คอลัมน์สตาร์เรโทร สัปดาห์นี้ เริ่มต้นปีใหม่ด้วยเรื่องราวของผู้ชายที่ได้รับฉายาว่า “แมวเก้าชีวิต” “แมน” วทัญญู มุ่งหมาย กับเรื่องราวชีวิตการฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อเข้าวงการบันเทิงไม่ใช่เพราะแมวมอง แต่เพราะพรแสวง และหัวใจที่มีความมุ่งมั่น และทุกย่างก้าวของเขาคนนี้ตอกย้ำเสมอว่า “ชีวิตต้องมีการวางแผน” ถึงจะได้มาซึ่งความสำเร็จ ที่คุณผู้อ่านต้องติดตามพร้อมแง่คิด และมุมมองสำหรับคนที่ต้องการก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง
เริ่มต้นจากการประกวดร้องเพลง
“ตอนนั้นย้อนไปประมาณปี 2525 ก็ประมาณ 30 ปีที่แล้วอายุผมราวๆ 15-16 ปีอยู่ ม.5 ผมเริ่มต้นจากการประกวดร้องเพลงของโรงเรียนวาทินี ซึ่งถ้าเทียบกับสมัยนี้เวทีนี้เปรียบเสมือนการประกวดของอคาเดมีแฟนตาเซียซึ่งสมัยก่อนอยู่ที่ช่อง 9 แต่ตอนนี้โรงเรียนนี้ก็ยังมีอยู่ที่ช่อง 11 คือเป็นการประกวด 5 ภูมิภาค ตามจังหวัดต่างๆ เพื่อหาแชมป์ประเทศไทย ผมได้ตำแหน่งนักร้องดีเด่นของประเทศไทยนะครับแล้วก็เป็นนักร้องป๊อปปูล่าร์โหวตของเมืองไทย ประเภทเพลงไทยสากล และเพลงสากล”
เข้าสู่กรุงเทพฯเพื่อทำตามฝัน
“ด้วยความที่เราอยากเป็นศิลปิน แต่ว่าสมัยก่อนตอนเด็กๆ ผมเกิดที่จังหวัดอุบลราชธานีทำให้คิดว่าถ้าผมอยู่ที่นั่นเราก็คงไม่ได้เป็นหรอกศิลปิน ตอนนั้นเลยตัดสินใจเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อมาเรียนพิเศษเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย แล้วเป็นช่วงที่เขามีการสอบผู้ประกาศของกรมประชาสัมพันธ์ ผมเลยตัดสินใจมาสอบปรากฏว่าเราสอบครั้งเดียวผ่านเลยเป็นผู้ประกาศ ตอนนั้นอยู่ ม.6 หลังจากนั้นมันอยู่ในระหว่างการสอบเอนทรานซ์นี่แหละ ก็ไปด้วยความอยากอยู่ในวงการบันเทิง ซึ่งสมัยก่อนการเข้าวงการมีหลายแบบแต่ของเราจะเข้ามาโดยความสามารถที่ต้องแข่งขัน ไม่ใช่แมวมองไปมองนะครับ คือแข่งขันให้ได้ที่ 1 ทุกอันเพื่อที่จะก้าวเข้าไปสู่จุดมุ่งหมายได้ง่ายขึ้น แต่ต้องดูตัวเองก่อนว่าเหมาะสมไหมก็ไปดูในกระจกว่า อืม...หน้าตาเราก็พอใช้ได้นะ บุคลิกก็โอเคนะการพูดภาษาอังกฤษก็ใช้ได้ หลังจากนั้นก็เลยไปสอบเป็นนักเรียนการแสดง”
เป็นผู้ประกาศข่าวชายคนแรก
“เป็นจังหวะที่ช่อง 7 เปิดรับสมัครนักเรียนการแสดงรุ่นแรกผมเลยตัดสินใจไปสอบ ตอนนั้นมีคนมาสมัครเยอะมาก3-4 หมื่นคน แต่เขารับแค่ 7 คน ซึ่งเราก็คือคนที่ได้อยู่ 1 ใน7 คนนั้นด้วย ตอนนั้นคุณสุรางค์ เปรมปรีดิ์ เป็นผู้อำนวยการฯครับแล้วก็ดูแลในเรื่องต่างๆ ท่านให้ทุนหนึ่งปี ไปเรียนกับครูแอ๋ว ครูญาณี จงวิสุทธิ์ แล้วคุณครูอีกหลายท่านก็ระดับปรมาจารย์ทั้งนั้น ที่มาสอน แล้วก็เรียนการแต่งหน้าทุกอย่าง มีสอนการพากย์หนัง การจัดรายการ สอนการแสดงอะไรต่างๆ พอเราเรียนจบได้ใบประกาศของช่อง 7 คุณแดงเขามีสัญญาว่าจะต้องให้เป็นนักแสดง หรือนักจัดรายการ ซึ่งตอนนั้นผมมีใบผู้ประกาศอยู่แล้วเลยตัดสินใจเลือกมาศึกษาในเรื่องของการจัดรายการก่อนแล้วกัน แล้วเป็นจังหวะเดียวกับที่เราต้องสอบเอนทรานซ์ด้วย ทำให้ผมตัดสินใจเลือกเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง ในคณะรัฐศาสตร์ ตอนนั้นมีเวลาก็คิดว่าจะเรียนการแสดงช่อง 7 ด้วยแล้วก็จะไปจัดรายการวิทยุด้วย คืออะไรมันเข้ามาหลายอย่างมากแล้วในขณะเดียวกันโชคมันมาเยอะแยะเลย คุณแดงได้ให้ผมเป็นผู้ประกาศชายคนแรกของช่อง 7 ปกติเป็นผู้หญิง เขาก็เลยปั้นผมเป็นผู้ชายคนแรก และคนเดียวไม่มีอีกแล้วในประเทศไทย แล้วหลังจากนั้นมันไม่มีใครแล้ว เพื่อที่จะเป็นบันไดไปสู่การอ่านข่าวต่อ ซึ่งผมโชคดีได้ คุณจักรพันธ์ ยมจินดา เป็นครูสอน คุณศันสนีย์ นาคพงศ์ มาเทรนด์ให้ด้วย ซึ่งพอทุกอย่างเข้ามาผมเลยตัดสินใจเบรกเรื่องเรียนไว้ก่อน”
บันไดสู่การเป็นศิลปิน
“ตอนนั้นหลายสิ่งเราได้ทำแล้วแต่คิดว่ามีอีกสิ่งหนึ่งที่ยังไม่ได้ทำคือการร้องเพลง ก็เลยตัดสินใจไปร้องเพลงในร้านอาหารก่อน แต่ก็เลือกร้านที่เราคิดแล้วคือสมัยนั้นพี่คิดแบบเด็กๆ เป็นคนคิดแบบว่าถ้าไปจุดนี้เราจะไม่ไปอย่างประกวด การประกวดร้องเพลง ปกติบางคนประกวดเยอะหลายเวที เราประกวดเวทีเดียวจบเลยเพราะว่าได้รางวัลใหญ่แล้ว แต่บางคนเขาจะเขียนใบสมัครผ่านการประกวดเวทีนู่น เวทีนี่เยอะมากเลย คนเขาไม่ค่อยชอบอ่านอย่างนั้นหรอก เขาชอบว่าประกวดเวทีเดียวจบถูกไหม เวลาเราได้รางวัลอันนี้สูงสุดนะมันจะได้คัดเลือกง่าหน่อย คือไม่ใช่ของโหล เหมือนบางคนไปประกวดรางวัลใหญ่ๆ ฝากถึงเยาวชนคนอื่นด้วยว่าเด็กรุ่นใหม่เนี่ยไม่ได้ทำแบบนี้ เด็กรุ่นใหม่นี่ไปประกวดเยอะเต็มไปหมดมันไม่ได้วางแผนไว้ทำให้ดูเกร่อทำให้ดูไม่มีคุณค่า อันนี้เล่าให้ฟังเพราะว่าอยากให้ทุกคนวางแผนเราต้องพอใจในสิ่งที่เราได้ตรงนั้นแล้วพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม ผมก็เลยวันนั้นรู้สึกจะไปประกวดร้องเพลงใน ช่อง 9 แล้วได้พบกับ พี่ “ตู่”นันทิดา แก้วบัวสาย นะครับ ในระหว่างที่ตรงนั้นร้องเพลงอยู่คนละห้อง ผมก็เข้าไปขอเบอร์โทรศัพท์เลยเป็นเด็กที่กล้ามาก ชื่อแมน-วทัญญู เขาก็มอง งงๆ ไปขอในห้องแต่งตัวผู้หญิงขอไปพี่เขาก็บอกว่าเอ่อ เอาไปทำไมคะ พี่ก็บอกว่าผมเป็นนักร้องประกวดอยู่ห้องข้างๆ นี่ผมได้แชมป์ครับ 5 ภูมิภาคร้องเพลงไทยสากลก็ได้ เพลงสากลก็ได้ พี่เขาก็แบบเอ้ย!!หน้าตาใช้ได้นี่เอาเบอร์พี่ไป ไปหาพี่ที่ร้านนะ ร้านนันทิดาบ้านนันทิดาที่ลาดพร้าว ตอนนี้ไม่มีแล้ว ตอนนั้นดังมากแล้วหลังจากนั้นก็คิดไงว่าอยากจะไปร้องเพลงก็เลยเข้าไปสมัครเลยที่ร้านที่พี่ตู่ที่เขาบอกมา แล้วพี่ตู่เขาก็รับเลย แต่ผมก็ต้องวางแผนอีกนะแมนมาร้องทุกวันไหมเราก็บอกร้องทุกวันไม่ได้หรอกพี่ ผมต้องเรียนหนังสือด้วยจริงๆ ผมเรียนรามมันร้องได้ทุกวัน แต่เราวางแผนไงขอร้องสักสองวัน วันที่คนเยอะๆ วันไหนที่เราโชว์ตัวได้เราก็ไปร้องแล้วแขกก็ติด พี่ตู่เลยไปบอกให้อากู๋มาดู อากู๋-ไพบูลย์ ผู้บริหารของแกรมมี่ มาดูเรามันเลยเป็นที่มาของการเป็นศิลปิน”
เริ่มต้นเข้าสู่วงการเพลง
“จริง ๆ ระหว่างนั้นมีคนชักชวนผมเข้าสู่วงการแสดงด้วย ผมก็ลังเลใจสุดท้ายเราเลยเลือกเซ็นสัญญากับแกรมมี่ผมเซ็นสัญญาใกล้ กับเบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ นะ พี่เบิร์ดเซ็นได้ไม่ถึงปี ผมก็เซ็น แล้วหลังจากนั้นก็มี บิลลี่ โอแกนไปเซ็น พอไปเซ็นทำงานกับแกรมมี่ ตอนนั้นทางค่ายก็มองว่าจะปั้นนักร้องคนนี้ยังไง เลยให้ผมไปจัดรายการวิทยุก่อนได้ไปจัดกับ “พี่ฉอด” สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา สมัยก่อนพี่เขาเป็นนักจัดรายการคลื่น FM 107.1 MHz กองบัญชาการทหารสูงสุด หลังจากนั้นแกรมมี่เขาก็เซ็นสัญญากับบิลลี่โอแกน ให้ไปเป็นนักร้อง แล้วให้บิลลี่มาจัดรายการก่อนแล้วให้มาทำรายการกับผม รายการ “ฉันรักเพลง” ถือเป็นรายการที่มีพิธีกรคู่แรกของประเทศไทยที่เป็นผู้ชายคู่นะนี่คือตำนานเหมือนกัน หลังจากนั้นก็จะมีคนนั้นคนนี้มาจนปัจจุบัน ซึ่งสมัยก่อนมีแต่พิธีกรคนเดียว นี่แหละคือที่มาด้วย ที่มาของดูโอ้ในปัจจุบันนี้ ซึ่งรายการกระแสตอบรับดีมาก จดหมายเยอะมาก แต่ต่อมาต่างคนต่างต้องทำภารกิจต่างๆ ก็เลยหยุดรายการในขณะที่รายการยังพีคอยู่นะครับ และหลังจากนั้น ผมกับ บิลลี่ ก็แยกกันไปออกเทปอัลบั้มเดี่ยว”
ผลงานเพลงชุดแรก
“งานเพลงชุดแรกของผม “วันแรกเจอ” ได้รับเสียงตอบรับดีนะครับ เพลงนี้ พี่เล็ก-บุษบา เป็นคนแต่งโดย คุณพันทิวา สินรัชตานันท์ เคยร้องไว้เห็นแล้วหลังจากนั้นผมก็ได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปร้องที่ฮ่องกงด้วย และระหว่างนั้นผมก็มีงานแสดงเข้ามา”
เรื่องราวของผู้ชายคนนี้ “แมน” วทัญญู มุ่งหมายแมวเก้าชีวิต ยังไม่จบเพียงเท่านี้ นี่เพียงแค่การเริ่มต้นใครจะรู้บ้างว่าทุกย่างก้าวของผู้ชายคนนี้ได้ผ่านทั้งร้อนทั้งหนาว การต่อสู้เพื่อเข้าวงการบันเทิงด้วยตัวเองจนสามารถทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกาศข่าว พิธีกร นักจัดรายการวิทยุ ศิลปิน และแม้แต่นักแสดงและอาทิตย์หน้าพลาดไม่ได้กับเรื่องราวการเดินทางบนสายบันเทิงของเขาที่แม้นจะดูเหมือนพระเจ้าเข้าข้างแต่ก็เขากลับต้องเจออุปสรรคครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตจนไม่สามารถร้องเพลงได้อีก อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรต้องติดตาม!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี