อดีตนางเอกและนางแบบระดับแถวหน้าของเมืองไทยที่หลายคนคุ้นชื่อมานาน “แหม่ม-เทพยุดา ศรียาภัย”เธอคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของละครมากมายแต่น้อยคนนักที่จะมีโอกาสรู้จักตัวตนและเรื่องราวชีวิตของเธอ โดยวันนี้เธอพร้อมเปิดใจกับ “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” เป็นที่แรก
“อยู่ในวงการฐานะนางแบบและนักแสดงก็ 37 ปีแล้วค่ะ เริ่มต้นจากการเป็น 10 ยอดนางแบบระพี เป็นนางเอกตอนอายุ 16 คุณพ่อเป็นทูตซึ่งเป็นชาวอเมริกัน คุณแม่เป็นลูกครึ่งอิหร่าน-ไทย และสมัยก่อนนางแบบตัวสูงๆ ไม่ค่อยมี เราเลยติด 1 ใน 10 นางแบบ แหม่มเกิดที่อเมริกา มาอยู่เมืองไทยตอนอายุ 7 ขวบ ชื่อจริงคือ “ดอริส เทเลอร์” พอเข้าวงการก็เลยใช้นามสกุลตามคุณแม่”
จุดเริ่มต้นการเป็นนางเอก
พอดีว่า “คุณอาไพรัช สังวริบุตร” หานางเอกเรื่อง “เงา” ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นแรกเลยค่ะ อาหรั่งบอกว่าอยากให้เรามาเล่นเป็น “ชาลินี” เราก็บอกอาว่าเล่นละครไม่เป็น เพราะว่าเราเป็นนางแบบ อาบอกว่าไม่เป็นไร พากย์เสียงเอา “พี่ดาว” เป็นคนพากย์เสียงเรา ซึ่งชาลินีเป็นตัวเดินเรื่องก็เลยเกิด สนุกมากค่ะ เป็นหนังฟิล์มเรื่องสุดท้ายของช่อง 7 เซ็นสัญญากับช่อง 7 เป็นเวลา 5 ปี จากนั้นก็มาเล่น “โรงแรมวิปริต,กิ่งไผ่,ชลธีพิศวาส” แต่เราจะเน้นงานเดินแบบมากกว่า เพราะถ่ายละครสมัยก่อน ถ่ายไปออนแอร์ไป และด้วยความที่เราสูง จะหาพระเอกมาคู่ก็ลำบาก แต่กลับมาเล่นละครเป็นระยะ แหม่มชอบเดินแบบ เพราะว่ามันเป็นตัวของเราเอง ได้เดินให้กับแบรนด์ดังๆ แล้วได้ไปเดินแบบที่เมืองนอกด้วย สังกัดระพีแต่ว่าก็จะเดินได้หมด เพราะว่าสมัยก่อนนางแบบมีน้อย รายได้ก็ถือว่าดีมาก เดินครั้งละแปดพัน เล่นละครนางเอกเรื่องแรกตอนละแปดร้อย แต่ว่าเราภูมิใจมากนะคะ เพราะว่าเราได้ออกทีวี
กระแสความแรงในยุคนั้น
สมัยนั้นคนก็รู้จักนะคะ โชว์ตัวตลอด ด้วยความที่เราเล่นเรื่องแรกเป็นละครผี และมันดังพร้อม “ดาวพระศุกร์” ก็ได้ไปโชว์ตัวด้วยกันพระนาง 2 คู่ “อัศวิน-เทพยุดา” พี่โยกับพี่ตึ๋งเขาเป็นพี่น้องกัน “พล พลาพร-มนฤดี” คนแห่กันมาดูพวกเรา เกาะกระจกรถดูเลย เพราะว่าช่อง 7 คือทุกหย่อมหญ้า ก็ดังคู่กันไป ยืดไป 80 กว่าตอน เกือบ 90 ตอน ออนแอร์เกือบปีค่ะ เป็นนักแสดงเป็นนางแบบอยู่ประมาณ 12 ปี แต่ก็คือยังอยู่ในวงการนะคะ มีเดินแบบบ้างประปราย
อุปสรรคที่ต้องฝ่าฟัน
ครอบครัวคัดค้านเรื่องเข้าวงการมาก คุณพ่อไม่ชอบเลย คุณแม่ก็ไม่ชอบ แต่ว่าเรามีความคิดแบบฝรั่ง คุณพ่อคุณแม่ก็บอกว่าวันนึงถ้ายูคิดว่ามันไม่ใช่ ก็ค่อยถอยออกมา เมื่อก่อนอาชีพนี้มันอาจจะไม่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้แต่ว่าเราทำได้ เราพิสูจน์ตัวเองได้ ซื้อรถเองได้ เดินแบบประมาณ 6 เดือนซื้อรถได้เลย คุณพ่อก็ทึ่งมาก เลยยอมให้ทำ ก็มีท้อนะคะ แต่ว่าพอไปถ่ายละคร พอขึ้นแคทวอล์กแล้ว เรามีความสุข เราต้องตั้งหลักให้ได้ เพราะว่าพ่อแม่บอกว่าอย่ามาขอเงินที่บ้านนะ เราก็ไม่ขอเลย แต่เราให้คุณแม่ทุกเดือนด้วย
การอ่านนำไปสู่งานเบื้องหลัง
ด้วยความที่เราสนิทกับอาหรั่งกับ “อาผุสดี” ซึ่งเป็นแม่ของ “คุณหลุยส์, คุณลอร์ด” เหมือนเป็นเครือญาติกัน และเราก็เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ พอเห็นว่าเรื่องไหนสนุก เราก็จะไปเล่าให้อาผุสฟัง เป็นหลานที่ช่วยออกความคิดเห็นเช่น “ข้ามสีทันดร” เราเป็นคนอ่านคนแรกเลยนะ และไปเล่าให้อาหรั่งฟัง อาก็ให้ย่อเรื่องมาแล้วไปส่ง “คุณแดง” ก็เอาเลย ทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะว่าชอบ เป็นคนที่เล่าเรื่องแล้วสนุก เขียนก็สนุก เรื่องไม่สนุกเราก็สามารถทำให้มันสนุกได้ จนเราเริ่มรู้สึกว่าเราชอบอะไร และคนที่มาบอกเราก็คืออาไพรัช อาบอกว่าเราเป็นคนที่เล่าสนุก วิเคราะห์มัน ทำไมไม่เขียนบท แต่ก็ไม่เคยเขียนนะคะ เพราะว่ามันจะเครียดไป แต่เราเป็นคนที่ลั้ลลา ก็ทำตรงนี้เรื่อยมา เรารู้แต่ว่าเราต้องช่วยคนที่เป็นเหมือนพ่อคนที่ 2ของเรา แล้วช่วยด้วยความที่เขายอมรับว่าเรามีความสามารถ มันเป็นความภาคภูมิใจของเด็กนะ อายุยังไม่ถึง 20แต่อาหรั่งเชื่อมั่นในตัวเรา เสนอเรื่องไปอาหรั่งทำเกือบทุกเรื่อง แต่เราไม่ได้ไปช่วยอะไรในกองนะคะ เพราะว่าเราก็ยังเป็นนักแสดงอยู่
อีกหนึ่งโอกาสพิสูจน์ความสามารถ
วันนึง “อาต้อย-เศรษฐา” ติดต่อมา บอกว่าจะทำละครพีเรียดให้กับช่อง 3 เราก็บอกว่าทำ “ขุนช้างขุนแผน” สิอาต้อยก็บอกว่าได้เรื่องมาแล้ว ต้องขอคนด้วย ซึ่งเราก็ต้องไปขออาหรั่ง อาหรั่งก็บอกว่าไปเลยไม่เป็นไร เพราะว่าเราหมดสัญญาช่อง 7 แล้ว ไปช่วยอาต้อยทำละคร แต่เราจะไม่ล้ำเส้นช่อง 7 นี่คือข้อแม้เรา ช่อง7 เป็นผู้มีบุญคุณโดยเฉพาะอาไพรัช ถ้าไม่มีอา ก็คงไม่มีเราวันนี้ ก็ไปทำให้อาต้อย “ขุนช้างขุนแผน” เวอร์ชั่นนั้นสนุกมาก 90 ตอน เราไปดูแลหมดทุกอย่าง เสื้อผ้าหน้าผม และร่วมแสดงด้วย แต่เรามีทีมนะคะ ไม่ได้ทำคนเดียว พอมาทำให้อาต้อยสักพัก เราก็เริ่มไม่สบาย เป็นไตเพราะกลั้นปัสสาวะการที่เรามาดูเสื้อผ้าหน้าผมที่เรามองว่ามันเป็นงานง่าย พอเป็นพีเรียดแล้ว มันไม่มีอะไรง่ายเลย แต่ว่าทีมเราโอเค มีคนเบื้องหลังมาร่วมงานกับเรามากมาย มีสปอนเซอร์ต่างๆ ที่มาสนับสนุน ซึ่งเราก็เริ่มกระเถิบตัวเองเข้ามาโดยไม่รู้ตัว พอป่วย แฟนก็บอกว่าไม่ให้ทำ ต้องพัก ก็เลยบอกอาต้อยว่าจะถอย ทำให้อาต้อยประมาณ 3-4 เรื่องแล้วก็จะพักอยู่บ้าน แต่เป็นคอนเซาท์ให้นะ อาต้อยก็ไม่ยอมให้ออก จ่ายเงินเดือนทุกเดือน พอมาอยู่บ้าน อาหรั่งก็มาตามกลับให้ไปช่วยอีก บอกอาว่าไม่ไหว ตัวบวมหมดเลยอาก็บอกว่าไม่เป็นไรอ่านหนังสืออยู่บ้าน ย่อเรื่องมาให้อาเหมือนเดิม เดือนนึงเข้าลาดหลุมแก้วหนนึง อาเชื่อในตัวเรา ก็เลยเริ่มทำ นั่นคือจุดริ่มต้นของการอ่านเรื่องย่อเรื่อง คัดเรื่องส่งอาหรั่ง แล้วอาหรั่งก็ส่งช่อง ทำกับอาหรั่งอยู่ 5 ปี เดือนนึงอ่านหนังสือประมาณ 20 เรื่อง แล้วมีเลขา 2 คนคอยจด บางเรื่องชื่อฟังดูสนุกแต่อ่านแล้วไม่สนุก ต้องเพิ่มอะไรเข้าไปบ้าง อาก็จะสอน เริ่มศึกษาจากอาหรั่งก็เลยเริ่มเข้าใจว่าการทำละครมันเป็นแบบนี้นี่เอง ถ้าเรื่องมันไม่สนุก อาก็เพิ่มให้มันสนุกได้ อาเป็นบรมครูของแหม่ม มีทุกวันนี้เพราะ “ไพรัช สังวริบุตร” สอนเราเหมือนลูกหลาน ทุกอย่างเลย มันก็เลยกลายเป็นอาชีพ เลยไม่ได้ออกจากวงการ (ยิ้ม) รักตรงนี้
ดวงแห่งความเป็นดารา
แหม่มจบการโรงแรมจากอเมริกานะคะ ได้ทำงานโรงแรมปีเดียว แล้วระพีก็มาเจอ ไม่เคยคิดที่จะเข้าวงการเลยแต่ว่าดวงคนเรานะ เหมือนที่ “พี่กอบสุข จารุจินดา”เคยพูดว่า คุณสวยคุณรวยคุณไฮโซคุณพกดวงมาด้วยหรือเปล่า ถ้าคุณไม่ได้มีดวงแห่งความเป็นดารา คุณก็อยู่ได้ไม่นานหรอก พี่กอบสุขเป็นพี่ที่เคารพรักอีกคนนึง เขาเคยพูดไว้และต้องบอกว่ามันคือเรื่องจริงค่ะ เพราะมีอยู่ช่วงนึงไฮโซเข้าวงการเยอะมาก ดาราบางคนตกงานไปเลย แต่พอเอาจริงๆ ความอดทนไฮโซเขาก็ต้องระดับของเขา อยู่กองถ่ายเราต้องนอนกลางดินกินกลางทราย
ผู้อยู่เบื้องหลังละครคุณภาพ
ยังไม่ได้มาเป็นผู้จัดแบบเต็มตัวสักที เพราะว่ามันไม่ได้ง่ายนะคะ ด้วยสายสัมพันธ์เราช้าเกินไปมัวมักน้อยด้วย (ยิ้ม) เรื่องแรกที่แหม่มไปเป็นที่ปรึกษาอย่างเต็มตัวก็คือ “ลูกสาวพ่อมด” มาดูบทให้ “นก-จริยา” ตามมาด้วย “มนต์รักเพลงผีบอก”ของ “นีโน่” กับ “หนิง” อีกเรื่องก็คือ “บัวแล้งน้ำ” ทางพีพีทีวี และเรื่องที่ 4 ก็คือ “คุณย่าดอทคอม” ที่กำลังออนแอร์ทุกวันเสาร์อาทิตย์ เวลา 11.00 น. ทางช่องทรูโฟร์ยู คือ “คุณพัชรา เจียรวนนท์” สามีเขาเป็นเพื่อนกับสามีเรา บอกว่าอยากให้เรามาช่วย ก็พอมาเจอกันก็คลิกกันเลย เรามีเรื่องย่อเก่าอยู่ เขาก็อ่านเรื่อง แล้วเรื่องสนุก เข้าช่องพรีเซ็นต์ครั้งแรกก็ผ่านเลย ทั้ง 4 เรื่องที่ทำพรีเซ็นต์วันนั้น คือเราจะต้องชัวร์ว่าอันนี้ใช่ สิ่งนี้ก็ได้มาจากอาหรั่ง ทรูอนุมัติเลย เพราะว่าตัวละครเราวางคุณย่า 6 คน แล้วก็ได้ “ฟลุ๊ค”กับ“นาตาลี” และอีก 3-4 คู่ เขาก็บอกว่า โอ้โห! ช่องทรูไม่เคยมีดาราเยอะขนาดนี้มาก่อน นักแสดงทุกคนเราสนิทหมด อยู่เบื้องหลังเป็นที่ปรึกษาทำมาประมาณ 5 ปีแล้วค่ะและปีนี้ก็มีโปรเจกท์ที่กำลังจะทำอยู่ ซึ่งเราสามารถทำได้หลายช่อง แต่แหม่มจะไม่ทำละครโป๊เปลือย เลิฟซีน ขอทำละครสนุกเบาสมอง ละครใสๆ เพราะว่าเป็นคนโบราณค่ะ(หัวเราะ)
ด้านครอบครัว
สามีคือ “คุณก่อเกียรติ ลิมปพัทธ์” น้องชาย “คุณไตรภพ” เขาอยู่ช่อง 3 เราคนช่อง 7 มาพบกันได้ (ยิ้ม) คือว่ามีวันนึงเพื่อนเราไปเล่นละครฝันที่เป็นจริง แล้วเขาก็กลัว “อาฉลวย ศรีรัตนา” เขาก็เลยลากเราไปเป็นเพื่อน เราเองไม่อยากไป เพราะว่างานเยอะ ก็ไปนอนรอในรถ และได้เจอคุณก่อเกียรติ แต่เราเคยพูดไว้นะ ว่าจะไม่เอาคนในวงการเป็นสามี เพราะว่ามันไม่ใช่ แต่ว่าก็หนี
ไม่พ้นค่ะ แต่งงานอยู่ด้วยกันมาจะ 30 ปีแล้ว แต่ว่าสมัยนั้นต้องบอกว่าเรื่องครอบครัวเราไม่ได้เปิดเผย เพราะว่าเรายังอยู่ตรงนั้นอยู่ ก็จะเงียบๆ คือบอกว่าเป็นแฟนกันได้ แต่ไม่สามารถบอกว่าเป็นสามีภรรยากันได้ ก็ไม่ได้อึดอัดนะคะ เพราะว่าเป็นคนชอบอิสระ ถือว่ามนุษย์อยู่กันด้วยใจ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องบอกว่าเราเป็นสามีภรรยากัน แต่งงานกันใหญ่โตแต่อยู่กันไม่ได้นานไม่จำเป็น ทุกวันนี้เราก็อยู่กันด้วยความผูกพัน เขาป่วยเราป่วยดูแลกัน เขาไปไหนเราสบายใจ เขาไปไหนเราเชื่อใจเขา แค่นี้ก็จบแล้วค่ะ
คุณแม่สายโหด
มีลูกด้วยกัน 2 คน ลูกสาวและลูกชาย พี่ติ๊ดเป็นคุณพ่อที่ใจดีที่สุดค่ะ เราเองที่เป็นคนดุ อะไรยังไงก็ได้แต่ถ้าผิด 3 ครั้งแม่ตีค่ะ แต่ต้องตีตอนที่พี่ติ๊ดไม่อยู่นะ ไม่งั้นเขาหาว่าเราโหดร้าย ลูกจะกลัวแม่มาก แต่ตอนนี้เขาโตจนเราเลิกดุเขาแล้ว เขาต้องบริหารชีวิตตัวเองแล้ว จะดุแค่ตอนที่เขาเด็ก พอเริ่มจบมหาวิทยาลัย ก็ตัวใครตัวมัน เลี้ยงลูกสไตล์ฝรั่ง ลองผิดลองถูกเอง ถ้าเกิดคุณเฟลคุณจะโทษเราไม่ได้เลย เพราะว่าเราก็มาจากศูนย์ พ่อแม่เราก็ไม่เคยชอบอาชีพนี้ แต่เราตั้งหลักในอาชีพนี้ ตอนที่มีสามีพ่อแม่ก็รับไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าเรามีอาชีพเดียวกัน ญาติๆ ก็ไม่ยอมรับ คือเมื่อก่อนคำว่าเต้นกินรำกินนี่มันแย่มากนะ ในผู้ดีสมัยโบราณ ต้องสู้มากกับสิ่งที่พ่อแม่พี่น้องไม่เห็นด้วย แต่เราก็พิสูจน์ตัวเองตลอด ดังนั้นพ่อแม่ค่อนข้างจะพราวในตัวเรา ลูกเราก็ต้องเป็นอย่างเรากลับมาบ้านเรามีแค่บ้านให้อยู่ รถเขาต้องหาเอง อาจจะเป็นคุณแม่สายโหดหน่อย (ยิ้ม) วันนั้นที่เราดุเขา วันนี้เขาดีมาก เขาข้าใจเรา ไม่เคยตั้งเป้าหมายกับเขาค่ะให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น แต่ว่าก็คงไม่มีใครมาสานต่องานของพ่อแม่ ด้วยความที่การทำละครมันยาก ในอนาคตคิดว่าจะทำเท่าที่เราไหว 80 เราก็ทำไหว เหนื่อยก็ไม่ต้องออกกองนี่ก็จะ 60 แล้วนะ เราก็สู้ค่ะ
กำลังใจที่สำคัญ
ในฐานะสามีภรรยาเราต่างคนต่างทำงานค่ะ ไม่เคยก้าวก่ายกันเลย แต่เราก็จะมีหน้าที่ดูทีวีและคอมเม้นท์เขาไป ละครเราเขาก็ดู คือติซึ่งกันและกัน ถ้าเขาบอกว่าให้เราดูเรารู้แล้วว่ามันต้องมีอะไร เราจะเว้นช่องของเรา ชีวิตคู่อย่าคิดว่าเขาเป็นของเรา เราเป็นของเขานะ เว้นช่องนิดนึง อย่าก้าวก่ายซึ่งกันและกัน จะอยู่กันได้ยาวนาน ไม่มีโปรเจกท์อะไรที่คิดว่าจะทำร่วมกันเพราะว่าเราไอเดียกันคนละอย่าง แหม่มเป็นคนใจดีมาก ลูกน้องต้องอิ่มหมีพีมัน ตัวเราเองไม่เป็นไร ลูกเต้าก็โตหมดแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะทำงานกับเขาได้ เพราะว่าเขาเป็นองค์กรใหญ่ เขาทำกับพี่ต๋อย ซึ่งพี่ต๋อยเป็นพี่ชายที่น่ารัก ให้กำลังใจ ชมเสมอ แหม่มเก่ง แหม่มดี แหม่มสู้ เราเป็นคนซื่อพี่ต๋อยก็จะเตือนและอย่าไปเสียใจ อย่าท้อที่จะทำความดี เป็นกำลังใจที่ดีมาก เวลาเราเจออะไรหนักๆ ถือว่าเราโชคดีที่พระเจ้าอวยพรให้เรา ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในวงการ สิ่งนี้ที่พระเจ้าประทาน เราโชคดีที่มีทุกอย่าง ไม่ได้กวนพ่อแม่ ดังนั้นสิ่งที่จะตอบแทนได้คือช่วยคนรอบข้าง คนที่อยู่กับเราไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูงเขาตกงานเราช่วยหมด
ช่วงตักตวงความสุข
ช่วงนี้จะชอบท่องเที่ยว เนื่องจากว่าพี่ติ๊ดทำงานมา 20 ปี ไม่เคยออกนอกประเทศเลย ทำแต่งาน เราเองยังได้ไปเดินแบบและถ่ายละครต่างประเทศบ้าง วันนี้สามีก็บอกว่าต้องเที่ยวแล้วล่ะ เดี๋ยวเดินไม่ไหว เพราะว่าเขา 63 แล้ว เลยเที่ยวกันตลอดค่ะ ก็ไปกับพี่ต๋อยและพี่แตงภรรยาพี่ต๋อยบ้าง 2 คู่ และหลานๆ ได้เที่ยวในเวลานี้ก็สู้กันสุดใจค่ะ ไปแล้วเรามีความสุข ไม่ต้องไปคิดเยอะ สุขภาพแหม่มแข็งแรงดีค่ะ จากที่เป็นไตก็หาย ลุกขึ้นมาเปลี่ยนชีวิต ไม่กลั้นปัสสาวะ หันมาออกกำลังกายมากขึ้น เล่นโยคะอยู่บ้าน เล่นมาสิบกว่าปีแล้วค่ะโยคะเบาๆ ที่บ้าน ดูหนังดูซีรี่ส์ไป แล้วเราก็คิดจินตนาการไปว่าเราจะเติมอะไรตรงไหนเข้าไปบ้าง เพื่อมาต่อยอดงานของเรามีความสุข อาหารการกินก็ดูแล คือเช้าเที่ยงกินเต็มที่แต่เย็นจะกินแค่ผลไม้จานใหญ่ๆ นมน้ำเต้าหู้ปั่น อารมณ์ดีด้วยค่ะยิ้มแย้มแจ่มใส
สิ่งที่ได้จากวงการนี้
แหม่มดีใจรู้สึกว่าตัวเองมีบุญที่ได้มาอยู่ในวงการที่เรารัก วงการนี้ให้อะไรมากมาย แหม่มอาจจะไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างเหมือนใคร แต่ทุกวันนี้วงการให้เราทุกอย่าง ให้สามี (ยิ้ม) ให้อาชีพ ซึ่งเราไม่คิดว่าจะเข้ามาเลย และวงการนี้ใครบอกว่าไม่ดีไม่จริงค่ะ คุณเข้ามา คุณอย่าแค่กอบโกย คุณต้องให้เขาด้วย คุณอาจจะไม่ได้โด่งดัง แต่คุณก็ต้องสร้างคนให้วงการ สร้างผลงานทิ้งไว้ วงการบันเทิงเป็นสิ่งที่ดีมาก อยู่ที่คนเข้ามาแล้ว คุณใช้วงการนั้นเป็นหรือเปล่า
ทิ้งท้ายถึงแฟนๆ
ถ้าแหม่มเล่นละครเรื่องไหนก็ขอให้ติดตามนะคะ ให้ดูผลงานไปเรื่อยๆ ถ้าเห็นแหม่มเล่นละครเรื่องไหนก็แปลว่าแหม่มดูแลละครเรื่องนั้นแหละ (ยิ้ม) ทุกวันนี้ไปไหนมาไหนก็มีคนเข้ามาทักทายเยอะ ยังจำได้ แต่บางคนก็บอกว่าแม่เขาดู แม่เขาจำได้ และให้ถามว่าเราอายุเท่าไหร่พอบอกไปเขาก็ตกใจ บอกว่าเขายังไม่เกิดเลย รู้สึกภูมิใจนะเขาจำเราได้นี่ดีใจมากค่ะ
ด้วยความรักในอาชีพที่ทำ ด้วยความเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนร่วมวงการ จึงไม่แปลกที่ “แหม่ม-เทพยุดา ศรียาภัย” จะเป็นที่รักของทุกคนมาอย่างยาวนาน
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี