา ลงทุนไป 10 ล้านค่ะ
สาเหตุที่หันมาทำธุรกิจความงาม
มันก็เป็นไปตามยุคสมัยนะคะ เป็นคนชอบความสวยความงาม พอสวยงามแล้วมันก็ดูดีใครก็อยากมอง ไม่เกี่ยวว่าจะยากดีมีจน ใครก็อยากดูดีทั้งนั้น ที่นี่เรามีแพทย์เฉพาะทางเพิ่งเปิดได้ประมาณเดือนนึง ผลตอบรับดีเลยค่ะ หรือจะเพราะว่าเราเป็นนักร้อง การันตีในชื่อเสียงของเรา ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นแฟนคลับของเรา เขาจะมากันเป็นกลุ่ม เราก็มีหน้าที่ต้อนรับพูดคุยบ้างนิดหน่อย แต่อะไรที่เป็นเกี่ยวกับการรักษา เราก็ต้องยกหน้าที่ไปให้กับลูกสาว เป็นธุรกิจที่โอเคเลย คือเป็นที่ของเราเองด้วย ไม่ได้เช่า แต่ลูกสาวเขาก็หักค่าเช่าให้แม่ด้วยทุกเดือน เพื่อที่แม่จะได้มีรายได้
ชีวิตในวันนี้
แฮปปี้ดีนะคะ เพราะว่าเราไม่ได้ทำงานตะลอนๆ แล้ว ได้อยู่กับบ้านมากขึ้น ปลูกบ้านไว้หลายหลัง แทบไม่ได้นอนเลย คนเรานอนได้ที่เดียว แต่ว่าก็ชอบทำบ้าน ที่อยู่นี่คือที่ซอยนวลจันทร์ค่ะ มีอยู่ 4 หลัง พ่อเสียไปเกือบ 30 ปีแล้ว เราก็เหมือนเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนพ่อไปโดยปริยาย แล้วแม่ก็มาเสียไปจะ 4 ปีแล้ว แต่เราก็ไม่ใช่ว่าจะต้องมาต่อสู้หรืออะไรหรอก คือทุกครอบครัวในกรณีที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าคุณมีจิตใจที่จะเลี้ยงครอบครัว คุณต้องสู้ ต้องดูแลอยู่แล้ว แม่และน้องเราก็ต้องดูแล ทุกคนต้องเป็นแบบนี้ ถ้าคุณไปอีเหละเขละขละก็จบชีวิต ทั้งคุณทั้งพี่ทั้งน้องก็ดูแลกันไปเพราะว่าเรามีชื่อเสียงอยู่คนเดียว ชีวิตของพี่นาง คือธรรมดามาก เหมือนเป็นเพื่อนกันมากกว่า แฟนก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวนี่แหละค่ะ ไม่มีลูกมีแต่ลูกบุญธรรม กับหลานที่เป็นลูกของน้องชาย เราก็ส่งเสียเลี้ยงดู ผู้ชาย 2 ผู้หญิง 2 คือตอนที่เราร้องเพลง เราก็ลืมคิดไปเลยว่าเราจะต้องมีลูก มัวแต่ทำงาน เรื่องจริงนะ ลืมคิดเรื่องลูกไป จนอายุมันก็เลยมาแล้ว ก็ตกใจ และยังมาตัดมดลูกอีก ก็จบชีวิตเลยสิทีนี้ เลยเฉยๆ ซึ่งที่เลี้ยงดูก็เหมือนลูกนะ เพราะว่าเขาก็คลอดอยู่ที่นี่ เราเลี้ยงดูเขาตั้งแต่เล็กเลย ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เขาเลยดีกว่าแต่ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว และที่เรามาสร้างวัดวาอารามก็ทำให้พี่น้องเราได้ทำงานอยู่ในวัด แฟนเพลงเยอะมาก ตามไปทำบุญด้วยกัน
ครอบครัวหมอลำ
เดิมทีพ่อมีคณะหมอลำ ชื่อกองมีแสงอรุณศิลป์ พ่อเป็นหมอลำกลอนและหมอแคน แต่เราอาจจะแตกต่างจากพี่ๆ คือเรามีพรสวรรค์ทางการร้องเพลง ไม่ได้ซ้อมอะไรมากมาย ฟังที่พ่อร้องแล้วก็จำ มีพี่น้อง 10 คน8 คนร้องลำเป็นหมด ทีแรกเราก็ไม่ได้ชอบหรอก แต่ว่าพ่อบังคับ คือท่านบอกว่าหาเงินจากไหนก็ไม่ดีเท่าหาจากการเป็นศิลปิน บางคนจะพูดว่าเต้นกินรำกินจะลำบาก ด้วยความที่พ่อมีลูกหลายคน แต่การเต้นกินรำกินของพ่อ พ่อบอกว่าเรายังไม่ได้ไปร้องเลย เราได้ตังค์มาแล้วนะ เจ้าภาพมัดจำมาแล้ว งานก็ไม่หนักด้วย แค่อาจจะอดนอนหน่อย พอมานอนเราก็ได้นอนอิ่ม ก็ไม่เคยไปทำงานอย่างอื่นเลย นอกจากทำนากับร้องเพลง ยุคของเราเองไม่ถือว่าลำบาก แต่ว่าพ่อแม่เราสิลำบาก เพราะว่าลูกเยอะ พี่นางเป็นลูกคนที่ 7 ก็พอทำงานช่วยพ่อช่วยแม่ได้บ้าง ซึ่งท่านลำบากมากแน่นอน เราทำมาหากินไม่อยากพูดว่าลำบากกัดก้อนเกลือกิน คือไม่ถึงขนาดนั้น เป็นครอบครัวศิลปินโดยแท้ พอเรามาทำวงดนตรีคณะพิณแคนแดนอีสาน พี่น้องเราก็มาทำด้วยกันลูกหลานก็มา เหมือนเป็นดนตรีในครอบครัว เป็นหมอลำครอบครัว
จุดเริ่มต้นการเป็นนักร้องลูกทุ่งหมอลำ
เริ่มอัดเสียงตั้งแต่อายุ 18 คือเราอยู่ในวงของพ่อที่มาอัดแผ่น มันก็อาจจะเป็นที่ครูบาอาจารย์เห็นก็เลยลองให้ไปอัดดู เริ่มต้นด้วยเพลง “สาวหมอลำรอรัก” ซึ่งโฆษกหรือที่เรียกว่าดีเจในสมัยนี้นะคะเขาได้ยินเสียงเราก็รู้สึกว่าเสียงแปลก ไม่เหมือนนักร้องทั่วไป หลังจากนั้นเขาก็เลยเอาเพลงมาให้อัดเป็นชุดเลย “พบรักที่หัวลำโพง”, “สาวภูพานรำพึง” ตอนนั้นก็ถือว่าโด่งดังประมาณนึง แต่เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาก็ตอนที่อยู่ค่ายกรุงไทยออดิโอ ออกเทปอัดแผ่นอยู่ 5 ชุดนักร้องยุคนั้นเรียกว่าพออยู่ได้กันหมดนะ เพียงแต่ว่าใครจะดังมากน้อย แต่ของนางตอนนั้นอาจจะยังไม่ถึงเวลา เพราะว่านักร้องมีหลายคน
มากับดวง
ตอนที่มาอัดเทปนั้น เราไปกับพี่สาวนะ แต่ว่าพอเขาโดนแอร์ เสียงเขาก็ร้องไม่ได้ เสียงแหบเลย อาจจะเป็นดวงศิริพร ก็เลยได้เอาเพลงของพี่สาว “พบรักที่หัวลำโพง” มาทำเป็นของศิริพร “สาวภูพานรำพึง” แต่ยังไม่ดัง มาดังชุด “พบรักที่หัวลำโพง” คือก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเราจะมามีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักแบบนี้เป็นเด็กเราก็สนุกไปวันๆ พ่อให้ค่าตัว 20-30 บาทก็ดีแล้ว แต่พ่อจะสอนเสมอว่าไมค์อยู่กับเรา ปากก็ปากเราทำไมต้องไปกลัวด้วย ก็เลยพยายามฝึกฝนตัวเองร้องให้ดี โฆษกเขาจะว่ากันว่าทำไมตัวเล็กแต่เสียงใหญ่จัง
ความแรงของ “โบว์รักสีดำ”
จนมาถึงยุคที่เริ่มทำวงใหญ่ ที่พีคสุดคือ“โบว์รักสีดำ” เป็นชุดแรกที่ทำกับค่ายพีจีเอ็ม แต่อุปสรรคก็เยอะในการเป็นศิลปิน ถูกปิดแผ่น โฆษกไม่ยอมเปิดเพลงเรา ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับเรานะคือเขามีปัญหากับสินค้า เราไม่รู้เรื่องด้วยเลย เรียกว่า “โบว์รักสีดำ” ถูกปิดทุกสถานี แต่ต้องบอกว่าดวงคนนะ คือห้ามอะไรห้ามได้ แต่ห้ามบุญห้ามบารมีไม่ได้ การที่จะไม่ให้ดวงคนมันจะดังเอาอะไรมาฉุดมันไม่ได้ค่ะ “โบว์รักสีดำ” ถูกปิดสนิท จนต้องไปขอความช่วยเหลือจากนายห้างซิงซิง ศิริพรต้องไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ยาสระผมให้เขาฟรีไม่มีค่าตัว แลกกับที่เขาเปิดเพลงให้เรา ซึ่งเขาสนับสนุนอยู่ 200 รายการ ก็ตู้มทีเดียวทั้งภาคอีสาน คือเพลงมันมาแล้ว แต่ถูกสั่งระงับเอาไว้ พอซิงซิงช่วย มันก็ระเบิดเลย ดวงมาตอน “โบว์รักสีดำ” ค่ะ เราก็มีวงด้วยเราเล่นอยู่ตรงกลางเธคอยู่ 2 ข้างก็มีแต่โบว์รักสีดำๆ เหมือนร้องแข่งกับตัวเอง บางครั้งเครื่องเสียงเราไม่ได้ยินเพราะว่าเสียงเพลงในเธคเขาก็ดังมากไม่คิดว่าเพลงนี้จะดังนะ ตอนที่อัดเสียงก็คิดว่าจะเลิกแล้วล่ะ อัดชุดนี้กะเลิก พอแล้ว ดังไม่ดังก็ช่าง แล้วแต่เขาและเพลงมันยาวมากด้วยตัดออกตั้ง 5 แถว ปกติเพลงต้อง 3 นาที แต่โบว์รักสีดำเกือบ 5 นาที เขาก็เลยตัดออกมาเป็น “ลำแพนประยุกต์” ครั้งแรกนักร้องและหมอลำคือโบว์รักสีดำ เพราะว่าลำแพนมันยาก เป็นลำสลับกับเพลง เดินไปก็ได้ยินเพลงตัวเองทุกๆ บ้านทุกอำเภอ จังหวัด ตำบล แม้แต่ตัวเราไปร้องยังไม่เคยได้ร้องรอบเดียว อย่างต่ำต้อง 2-3 รอบ ถึงร้องเยอะแล้ว เขาก็จ้างให้ร้องอีก
จุดพีคในหลายๆ ครั้ง
อีกรอบคือ “ปริญญาใจ” แต่ยุคนี้มีเทปผีซีดีเถื่อนแล้ว ซึ่งชุดนี้ทำกับแกรมมี่โกลด์ คือดวงพี่นางอาจจะเป็นนักร้องนะ ทำบุญมาทางนี้ ได้ยินพระพูดหลายองค์มากว่าทำบุญมาทางนี้ คือพอเข้าพีจีเอ็ม “โบว์รักสีดำ” ก็ติด เข้าแกรมมี่ก็ “ปริญญาใจ” แล้วก็จอดอยู่แกรมมี่ไม่ได้ไปไหนเลย “โลโซโบว์รัก” ก็พีคอีก (ตั้งรับกับชื่อเสียงความโด่งดังอย่างไร?) ด้วยความที่เราเป็นครอบครัวศิลปิน จะดังหรือไม่ดังก็เหมือนเดิมค่ะ แต่ก็มีแบบว่า โอ้โห! ทำไมคนมาดูเยอะจัง ทำไมคนแห่มาดูกันขนาดนี้ 3-4 กิโลเดินไปที่เวทีตัวเองคนแน่นรถขับเข้าไปไม่ได้ อันนี้คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยมากสำหรับตัวเอง คือมันมีชื่อเสียงมาหลายช่วง อย่างเพลง “คิดฮอด” ที่ร้องกับ “ตูน บอดี้สแลม” ก็อีกแบบนึงนะ โบว์รักสีดำ, ปริญญาใจ,โลโซโบว์รัก, ล้างจานในงานแต่ง มันเหมือนเราเป็นนักร้องใหม่อยู่เรื่อย เหมือนไม่เคยเห็นเราเลยเนาะ (หัวเราะ) แอบคิดในใจ เราเองก็ตื่นเต้นตื่นตัวอยู่เรื่อยเลย ชีวิตนักร้องของศิริพรอาจจะไม่เหมือนคนอื่น เหมือนเราสะดุ้งอยู่ตลอด และต้องบอกว่าเรารักทุกเพลง เพราะว่าเป็นเพลงของเรา รักทุกบทเพลงที่เขาให้เราได้มาทำมาหากิน ขอบคุณแม้กระทั่งเสียงตัวเอง ทำบุญให้เสียงตัวเองด้วยนะ เราใช้เขาไม่รู้จะยังไงแล้ว จนจะอวสานเราก็ยังหากินกับเสียงเขาอยู่ นางรักเสียงนางมาก จะแหบหรือไม่แหบก็รัก รักแฟนเพลงด้วย รักไม่ได้เลือกชั้นวรรณะ เขาเมตตาเราก็ถือว่าบุญโขแล้วค่ะ
สร้างสรรค์โชว์ใหม่ๆ เพื่อแฟนเพลง
ถ้าปีนี้เราโชว์แบบนี้ คนก็รอดูว่าปีต่อไปพิณแคนแดนอีสานจะโชว์แบบไหนให้เขาดู จะเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ ในการเอาอุปกรณ์มาเล่น วงแรกคือศิริพร มีผีเสื้อ ดอกไม้ ร่ม อะไรพวกนี้ศิริพรคนแรก นี่คือความต่างของเรากับศิลปินท่านอื่น ช่วงโชว์ของศิริพรมันจะตื่นตาตื่นใจ สโลแกนของพิณแคนแดนอีสาน ก็คือกระชับฉับไวต้องศิริพร อำไพพงษ์เท่านั้น จะไม่มีอืดอาดล่าช้าถึงเวลาเล่นเป๊ะ คนจะมีหรือไม่มี แต่พอถึงเวลาคือเล่นได้เลย เดี๋ยวเสียงดนตรีดัง คนก็มาเอง ศิริพรเล่นทุกเสาไฟฟ้าทุกป้ายรถเมล์ ฉายาของศิริพร (หัวเราะ) เอาเป็นว่าชาวคณะนั่งทานข้าวตามถนนหนทางข้างวัดข้างเมรุ เป็นชีวิตที่ลำบากก็อยู่นี่ สุขก็อยู่นี่ ทุกข์ก็อยู่นี่ อิ่มก็อยู่นี่ ทุกวันนี้นักร้องเขาไม่ได้เล่นเป็นวงก็จะสบาย ถ้าจะเรียกว่าวงดนตรีหรือว่าหมอลำจริงๆ หนึ่งเวทีเครื่องเสียงไฟต้องเป็นของคุณหมดทุกวันนี้ไม่ใช่วงดนตรี เขาเรียกเป็นทีม ทำวงดนตรีมา 30 กว่าปีเกือบ 40 ปี ไม่มีตก เลิกเพราะว่าหยุดเอง เอาเป็นว่าปีนึงศิริพรเล่น 10 เดือน เดือนนึงใส่เสียง อีกเดือนซ้อม มีงานทุกวันไม่ได้พักเลย คิวจองยาวข้ามปีไป 3 ปี ร้อยเอ็ดจำได้ว่าห่างกันครึ่งกิโล แข่งกันเลยจากหน้าบ้านไปหลังบ้าน
เมื่อมาถึงจุดเปลี่ยน
ถ้าพูดถึงจุดเปลี่ยนในวงการบันเทิง นางว่ามันอยู่ที่ตัวเรา มันอิ่มตัว อยากหยุดเดินทางแล้วล่ะไม่อยากรับผิดชอบอะไรแล้ว เลิกวงตอนที่มีชื่อเสียงอยู่เลยนะ ไม่ใช่ว่าล้มละลาย หรือว่าวงแตก แต่ว่าหยุดเอง แล้วตอนนั้นคือเราต้องผ่าตัดด้วย เป็นเนื้องอกในมดลูก คือผ่าตัดแล้วมันก็แล้วล่ะ แต่ว่าใจเรามันอยากหยุดก็เลยขอหยุด ซึ่งแฟนเพลงก็ต่อต้าน จนเราทะเลาะกับแฟนคลับ เขาร้องไห้ไม่ยอมให้เราหยุด เขาไม่รู้กับเราหรอก เหมือนเรากินข้าวเราอิ่มเราก็อยากหยุด ก็ไม่ได้อธิบายให้เขาเห็นไป ถ้าใครมาหาถึงที่บ้านก็จะเห็นว่าเราเป็นยังไง โชคดีที่เราป่วยตอนพักวง เพิ่งเลิกวงมา 7 ปี ก็คิดถึงอยู่นะคะกับบรรยากาศเก่าๆ แต่นึกถึงตอนฝนตกแล้วมันก็ลำบากนะต้องอดทน ทุกวันนี้สบ๊ายสบาย (ยิ้ม) ที่นั่งคุยกันอยู่นี่ในคลินิกใช่ไหมคะ แต่ว่าเมื่อก่อนคือเป็นที่นอนของชาวคณะ แดนเซอร์อยู่ที่นี่ 110 คน นึ่งข้าวเหนียวกันธรรมดาค่ะ 5 หวด ทีมงานศิริพร300 คน เราก็จะจัดสรรกันเป็นแผนกๆ ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง ถ้าทำอะไรผิดหัวหน้าแผนกจะมารายงานเองนางต้องดูทุกอย่าง ดูภาพรวมในวง แม้กระทั่งยกเหล็กบางครั้งเวลามันไม่ทันก็ต้องไปช่วยเขา ไม่ไปงอมือ
งอเท้า ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าหรอก งานก็คืองาน เวลาเล่นก็คือเล่น พอแยกวงกันไปแล้วก็มีบางส่วนที่เขายังอยู่กับเรานะ ยังมาเป็นแม่บ้านให้ก็มี
ทายาทสืบทอดและสานต่อ
ในการเป็นนักร้องไม่มีใครแทนกันได้ แม้แต่ว่าเสียงเหมือนกันขนาดไหน ก็เป็นตัวแทนกันไม่ได้ คิดว่าแล้วแต่บุญ ถ้าลูกหลานเขามีดวงทางนี้ ถึงวันนั้นเราจะเป็นอะไรไปแล้ว ก็ไม่รู้นะ นางไม่ได้คิดว่าคนนั้นคนนี้ต้องมาสานต่อ ความดังไม่คงที่ ความดีเท่านั้นที่คงทน ความดังเดี๋ยวก็หายไปแว๊บๆ แต่มันก็จะเป็นตำนานถ้ามีความดี เหมือนที่เราสร้างวัดกับ “พระอาจารย์นำชัย” นางว่าคนต้องกล่าวขานในสิ่งที่เราทำ คิดไว้ว่าอีก 3 ปีจะหยุดร้องเพลงแล้วค่ะ อาจจะร้องเล่นๆตามบ้านหรือว่าในวัด ไม่ได้เบื่อนะ แต่ว่ามันอิ่มแล้ว อย่างที่บอก ตอนนี้ก็เพิ่งมีซิงเกิ้ลใหม่มาให้ได้ฟัง “ผู้หญิงหลายมือ” ถ้าเพลงนี้โดนก็ไม่แน่อาจจะทำต่อ เพราะว่าเพลงนี้ได้ดารามาเล่น ปกตินางไม่ค่อยมีดารามาเล่นมิวสิกให้ ทุกวันนี้แฟนคลับเขาก็ไม่อยากให้หยุด แม้ว่าจะยังร้องเพลงเก่าอยู่ ถ้าตัวนักร้องยังอยู่ มันก็เป็นเพลงใหม่เสมอสำหรับเขา
จากใจศิริพรถึงแฟนเพลง
ถ้าตอบแทนแฟนเพลงก็คือจะร้องเพลงให้ได้นานที่สุด ให้เขาเอาไว้ฟัง เผื่อเวลาเราไปจากเขาแล้ว หรือหมดอายุขัยไปแล้ว มันก็ยังมีคุณงามความดีให้เขาได้ฟังเสียง ตอบแทนแฟนๆ ได้ก็คงจะเป็นเสียงเพลง แล้วเวลาเขามาที่บ้าน มาเยี่ยมมาหาอย่างที่เพิ่งกลับไปก็มีมาจากนอร์เวย์ นางก็ตำส้มตำให้กิน ทำกับข้าวให้กิน ก็ขอบคุณที่รักเมตตาดูแลและศรัทธาในตัวเรา นางนับถือน้ำใจไม่เคยลืมเลือนเลย ต้องบอกว่าปลูกฝังเอาไว้ในใจตัวเองเลย เวลาเราเจ็บไข้ได้ป่วย เขาช่วยเราได้ ช่วยแบบไหนก็เวลาที่เขาให้ทิปเราไง เราได้ทำบุญอนุโมทนาบุญให้ได้เลย เพราะว่าทำบุญให้ทั้งหมด ปีนึงเอาเงินทิปที่ได้ไปทำบุญเป็นล้านๆ ทุกคนได้ทำบุญร่วมกับนางหมดนะคะทั้งรู้ชื่อไม่รู้ชื่อ อยู่แห่งหนตำบลใด เราร่วมบุญกุศลด้วยกันหมด ขอให้เขารวยสุขภาพ รวยเงิน รวยบุญเยอะๆ เจอะเจอกันมาทักทายกันได้เหมือนเดิม ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณทุกๆ แรงใจที่ให้มาค่ะ
ถ้าจะบอกว่าชีวิตและลมหายใจของเธอ มอบให้กับการทำบุญและการร้องเพลงก็คงจะไม่ผิด และนี่คือสุดยอดนักร้องลูกทุ่งหมอลำ ที่อยู่ในใจแฟนเพลงมาอย่างยาวนาน “นาง-ศิริพร อำไพพงษ์”
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี