คิวท์บอยเนื้อหอม จากรั้วจุฬาฯ “อิน-สาริน รณเกียรติ”สู่บทบาททางการแสดงในละครเรื่อง “ดวงใจในไฟหนาว”ทางช่อง 3 ด้วยกระแสความแรงที่กำลังพุ่งสุดๆ เราจึงไม่รอช้าพาหนุ่มอินมาให้ทุกท่านรู้จักกัน
จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิง
ย้อนไปตอนเรียนอยู่ปี 4 ที่จุฬาฯ ครับ อินได้เป็นตัวแทนนักศึกษาเชิญธงในงานฟุตบอลจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ แล้วเกิดมีเทรนด์ในทวิตเตอร์ จากรูปที่เขาเอาไปโพสต์กัน หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ ก็มีทีวีติดต่อเข้ามาพร้อมกัน 4 ช่อง และหนึ่งในนั้นก็คือช่อง 3 เลขาของ “พี่สมรักษ์” (สมรักษ์ ณรงค์วิชัย) บอกว่าอยากให้ไปแคสซีรี่ส์ลูกผู้ชาย ซึ่งเขากำลังจะเปิดโปรเจกท์นี้ ตอนแรกผมไม่ได้สนใจงานวงการบันเทิงเลยนะครับ ไม่งั้นก็คงไม่อยู่มาจนถึงปี 4 เพราะจริงๆ โดนทาบทามมาตั้งแต่อยู่ปี 1 แล้ว แต่อินรู้สึกว่าอินเล่นไม่เป็นแสดงไม่เป็น ไม่เข้าใจด้วยว่าอะไรคือการแสดง แต่ว่าพอมีคนติดต่อมาเยอะขนาดนั้น ก็เลยคิดว่า หรือเราควรจะลองสักตั้งนึง (ยิ้ม)อีกอย่างเรากำลังจะเรียนจบด้วย ยังไม่มีงานทำ น่าลองดู ก็เลยตัดสินใจเข้ามาแคสซีรี่ส์ลูกผู้ชาย ของช่อง 3 แต่แคสอยู่ครึ่งปีนะครับ คืออินแคสตอนปลายเทอม 1 แล้วเทอม 2 พอดีได้ทุนไปเรียนที่เกาหลี ก็เลยคิดว่าน่าจะไม่ได้แล้ว เพราะว่าอินไม่อยู่ให้แคส ซึ่งงานนี้เขาใช้เวลาแคสนาน จำได้ว่าจาก 300 คน เอา 3 คน เราก็แคสทิ้งไว้ แล้วบินไปเกาหลี ปรากฏว่าทีมงานติดต่อกลับมาว่าให้ไปแคสอีกรอบนึง ก็เลยชั่งน้ำหนักดูว่าจะเอายังไง สุดท้ายก็เลยตัดสินใจซื้อตั๋ว แล้วบินกลับมา แต่มันไม่ใช่แค่รอบเดียวนะครับ คือต้องบินไปมาเพื่อแคสถึง 4 รอบ รอบสุดท้ายตอนที่ได้ลงคาแร็กเตอร์เนี่ย แทบร้องไห้ เพราะว่ามันเป็นคาแร็กเตอร์ที่ค่อนข้างดุเดือดมาก มันเป็นเรื่องราวของการสู้ชีวิต เรารู้ตัวว่ามันห่างไกลจากคาแร็กเตอร์ในชีวิตจริงของตัวเรามาก ก็คิดว่าเราคงจะไม่ได้หรอก ก็บินกลับไปเกาหลีอีก แต่สรุปว่าได้ ก็เลยคุยกันจากเกาหลีมาไทย พอบินกลับมาช่วงปีใหม่ ก็เลยได้เริ่มเปิดกล้องถ่ายทำ
ช่วงหนักหน่วงของชีวิต
แอ๊กติ้งไม่ได้เลยครับ (หัวเราะ) ในขณะที่ทุกคนเขาผ่านการแอ๊กติ้งคราสในช่องเรียบร้อยแล้ว คือนักแสดงจะมี 3 คู่ เพราะว่ามี 3 เรื่อง เรายังอยู่เกาหลีแอ๊กติ้งไม่เคยผ่านมาก่อนเลย เจอนางเอกวันแรก ก็ที่กองเลย ตอนนั้นยังหัวทองเหมือนนักแสดงอิมพร์อตมาจากเกาหลี (หัวเราะ) แล้วเรียนก็ยังไม่จบ ต้องทำธีสิสต่ออีก ดังนั้นช่วงเปิดกล้องเรื่องภูผา ก็จะเป็นช่วงทำธีสิสไปด้วยอินทำงาน 7 วัน 24 ชั่วโมงเลย หนักมาก แต่ว่าก็สนุกมากจริงๆ ซึ่งต้องยกเครดิตให้ “พี่ชุ” (ชุดาภา จันทเขตต์)“พี่ก้อง” (ปิยะ เศวตพิกุล) แล้วก็ครูสอนแอ๊กติ้งโค้ชครับ พี่ชุนี่แทบจะไม่กำกับคือเรียกว่าลงไปเล่นแทนอินเลยดีกว่า (หัวเราะ) ทุกคนช่วยกันติวเข้มให้มาก เพราะว่าเราเริ่มจากไม่รู้มุมกล้องเลยด้วยซ้ำ
เมื่อเกิดความอินกับตัวละคร
แอบท้อครับ ร้องไห้เลย ไม่ได้คิดอยากหนีนะ แต่ด้วยความที่เริ่มแรกมาบทมันก็ยากมาก มีอยู่ฉากนึงหลังจากที่เราเสเพลไปเป็นนักเลงแล้ว เราคิดว่าเราจะกลับตัวมาเป็นคนดี แต่ว่าวิธีการของนักเลงคือเราจะต้องไปบู๊คาดเชือก เราต้องไปต่อยกับหัวหน้าแก๊ง ถ้าเรายังยืนได้ภายใน 3 นาที เขาก็จะยอมปล่อยเราไป อันนี้คือเหนื่อยมากเพราะนอกจากเราจะไปเรียนบู๊ซึ่งมันไม่ใช่ทางเราอยู่แล้ว อินเนอร์ระหว่างการถ่ายทำ 4 ชั่วโมง มันต้องเป็นอินเนอร์สู้ชีวิตจริงๆ ถ่ายกันถึง 5 ทุ่ม พอสั่งคัตปุ๊บร้องไห้เลยมันเป็นความรู้สึกครึ่งนึงคือไม่เคยเหนื่อยอะไรขนาดนี้มาก่อนอีกครึ่งนึงเป็นความรู้สึกของตัวละครที่แบบต้องสู้แต่ว่าก็เสียใจแต่ร้องไห้ไม่ได้ พอคัตปุ๊บเลยร้องไม่หยุดเลยครับ รู้สึกอินมาก ร้องเป็นชั่วโมงจนพี่ชุให้พักกอง เพราะรู้ว่าเล่นต่อไม่ได้แน่นอน
เปิดใจให้กับการแสดง
เปิดใจตั้งแต่ที่เราตกลงว่าจะเข้ามาเป็นนักแสดงแล้วครับ เปิดใจแล้ว แต่ว่ายังไม่เข้าใจเฉยๆ แล้วพอเรามาเรียนรู้จากพี่ชุ จากพี่ๆ ทุกคน มันเลยทำให้เข้าใจการแสดงมากขึ้น และกลายเป็นชอบ สนุกด้วยซ้ำ แม้ว่ามันจะหนักและสาหัสสากรรจ์ก็ตาม
กับอนาคตที่เป็นไป
อินเรียนจบสถาปัตย์มาจากจุฬาฯ แต่ว่าก็ยังได้ใช้ความรู้ตรงนี้อยู่นะครับ เพราะว่าที่บ้านทำอสังหาริมทรัพย์ ฉะนั้นวันที่ไม่ได้ถ่ายละครหรือว่าเป็นนักแสดง เราก็ทำอาชีพเป็นผู้ช่วยด้านการออกแบบของที่บ้าน ทำออกแบบอพาร์ตเมนท์ ออกแบบลานจอดรถต่างๆ ให้คุณพ่อ-คุณแม่
ความฝันในวัยเด็ก
ไม่ได้ฝันว่าอยากจะมีอาชีพอะไรนะครับ ฝันแค่ว่าอยากจะสร้างบ้านซึ่งอาชีพอะไรละที่จะสร้างบ้านได้ก็คือสถาปนิกนั่นเอง คือตอน ม.3 อินถึงรู้ว่าอ๋ออาชีพสร้างบ้านมันมีด้วยนะนั่นคือสถาปนิก อินชอบบ้านที่ตัวเองอยู่ในวันนี้มากนะครับ เพราะว่าคุณพ่อออกแบบเองมันจะมีห้องเหมือนในหนังคือห้องใต้ดิน ทางเดินลับ ตู้ลับที่อยู่ในกำแพง มีห้องของเล่นที่เป็นบ้านบอลซึ่งคุณพ่อทำห้องเจ๋งมาก เราก็จะชอบบ้านของตัวเองตั้งแต่เด็กเลย อยากจะสร้างบ้านบ้าง คุณพ่ออินเป็นสถาปนิก แต่เขาก็ไม่ได้บังคับว่าเราจะต้องเจริญรอยตามนะครับ แต่เราชอบเอง เหมือนว่าเรามีคุณพ่อเป็นไอดอล
แฟนคลับของอิน
เคยจัดแฟนมีตครับเมื่อ 2 ปีแล้ว จัดแบบเล็กๆ ไปทำบุญต่างจังหวัดกัน ทริปทำบุญนี่ทำหลายครั้งแล้วครับทำบุญในกรุงเทพฯกับโรงพยาบาลต่างๆ เราพยายามหากิจกรรมที่ทำร่วมกันที่มันเกิดประโยชน์ ก็ดีใจนะครับที่มีพวกเขา ผมรู้สึกว่าจากการที่เราไม่เคยทำอะไรเลยไม่เคยมีผลงานการแสดง เราไม่ใช่ดาราเป็นคนธรรมดาแล้วมีคนมาชื่นชอบ หลายคนเขาชื่นชอบเราก็เพราะว่าเราเรียนเก่งการที่เราสามารถเอนท์ติดจุฬาฯได้ ก็จะพยายามเป็นตัวอย่างที่ดีหรือว่าให้ข้อคิดดีๆ กับน้องๆ คือจะมีน้องๆ มาถามเยอะและมีหลายโรงเรียนที่อยากให้เราไปบรรยาย ซึ่งเราก็จะบอกเสมอว่าการเรียนเป็นสิ่งสำคัญแต่ว่าไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเราก็ต้องให้ความสำคัญกับอย่างอื่นด้วย อย่างอินเนี่ยก็ไม่ใช่ว่าจะเรียนเก่งนะครับ เพียงแต่ว่าอินเป็นคนแพ้ไม่เป็น จบจุฬาฯ มาได้เกียรตินิยมก็เพราะว่าแพ้ไม่เป็น (ยิ้ม) อยู่กับกลุ่มเพื่อนเราก็แบบทำไมเพื่อนเรียนเก่งกันจังเลย แต่เราแค่ 2.7 มันไม่ได้นะ คือไม่ได้อยากชนะเพื่อน แต่ว่าถ้าเพื่อนทำได้เราก็ต้องทำได้สิ ปี 4 ได้ 3.6 จบมาก็ได้เกียรตินิยมอันดับ 2 ครับ
แรงสนับสนุนที่สำคัญ
ที่บ้านก็อนุญาตให้เข้ามาในวงการครับ สนับสนุน คุณพ่อชอบด้วย เพราะว่าตอนหนุ่มๆ พ่อชอบบอกว่าตัวเองเหมือน “พี่เคน-ธีรเดช” คุณพ่อมีความอยากเป็นดาราอยู่ (หัวเราะ) พอลูกได้เป็นนักแสดงพ่อก็เลยชอบ แอบสมัครไอจี ทวิตเตอร์ ตามฟอลโล่ลูก
เรื่องของหัวใจ
โสดครับ โสดสนิท สำหรับสเปกผู้หญิง ถ้าบอกไปทุกคนก็คงจะตลก คืออินจะชอบผู้หญิงที่แต่งตัวเยอะ เปรี้ยวเท่ แต่ว่าข้างในเป็นคนเรียบร้อย ซึ่งมันดูขัดกันนะ (หัวเราะ) ยอมรับว่าแฟนเก่าอินเป็นอย่างนี้เลยครับอินชอบผู้หญิงเก่ง ดูสวยเก่งแต่ข้างในแบบว่าง่ายๆงุ้งงิ้งจะเป็นกุลสตรีทำกับข้าวได้หรือเปล่า อันนี้ไม่จำเป็นครับ
จากใจอินถึงแฟนๆ
ขอฝากละครทั้ง 3 เรื่องนะครับ ตอนนี้ที่กำลังออกอากาศอยู่ก็คือเรื่อง “ดวงใจในไฟหนาว” ส่วนซีรี่ส์ลูกผู้ชายเรื่อง “ภูผา” ก็กำลังจะออนแอร์ อีกเรื่องที่กำลังถ่ายทำอยู่ก็คือ “ทองเอกหมอยาท่าโฉลง” เป็น 3 เรื่อง3 คาแร็กเตอร์ อินก็ตั้งใจกับบทที่ได้รับและสิ่งที่เราเลือกแล้ว เพื่อที่คนดูจะได้เห็นในหลายมุมของเรา รวมทั้งการแสดงของเราเองที่เราจะได้พัฒนาไปก็พยายามจะเป็นนักแสดงที่ดีให้ได้ในวันนึงครับ เข้ามาติดตามและทักทายกันได้ครับที่ @inpitar
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี