มาแล้ววววว!!!! สำหรับเรื่องที่หลายคนรอคอยอย่าง โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ เกาะมหาสมบัติของโนบิตะ และอีกไม่นานก็จะได้ดูกันแล้ว โดยวันนี้เราจะมาอุ่นเครื่อง และบอกเหตุผลว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงห้ามพลาด กับ ' 8 เหตุผลที่ต้องดู โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ เกาะมหาสมบัติของโนบิตะ ' ไปดูกันเลยย.. #DoraemonTheMovie2018 #เกาะมหาสมบัติ

1. ไม่ใช่การรีเมค!

เชื่อว่าหลายคนคงคิดว่า ภาคนี้คือการรีเมคจากมูฟวี่ภาค ผจญภัยเกาะมหาสมบัติ หรือ ผจญภัยทะเลใต้ ในปี 1998 เพราะเป็นธีมโจรสลัดเหมือนกัน. ถ้าคุณคิดอย่างนั้นอยู่.. ผิดครับ!!ภาคนี้ไม่ใช่รีเมค แต่เป็นภาคออริจินอลที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก นิยาย 'Treasure Island' ของ Robert Louis Stevenson นี่จึงเป็นการออกล่าสมบัติครั้ง 2 ของโนบิตะและผองเพื่อนนั่นเอง ซึ่งถ้าทีมงานกล้าทำเรื่องธีมซ้ำเดิมแบบนี้ ก็คงจะมั่นใจได้ว่าต้องมีของดีแน่ๆ  สำหรับแฟนๆ ที่เคยดูภาคปี 1998 อาจจะจำได้ว่านิยาย Treasure Island นี้ คือเล่มเดียวกับที่โนบิตะอ่าน และกระตุ้นเขาให้ออกตามล่าสมบัติในครั้งก่อน

2.การกลับมาอีกครั้งของมินิโดร่า 

ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงในปี 2005 อาจจะทำให้แฟนๆรู้สึกคิดถึงพวกเขาเหล่านี้ อย่าง ' มินิโดร่า ' ซึ่งในช่วงโดราเอมอนยุคใหม่นี้ จะเห็นได้ว่าบทของพวกเขาจางลงไปมาก หรือแทบไม่มีเลย อาจจะเป็นสาเหตุจากการไม่ได้เป็นตัวละครต้นฉบับ. แต่ในภาคนี้!!! พวกเขาเหล่านี้จะกลับมาเต็มรูปแบบ หลังจากที่ไม่ได้มีบทบาทเด่นอย่างยาวนาน ยิ่งไปกว่านั้น.. จะไม่ได้มีแค่สีแดงสีเดียวซะด้วยย (ถึงแม้จะเป็นตัวแดงย้อมสีอื่นก็เถอะ แหะๆ) แต่มันก็ทำให้เรานึกถึงยุคที่พวกเขามีหลายสี และโด่งดังซะมากๆ เอาเป็นว่าสาวกมินิโดร่าเตรียม กรี๊ดดดดด.. ได้เลย!!!

3.ลายเส้นสุดคลาสสิคมีกลิ่นอายจากยุค 80s

แฟนรุ่นเดอะต้องมีร้อง.. เฮ้ย!! กันบ้างแหละ เพราะลายเส้นตัวละครภาคนี้มันช่างดูคุ้นเคยซะเหลือเกิน เพราะลายเส้นภาคนี้มีการอ้างอิงไปถึงแบบในยุค 1980 จากการออกแบบของYoshimichi Kameda แต่ถึงแม้ดีไซน์ตัวละครจะเป็นแบบเก่าแต่บอกได้เลยว่าฉากหลัง สีสัน และเอฟเฟกต่างๆ ก็ยังคงสดใหม่เหมือนเดิม สบายใจได้ว่าในภาคนี้เราจะได้ดูภาพอันลื่นไหลแบบยุคใหม่ แต่แฝงด้วยกลิ่นอายความคลาสสิคแน่นอน!! และนี่ถือเป็นครั้งแรกในโดราเอมอนยุคใหม่ที่ใช่ลายเส้นคล้ายยุคเก่า ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ผู้กำกับ Kazuaki Imai เคยได้ให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ' ปัจจุบันนี้ความรู้สึกและอารมณ์ของอนิเมชั่นยุคเก่าค่อยๆหายไป และอาจเป็นเรื่องยากของอนิเมเตอร์ในสมัยนี้ในการทำ แต่มันคือสิ่งที่เราควรรักษาไว้

4.ทุบสถิติเพียงเดือนเดียวและปิดรายได้กว่า 5.37 พันล้านเยน

เป็นการการันตีความนิยมของมูฟวี่ภาคนี้ โดยสามารถทำลายสถิติรายได้ของทุกภาคที่ผ่านมาโดยใช้เวลาเพียง 32 วัน แซงภาคที่แล้วที่ปิดด้วยรายได้ 4.43 พันล้านเยน และปิดด้วยรายได้ไปกว่า 5.37 พันล้านเยน!!!! ทำสถิติใหม่ และถือเป็นรายได้ 120 เปอร์เซ็นต์จากภาคที่แล้ว

5.รับประกันความซึ้งจากมือเขียนบท YOUR NAME

Genki Kawamura นักเขียนชื่อดังจากเรื่อง If Cats Disappeared From the World และการเป็นโปรดิวเซอร์และหนึ่งในทีมเขียนบทจาก Your Name หลับตาฝันถึงชื่อเธออนิเมะที่เรียกได้ว่าโด่งดังที่สุดในยุคนี้ก็ว่าได้

และในคราวนี้เขาผู้นี้จะได้มานั่งแท่นเขียนบทให้กับ ภาคนี้ ซึ่งหายห่วงเรื่องบท และความซึ้งไปได้เลย ก่อนเข้าโรงเตรียมทิชชู่และผ้าเช็ดหน้าเป็นพอ เรียกได้ว่าจะเป็นหนังที่มีการผจญภัยแบบโดราเอมอนและดราม่าที่ดูโตขึ้นที่สามารถมาดูกันได้ทั้งครอบครัว แว่วมาว่าดราม่าเรื่องครอบครัวจะหนักหน่วงซะด้วย ใครเป็นสายนี้เตรียมใจไว้เลยละกันนน

6.จากทีมงานในฉบับทีวีซีรีย์สู่การเป็นผู้กำกับภาคมูฟวี่ 

Kazuaki Imai ชื่อนี้อาจจะไม่คุ้นหูนัก แต่ชายผู้นี้เป็นผู้ที่ถูกเสนอชื่อโดยมือเขียนบทคนดังโดยตรง แท้จริงแล้วเขาเป็นทีมงานและผู้กำกับให้กับโดราเอมอนในฉบับทีวีซีรี่ย์นั่นเอง พูดได้เลยว่าความใกล้ชิดกับโดราเอมอนของเขานั้นไม่เป็นสองรองใคร  ซึ่งเขาก็มีบทบาทสำคัญอย่างมากในความสำเร็จในภาคนี้ เช่นการดึงตัวนักออกแบบลายเส้นที่เคยร่วมงานจากเรื่อง Paroru no Miraijima มาออกแบบอีกด้วย

7. เพลงประกอบจากแฟนตัวยง

เป็นที่รู้กันว่า Gen Hoshino นั้นเป็นติ่งโดราเอมอนตัวยงมาเนิ่นนาน นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีมากที่เขาได้มาทำเพลงประกอบให้โดราเอมอนถึง 2 เพลง ทั้งเพลงเพลงแทรกอย่าง [ ここにいないあなたへ (แด่เธอที่ไม่ได้อยู่ที่นี่) ] ที่เรียกว่าฟังแล้วกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่ และเพลงปิดอย่าง [ DORAEMON ] ที่มีความโดราเอมอนมาเต็มมากๆ(เต็มจริงๆนะ)

8.ครั้งแรกในประวัติศาสตร์อันดับ1 DVDที่ขายดีที่สุด

ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยยืนยันจากการได้ที่ 1 เพลงที่ขายดีที่สุดจาก ORICON Ranking และอันดับ 1 เพลงอนิเมะยอดนิยม 4 สัปดาห์ติดจาก Japan Billboard  โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ 2018 ในรูปแบบ DVD ภาคนี้ได้ทำยอดจำหน่ายกว่า 7000 ก็อปปี้ เปิดตัวสูงสุดอันดับ 1 จากเว็บไซต์ ORICON.   อาจจะไม่น่าแปลกใจนักถ้าดูจากรายได้การฉายของหนัง แต่เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของโดราเอมอน เดอะมูฟวี่เลยทีเดียว ในการคว้าตำแหน่งนี้ได้ ถึงแม้จะเคยมีโดราเดอะมูฟวี่ 2016 ที่เฉียดฉิว แต่ก็สามารถคว้าได้แค่เพียงที่ 2