วันพฤหัสบดี ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / บันเทิง
5 บทบาทความเป็น ‘ชาย’  ของหนุ่มมาดเข้ม : ฌอห์ณ จินดาโชติ

5 บทบาทความเป็น ‘ชาย’ ของหนุ่มมาดเข้ม : ฌอห์ณ จินดาโชติ

วันเสาร์ ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.
Tag : ฌอห์ณ จินดาโชติ
  •  

ได้โอกาสพิเศษ ช่วงพักจากการโปรโมทละคร “ลูกไม้ลายสนธยา” ที่กำลังทำเรตติ้งดี๊ดีทุกคืนวันจันทร์-อังคาร 2 ทุ่มครึ่ง ให้กับ ช่อง 7HD “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” จึงรีบเข้าประชิดตัว นั่งข้างพระเอกหนุ่มมาดเข้ม ฌอห์ณ จินดาโชติ เพื่อค้นตัวตนความเป็นสามีแห่งชาติ กับ 5 บทบาทในชีวิตจริง!! มาฝากกันค่ะ

ลูกชาย


ความสัมพันธ์กับคุณแม่ ธัญมน จินดาโชติ ... ผมถูกเลี้ยงแบบฝรั่งปนไทยครับ ด้วยความที่เราไปเกิดที่โน่น(อเมริกา) วัฒนธรรมช่วงหนึ่ง ก็จะเป็นแบบฝรั่ง คือ Do Everything For Yourself ทำด้วยตัวเอง ก็จะคุ้นเคยกับการที่ต้องช่วยเหลือตัวเอง ปั่นจักรยานต้องเป็นเร็ว กล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง กล้าถาม เวลาเรียนจะไม่ใช่มานั่งเงียบ ติดขัด หรือสงสัย ต้องไม่อายที่จะโชว์โง่ เพราะว่ามันจะโง่กว่า ถ้าเราปล่อยให้ความโง่นั้น ไม่ได้เกิดการเรียนรู้

คุณแม่ผมค่อนข้างจะสอนความเป็นไทยในเรื่องของมารยาททั่วไป การเข้าหาผู้ใหญ่ เรื่องของจิตใต้สำนึก ความละเอียดอ่อน ความเป็นคนไทยดีมากในเรื่องของความเห็นใจผู้อื่น หรือช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่า ได้ความโอบอ้อมอารีจากคุณแม่ ภาพที่คุ้นเคย คือการที่แกเลี้ยงสัตว์พิการ เอามาช่วยเหลือตลอดเวลา จนเราชินกับการที่หมาตัวนี้ขาหัก หมาตัวนี้ตาบอด หมาตัวนี้เป็นมะเร็ง ก็จะทำให้เรารักสัตว์ไปด้วย

แต่ว่าความเป็นฝรั่งของผมก็คือจะทำอะไรเอง ดูแลตัวเอง ไปอยู่กองโดยไม่เอาใครไปอยู่ด้วย เพื่อที่เราจะได้ฝึกในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น บางทีความเป็นตัวเองก็ดี แต่การที่เรารู้จักปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ ก็เป็นเรื่องที่ดีกว่าคุณแม่สอนในเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เด็กทำให้ความเป็นตัวตนหล่อหลอมได้เร็วขึ้นครับ

ช่วงมาอยู่เมืองไทยแรกๆ ผมจะเจอคำว่า “ความแตกต่าง” บ่อย แต่แม่บอกว่า “แตกต่างได้ แต่อย่าแตกแยกก็พอ”นั่นคือคำที่จริงมากเลยครับ ผมจึงคิดว่าอย่าอายที่จะเป็นตัวเอง และก็พรีเซ็นต์ในสิ่งที่เราชอบ การที่เราเจอตัวตนเร็วทำให้เราเสียเวลาน้อยลง แต่ก็อย่านำในสิ่งที่เราเป็น ไปขัดขวางเส้นทางของใครแรกๆ ผมจะไม่ชอบถ้าเขาผิด แล้วไม่ยอมรับ แล้วก็ยังดื้อดึง นั่นเป็นสิ่งที่จริงๆ แล้วไม่ควรไปคาดคั้นเขา คือถ้าตราบใดเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องปล่อย เรามีหน้าที่เป็นเด็ก ก็ฟังและนิ่งเฉยไว้ แต่ตอนนั้นเราอาจยังไม่เข้าใจ ผิดก็คือผิด เพราะฝรั่งใช้ I กับ YOU แล้วก็ชื่อไม่มีพี่ เขา เรา นาย ท่าน ผิดก็คือผิด แล้วก็ขอโทษผมว่ามันเท่กว่า ไม่ต้องอายที่จะทำ เหมือนผมผิดต่อหวานผมก็ยังขอโทษเขาเลย ผมว่าสถานการณ์หลายๆ อย่างดีขึ้นได้ เพียงแค่เรา ขอโทษ ครับ.. ซึ่งตรงนี้คุณแม่ปรับจูนให้ผมเป็นผมทุกวันนี้ครับ

ลูกชายในแบบฌอห์ณ... คือผมเกิดมาในครอบครัว ที่มีกันอยู่แค่นี้ ผมมีพี่สาว กับคุณแม่ เพราะฉะนั้นก็ไม่แปลกที่ผมเป็นสมาชิกผู้ชายคนเดียวในบ้านที่มีหลายหัวโขนที่ต้องทำ ความสัมพันธ์กับแม่ก็จะมีหลายโหมดฟังก์ชั่นครับ บางทีเราทำในฐานะลูก บางทีเราทำในฐานะคนที่รักกัน บางทีวันวาเลนไทน์ เขาก็ควรได้รับดอกไม้ เพราะผมเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนควรได้รับดอกไม้จากผู้ชายที่เขาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกดี บางคนบอกตลกดีนะให้ดอกไม้แม่ในวันวาเลนไทน์ แต่ผมรู้ว่าเขาไม่ได้รับดอกไม้มามากนัก แล้วผมเริ่มจากเด็กที่ซื้อตามถนนไม่กี่บาท พอโตช่อดอกไม้ก็จะโตขึ้นตามวัยตามฐานะ ซึ่งจริงๆ แม่ผมไม่ชอบดอกไม้เลย เขาบอกว่ามันเป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองมากๆ แต่ผมก็บอกว่าความหมายของมันไม่ได้อยู่ที่ราคา แต่ความหมายคือคุณก็ยังสมควรได้รับดอกไม้ คือเป็นมูลค่าที่เราซื้อความสุขให้เขาในช่วงเวลาหนึ่งได้ครับ ซึ่งผมทำในฐานะที่เป็นคนรัก เป็นคนที่คอยซัพพอร์ตทุกอย่าง บางอย่างไม่ว่าเราจะถูกแค่ไหนหรือเขาจะผิดแค่ไหน สุดท้ายเราต้องรู้จักที่จะยอม ผมว่าเป็นการสอนที่ดีอย่างหนึ่ง คือยอมแพ้ให้กับคนที่เขารักเราจริง ไม่เคยเป็นเรื่องเสียเวลา หรือเสียเกียรติ เพราะว่าจะทำให้ความสัมพันธ์เราดำเนินไปได้เรื่อยๆ ครับ ด้วยวัยของคุณแม่คงจะปรับเปลี่ยนอะไรได้ยาก แต่ตัวเรายังคงปรับเปลี่ยนได้ สุดท้ายแล้วทุกเรื่องมันต้องมีหนึ่งคนที่ทำผิด แต่มันไม่เป็นหรอก ถ้าเราจะเป็นคนผิดเองถ้ามันทำให้ความสบายใจเกิดขึ้น และเราสามารถแบกรับตรงนั้นได้

เพราะฉะนั้นผมถึงไม่อายที่จะแสดงความรักกับคุณแม่ บ้านผมผู้หญิงเป็นคนแข็งหมดเลยครับ ผมว่าผมสายซอฟต์สุด แล้วผมก็โชคดีที่พระเจ้าประทานพรให้ผมแบบอยากจะทำอะไรให้ เซอร์ไพรส์เล็กๆ น้อยๆ บ้านผมไม่ค่อยจับมือกอดหอมอะไรกัน แต่ผมว่ามันต้องมีใครคนหนึ่งที่ออกมาทำซึ่งก็กลายเป็นผมครับ(หัวเราะ)

น้องชาย

พูดถึงพี่สาว พลอย จินดาโชติ (คุณพลอยนี่เป็นที่สุดของชีวิตผมเลยครับ เขาเลี้ยงผมมา แม่ผมตอนอยู่เมืองนอกเขาต้องทำงาน คุณพลอยก็จะเป็นทั้งพี่เลี้ยง คนป้อนข้าวป้อนน้ำ คนสอนการบ้าน เขาก็เลยเป็นแม่คนที่สองของผม ความสัมพันธ์ของเรา ด้วยระยะวัยค่อนข้างห่าง ต่างกัน 6 ปี แต่ผมก็จะมองว่าเขาคือต้นแบบในทุกเรื่อง เขาไม่ได้เป็นแค่พี่สาว แต่เป็นเหมือนแม่ แล้วก็แฟนครับ(หัวเราะ) ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง เป็นความสัมพันธ์ที่พูดกันน้อยมากๆ แต่ว่าไม่เคยห่าง อยู่เคียงข้างกันตลอด ทุกเวลาที่สุข ทุกข์ หรือมีปัญหา ผมก็จะอยู่ในสถานะที่สามารถเป็นรองให้เขาได้ทุกเรื่อง ผมจะยกให้เขาถูกเสมอครับ

มุมเติมกำลังใจให้กัน...ทุกเดือนผมจะไปหาคุณพลอย ไปเงียบๆ จังหวะที่เขาอยู่บ้าน ไปช่วงเขาหลับไปนั่งดูเขาตอนหลับ ตลกมากนะ(หัวเราะ) แต่ผมอยากเห็นมุมที่เขาได้พักผ่อน เพราะเขาเป็น แม่ ก็น่าจะเหนื่อย เวลาเขาตื่นมาเห็นเขาก็จะเว้อนิดหนึ่ง(หัวเราะ) เพราะผมจะนั่งอยู่ตรงโซฟามองเขา ด้วยความที่ผมพูดกับเขาน้อยมาก คิดถึงกันแต่ก็ไม่ค่อยได้แสดงออก ก็จะใช้แสดงออกทางอื่นแทน อย่างแอบซื้อของไปให้หลาน เป็นข้ออ้าง จริงๆ ก็อยากไปหาเขา แต่ทุกครั้งที่เกิดอะไรกับเขา ผมว่าผมเป็นเหมือนฟังก์ชั่นแรก ผมว่าเขาน่าจะรู้ครับ

น้าชาย

มุมน้าชายของ น้องเวลา (หลานสาววัย 6 ขวบ)กับ น้องที่ดี(หลายชายวัย 3 ขวบ) รักมากครับรักเหมือนลูกตัวเอง คือลิงค์มาจากเขาคือลูกของคุณพลอย ผมก็เลยตั้งปณิธานของตัวเองว่า ถ้าเขามีลูกผมก็จะรักลูกเขาเหมือนรักตัวเอง แล้วก็คิดว่าเด็กคนนี้ต้องสบาย เพราะว่าตอนเด็กผมลำบากมา ผมก็คิดว่าอะไรที่เขาอยากได้ ในวัยแห่งความเหมาะสม ในช่วงเวลานี้ ที่เด็กยังไม่รู้หรอกว่ามูลค่ามันเท่าไหร่ ผมก็จะให้ใครอาจจะบอกว่าตามใจ แต่ชีวิตผมเคยอยู่ในช่วง5-9 ขวบ มองอันนี้แล้วมันไม่ได้ เดี๋ยวตอน 10 หรือ 15 ขวบ ค่อยบอกเขาว่าของทุกอย่างมีมูลค่า มันหามาด้วยความลำบาก ต้องเห็นค่ามัน แต่ตอนนี้ก็ได้สอนให้เขาเก็บของเป็นที่เป็นทาง แต่ไม่อยากขัดความฝันเขาผมทำงาน ผมรู้สึกว่าไม่ได้เหนือบากกว่าแรง ผมรู้สึกว่าเด็กเวลาที่ได้เป็นผู้รับ เขามีความสุขมาก เขาก็พร้อมที่จะเป็นผู้ให้ แต่ถ้าเด็กไม่เคยเป็นผู้รับเลย เขาก็ไม่รู้จะให้อะไร ผมก็เลยเติมใส่ๆ และเสนอตัวทุกอย่าง อยากจะจ่ายค่าเรียนอันนั้น ขอพาไปที่นั่นที่นี่ ทุกเทศกาล วันเกิดทั้ง 2 คน และก็วันเรียนวันแรก วันแสดงโชว์ที่โรงเรียนของเขา ผมก็จะไป พี่ผมบอกตลอด ว่าผมสปอยหลานมาก(หัวเราะ)

“เวลา” เหมือนพลอยมากครับ กล้าเผชิญทุกสถานการณ์ มีความเป็นผู้ใหญ่ ชอบเรียนรู้ รักน้องมากเขาจะชอบเตะบอล ปีนป่าย พัฒนาการในการเรียนรู้สูงครูฝรั่งเขาจะชมตลอดเวลา ว่าเวลาเป็นเด็กที่มีส่วนร่วมดีที่ผมภูมิใจมาก คือเขา GOOD HEART เป็นเด็กที่มีจิตใจดี ผมเคยซื้อกล่องสีให้เขาอย่างดีเลย แล้วก็บอกเขาว่าเก็บสีที่เราชอบไว้ใช้นะ อยากให้เวลาได้ใช้ของน้า แล้ววันนั้นผมไปโรงเรียน ในคลาสระบายสีเด็กฝรั่งก็มายืมเขา สีชมพูที่เขาชอบก็โดนเอาไป ผมก็โมโหมาก พอเขาพักเบรก ผมก็ถามเขา สีชมพูไปไหน เขาก็บอกมีคนยืมไปเราก็โมโหแทน แต่เขากลับบอกว่า “เวลามีเยอะแล้ว”เราก็เลยรู้สึก โอ้โห... แล้วปรากฏว่าวันนั้น เขาต้องใช้สีดำ แล้วเขาบอกในคลาสว่า สีดำเป็นสีโปรดผม มันเลยยิ่งตื้นตัน ดีใจครับ คือเด็กเก่งเป็นความโชคดีที่ได้แต่เด็กดีเป็นสิ่งที่หายาก ผมเข้าใจความรู้สึกเลย เวลามีคนที่เรามากกว่าตัวเอง แล้วเขาเป็นคนดี มันตื้นตันมากนะครับ

“ที่ดี” เหมือนผมเลยครับ(หัวเราะ) ขี้แง อ้อนแม่เล่นแรง แต่ผมรับเข้ามากเลยนะ แม่เขาก็จะเอ็นดู เป็นเด็กที่แบบพี่เก่งไปหมดเลย เขาก็อยากจะเป็นตัวของเขา เราก็พยายามซัพพอร์ต พี่เขาเก่งภาษาอังกฤษ เราก็จะบอกไม่เป็นไรเดี๋ยวเราไปเก่งภาษาจีน ไปเก่งเตะบอล ตอนแรกงงๆ กับเขาอยู่ แต่ตอนหลังก็เหมือนกระจกสะท้อนตัวเอง เมื่อก่อนพี่ผมเก่งทุกอย่างเลย แล้วตอนนั้นเราทั้งดำ อ้วน พี่เราหน้าตาดี เข้าวงการตั้งแต่อายุ 15แต่ตอนนั้น 9 ขวบยังเป็นเด็กฟันเหยิน หัวเกรียน เราก็จะเข้าใจความรู้สึกเขา เราก็จะบอกเขาว่าไม่ต้องอายในสิ่งที่เป็น แต่รักพี่ให้มากๆ ผมก็จะบอกเวลาว่า เวลารักที่ดีนะ เพราะถ้าวันหนึ่งน้าไม่อยู่ มี๊ไม่อยู่ พาพ่าไม่อยู่ไม่ใครอยู่ 2 คนนี้จะทำให้ชีวิตมันเดินต่อไป ก็จะสอนเขา สอนที่ดีด้วยว่า เวลาได้อะไร ถ้าเราได้ก่อน ต้องแบ่งพี่เวลา ซึ่งเขาก็จะรักกันมาก 2 คนพี่น้อง แบ่งปันกันตลอด หรืออย่างที่ดีโดนทำโทษ ให้ยืนติดกำแพง เวลาก็จะร้องไห้ หลานๆ เลยกลายเป็นความสุข ในช่วงเวลานี้ของผมมากๆ เลยครับ

นักแสดงชาย

จริงๆ แล้วความใฝ่ฝันผมคืออยากทำงานข้าราชการ ผมเรียนด้านรัฐศาสตร์ สังคมมนุษย์ เพื่อพัฒนาบุคคล พัฒนาองค์กร ชุมชน ความตั้งใจตอนเด็กคืออยากช่วยเหลือคุณ อยากลงภาคสนาม ชอบมากตอนทำค่ายสร้าง รู้สึกเราเป็นของเรา ผมเห็นหลายคนที่ทำ สภาพเขาไม่ได้ดูดีนัก เขากินเหล้าสูบบุหรี่หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เขาทำเพื่อคนอื่น คนแบบนี้ผมชอบมากเขาเป็นแบบอย่างการที่ลงมือทำจริงๆ เราอย่างทำแบบนั้นแต่ชีวิตจับพลัดจับผลูมาทางนี้ ผมตั้งปณิธานอย่างเดียวเลยว่า ที่ผมมาเป็นนักแสดง เพราะอยากสานฝันให้

คุณพลอย ผมเห็นเขาเป็นนักแสดงตั้งแต่เด็ก แล้วรู้ว่าเขาเหนื่อยมาก ส่วนหนึ่งก็คือส่งเสียให้ผมเรียน เขาบอกฌอห์ณไม่ต้องเป็นนักแสดงนะ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี พี่รับผิดชอบตรงนี้เอง แต่ผมรู้สึกว่ามีโอกาสมา ผมก็อยากช่วยเขา แต่พอทำไปถึงจุดหนึ่ง วันหนึ่งที่เขาต้องมีครอบครัว มีลูก ผมรู้ว่าเขายังอยากเป็นนักแสดงอยู่ เขามีความสามารถมาก การแสดงเขาลึกกว่าผมเยอะ
แล้วเขามีเอกลักษณ์ แม่ก็บอก ถ้าลูกไม่อยากทำ ก็ไม่ต้องทำนะ แต่มันมาแล้ว ถ้าจะเดินออกไป ก็ต้องให้คนจำแต่จำที่ดีนะครับ ไม่ใช่ไปตีรันฟันแทงใคร อยู่ให้คนรัก จากไปให้คนจำ ทุกวันนี้เลยตั้งใจทำงาน ในฐานะนักแสดงให้ดีที่สุด เพราะเรามีนามสกุลเขาอยู่ เวลารับรางวัลอะไร ผมก็จะพูดชื่อเขาก่อน เขาเป็นครูทางการแสดงของผม และครูในชีวิตด้วย การเป็นนักแสดงสำหรับผม มันเหนื่อยนะ เหมือนคุณทำงาน 24 ชั่วโมงจริงๆ เพราะชีวิตส่วนตัวคุณจะถูกทุกคนจับจ้องตลอด เวลาไปเที่ยวกับเพื่อน ผมก็จะเกรงใจเพื่อน เพราะคนเขาจะสนใจเรา ทำให้โมเม้นต์การท่องเที่ยวเปลี่ยนไป แต่มันคืออาชีพ เราเลือกแล้ว เราก็ต้องยอมรับ และผมโชคดี ที่มีเพื่อนดี ทั้งในวงการและนอกวงการที่เข้าใจ และสนับสนุน ผมไม่ใช่เด็กที่เรียบร้อย และไม่ใช่โทนสีชัดเจน ไม่ดำก็เทา แต่คนหลายๆ คนก็ยังเอ็นดูและให้โอกาสในหน้าที่การงาน และพร้อมที่จะเข้าใจอยู่เสมอ ซึ่งถือเป็นความโชคดีของผมมากครับ ที่มีผู้ใหญ่รอบตัวที่ดีเยอะมาก ผมภูมิใจทุกครั้งเวลาที่มีคนเรียกผมว่า “นักแสดง” มากกว่า “ดารา” ผมไม่ชอบให้ใครเรียกดารา เพราะผมรู้สึกว่าไม่ใช่วิชาชีพ ดาราคือสิ่งที่คนมองว่าสวยงาม แต่นักแสดงคือการทำงาน ได้ค่าตอบแทน และจ่ายภาษี เป็นอาชีพที่ผมภูมิใจครับ

นักเขียน

เริ่มจากผมเป็นนักอ่านมาก่อนครับ ความสัมพันธ์ของผมกับคุณพ่อ เริ่มมาจากการอ่านหนังสือ แล้วก็เป็นสิ่งเดียวที่ผมชอบมาก อ่านอะไรก็ได้ ตั้งแต่เด็กๆ เพราะคุณพ่อจับให้อ่าน เวลาไปงานสัปดาห์หนังสือ ก็จะเจอนักเขียนเซ็นให้มีความสุขในการอ่านนะครับ แล้วผมมานั่งคิด หนังสือ 200 กว่าบาท อ่านเร็วๆ ก็ 4-5 ชั่วโมงจบแต่มันให้แรงบันดาลใจคนได้หลายๆ คน แล้วหนังสือเป็นวิชาชีพที่ไม่ค่อยมีคนทำ ผมรู้สึกว่าผมชอบเล่าเรื่องของคนอื่น ในมุมมองที่ดี ให้คนอื่นฟัง แล้วเขาก็จะบอกว่าผมมีสำบัดสำนวนในการเล่าที่โอเค จากที่เราอ่านเยอะ เราก็เริ่มมาเขียน และรู้เรื่องของการเกริ่น กลาง ปิดพอทำหลายๆ ครั้ง โพสต์ไอจีแล้วก็ชอบเล่ายาวๆ ก็เลยเกิดเป็นความตั้งใจ อยากลองทำ ซึ่งคนงงมาก ผมก็ได้เรียนด้านนี้มา แล้วเขียนเยอะสุดของผมก็คือตอนทำวิทยานิพนธ์จบ ที่แก้ไปแก้มา(หัวเราะ)

จนมีคนหยิบยื่นให้เขียนคอลัมน์ ก็เขียนๆพอเขียนไปเขียนมา จนวันหนึ่งไปบวช ก็ได้ความตั้งใจว่าเรามีความรู้สึกกับการมีชีวิตของเรา และคนรอบตัวเราประมาณหนึ่ง เราน่าจะเอามาบอกคนรุ่นใหม่ได้นะแต่กลัวขายไม่ออก ก็เลยบอกเจ้าอาวาส ท่านก็บอกว่าเมื่อเราตั้งใจดี อย่าคิดถึงผมที่ตามมา เพราะการทำดีไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่ประโยชน์ไม่มากก็น้อย แล้วแต่บุญวาสนาจะส่งไป ผมก็ไปเลย โทร.หา “คุณโหน่งวงศ์ทะนง” ไปพรีเซ็นต์เหมือนเด็กที่อยากจะเข้ามหา’ลัยเขาก็ถามผมว่า “เหตุผลอะไรที่คุณคิดว่าหนังสือเล่มนี้จะขายได้ ถ้าคุณไม่ใช่ดารา?” ผมบอกว่า “พี่เบื่อไหม สื่อที่ดาราเล่าเรื่องตัวเอง เคล็ดลับลดความอ้วน ความสำเร็จเกิดอย่างไร ตายอย่างไร ไม่มีใครอยากรู้เรื่องคนอื่นมากนักหรอก นอกจากเรื่องของตัวเอง แต่ผมเป็นเพียงคนที่ทำงานในที่แจ้ง และได้ไปเจอคนในที่ลับ คนที่มีแอติจูดดีๆ แต่เขาไม่ถูกพิคอัพมาจากสังคม เรื่องไม่ได้ยาวเกินที่จะทำให้ง่วงหรอก 2-3 แผ่น แล้วก็รูปภาพ แต่ในบรรดา 30 เรื่องที่เขียน ต้องมีเรื่องหนึ่งบ้างแหละที่จุดประกายอะไรคนอ่านสักอย่าง ผมว่านั่นล่ะเป็นจุดขาย ความที่เราเป็นกระบอกเสียง นำเรื่องราวของที่ลับ เรื่องราวดีๆ อย่าง รปภ.คนหนึ่งส่งลูกจบ ปริญญาโทเขาไม่ดูถูกอนาคต ไม่ดูถูกโชคชะตา และทำให้มีวันนี้”พี่เขาฟัง เขาก็คิดสักพัก แล้วบอก “โอเค ซื้อ!” ดีใจครับดีใจเหมือนเอ็นทรานซ์ติดเลย(หัวเราะ) เพราะงานเขียนเป็นทางที่เราชอบ เป็นตัวตนของเราที่ไม่ต้องประดิษฐ์ การเป็นตัวของตนเองดีที่สุดละ แต่ผมอาจจะโชคดีที่ได้เล่นละครเป็นคนอื่น ก็เลยได้แง่คิดจากชีวิตของแต่ละคนมาใช้ และอาจจะโชคดีด้วยที่ตอนนั้นละครมา กระแสมาทำให้หนังสือขายหมดไว และก็ทำให้ผมกลายเป็นนักเขียนเรื่อยๆ มาครับ ตอนนี้ผมกำลังทำเล่นที่ 2 และก็จะมีโปรเจกท์พิเศษ โปรเจกท์โฟโต้บุ๊ค หรืองานทำหนังสือให้กับมูลนิธิบ้างครับ

หันมาสนใจเรื่องการถ่ายภาพ จริงๆ งานเขียนมาก่อนครับ ตอนนั้นเรื่องถ่ายรูปยังหาทางของตัวเองอยู่แต่รู้ว่าตัวเองชอบถ่ายขาวดำ ผมว่าการถ่ายภาพขาวดำ เป็นอะไรที่ยากที่สุดนะ ถ้าคุณเห็นดอกไม้เห็นสีของมันคุณก็จะว่ามันสวย แต่ถ้าลองถ่ายขาวดำ ถ่ายให้สวยยากนะ แต่ผมชอบเพราะมันรีล ขาวดำคือจุดต้นกำเนิดของภาพฟิล์ม ผมอยากทำให้เขาเห็นว่าขาวดำไม่เศร้านะขาวดำมีความหวัง ภาพคนรักกันก็เป็นขาวดำได้นะ มีสิ่งมีชีวิตอยู่แค่ 2 อย่างที่มองเห็นเป็นภาพสี คือมนุษย์ กับลิงชิมแปนซี แต่สัตว์อื่นๆ ล้วนเห็นเป็นขาวดำ หรือภาพแบบจับความร้อน ทำไมเพราะเจ้าถึงให้ภาพสีแค่มนุษย์กับลิง นั่นอาจจะแปลว่าบางอย่างความเป็นขาวดำอาจจะเป็นสัจธรรม เป็นมาตรฐานโลกก็ได้ ผมคิดแบบนั้นและผมก็เริ่มที่จะจับภาพสแนป สตรีทไป ผมว่าแล้วแต่คนว่าชอบบริโภคแบบไหน แต่นี่คือแนวทางของเรา สไตล์เราเหมือนงานศิลปะไม่มีคำว่าผิด การแต่งตัวก็ไม่มีคำว่าผิดแล้วแต่รสนิยมของผู้บริโภค ฉะนั้นคุณไม่สามารถไปตัดสินใครได้ว่าผิดดีไม่ดี เพราะมาตรฐานและกฎเกณฑ์ของคนแต่คนไม่เท่ากัน

คงไม่ต้องสงสัยว่าผู้ชายคนนี้ ทุ่มเทความรักให้กับครอบครัวและหน้าที่การงานมากแค่ไหนเพราะระหว่างนั่งพูดคุย ทิชชู่หลายแผ่น ได้รองรับน้ำตาแห่งความตื้นตันจากผู้ชายอบอุ่นคนนี้ ...ฌอห์ณ จินดาโชติ

กัลลัตตา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

กรมอุตุฯประกาศฉบับ 10 เตือนพายุ'หวู่ติบ' กระทบอีสานมีฝนเพิ่มขึ้น-ฝนตกหนัก!

(คลิป) 60 เสียง แห่งจริยธรรม ประชาคมแพทย์ ประกาศสู้

ดับแล้ว110ราย! เหตุเครื่องบิน'แอร์อินเดีย'โหม่งโลก หลังบินขึ้นได้เพียงแค่5นาที

'บินลิง วู'นายทุนจีน คดีนอมินี ตึกสตง. ถล่ม มอบตัว DSI ส่งพนักงานอัยการพิจารณา

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved