“ป๊อปปี้-ชนม์นิภา วิเศษสุด” นางเอกส้มหล่น ผู้ได้โอกาสประเดิมจอเงินครั้งแรก แล้วยังได้ประกบกับ2 นักแสดงรุ่นพี่เลือดอีสาน “ริท-เรืองฤทธิ์ ศิริพานิชย์” และ “เต๋า-เศรษฐพงศ์ เพียงพอ” ในภาพยนตร์เรื่อง “สี้น 3 ต่อน” จากค่ายเอ็มพิคเจอร์ส ซึ่งถือเป็นการทำงานของวัยรุ่นเลือดอีสานที่ต้องจับตา!!
ความรู้จากห้องเรียนสู่การแสดงหน้าจอ
ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยทำอะไรที่เกี่ยวกับงานในวงการบันเทิงมาก่อน เคยแค่ประกวดดาวของมหาวิทยาลัยขอนแก่นค่ะ แต่ว่าหนูเรียนคณะวิทยาลัยนานาชาติ สาขานิเทศศาสตร์ หนูชอบมีเดีย ชอบงานเบื้องหลัง พอแสดงไปด้วยหนูก็จะสังเกตพี่ทีมงานเรื่องการจัดแสง การทำงานต่างๆ มันมีอะไรบ้าง หนูชอบดูว่าเขาทำงานยังไง แล้วก็ในเรื่องการแสดงตัวเองด้วยมันก็สัมพันธ์กัน ตอนแรกที่เลือกเรียนนิเทศหนูยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องมาแสดงหนัง แต่ที่เลือกเรียนก็เพราะรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้สื่อต่างๆ มีอิทธิพลกับคนมาก ทุกคนคือใช้สื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมีเดีย โทรทัศน์ วิทยุ คนที่เขาฟังข่าวก็ยังฟังอยู่ทุกวัน หนูก็เลยอยากศึกษาว่าเบื้องหลังมันคือยังไง แล้วหนูก็ได้เรียนโฟโต้ เรียนวีดีโอ การตัดต่อ ถ้าสมมุติว่าเราจะทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านสื่อเราอาจจะมีสตูถ่ายภาพหรือว่าอัดวีดีโอ หนูว่ามันก็เป็นงานที่น่าสนใจก็เลยเลือกเรียน ตอนนี้อยู่ปี 2 แล้วค่ะ หนูชอบที่เราได้ลองใช้อุปกรณ์ต่างๆ ได้รู้เทคนิคการถ่ายภาพ ถึงเราอาจจะยังถ่ายไม่เก่ง มันทำให้หนูรู้มากขึ้นจากที่ไม่รู้เลยว่านิเทศศาสตร์คืออะไร แล้วกลับมาที่ตัวเราเวลาที่มีคนมาถ่ายภาพเราเราก็รู้ด้วยว่าเราควรโพสท่ายังไง มันจะได้ทำงานง่ายขึ้น
หลงเสน่ห์การถ่ายภาพ
ก็จะสลับกันถ่ายให้เพื่อน ก็เรียนรู้กันไปหนูยังไม่ได้เก่งมาก ส่วนใหญ่จะถ่ายภาพพอทเทรด ก็จะได้ถ่ายให้เพื่อนบ่อย แล้วอยู่ในคราสโฟโต้อาจารย์ก็จะให้ออกไปถ่ายนอกคณะให้มาส่งบ้างมีการเล่นแสงตอนนี้การถ่ายรูปก็เลยเหมือนเป็นกิจกรรมยามว่างของหนูไปด้วย เวลาที่เราไปเที่ยวก็ได้ใช้ความรู้ตรงนี้ ไปเที่ยวทะเลภูเขากับเพื่อนเราก็จะมีมุม มีเทคนิคการปรับแสงตามที่เราเรียนมาหนูก็มีความสุข จากที่เป็นคนคนโดนถ่าย พอได้ถ่ายให้คนอื่นก็สนุกอีกแบบหนึ่งค่ะ และจะใช้ทั้งกล้องฟิล์มและกล้องดิจิทัล ชอบทั้ง 2 แบบ หนูชอบกล้องดิจิทัลที่มันช่วยเราทำให้เราถ่ายได้ง่ายใช้ได้ทุกที่ แต่ว่าพอเป็นกล้องฟิล์มมันก็จะมีเสน่ห์ของมันที่เราต้องปรับแสงปรับIOS เอง แล้วก็ต้องรอไปล้างอัด สอนให้เรารู้จักการรอคอยอย่างเช่นถ้าเราไปเที่ยวมาก็ยังดูรูปไม่ได้จนกว่าเราจะเอาไปล้าง หนูว่ามันเก็บความทรงจำได้มากกว่า มีคนใช้บางกลุ่มมันพิเศษกว่าดิจิทัลที่คนใช้ทั่วไป และหนูคิดว่าถ้าหนูยังชอบในเรื่องนี้มากๆ หนูอยากทำกับเพื่อนคือลองรับถ่ายภาพแบบว่ามีสตู ก็แล้วแต่ความสามารถของหนูในอนาคต (ยิ้ม) ก็พยายามฝึกอยู่ค่ะ แล้วมีเพื่อนๆ ที่เขาเก่งคอยสอนด้วย
กว่าจะมาเป็นนางเอก
คือทาง “เอ็มพิคเจอร์ส” กับ “บั้งไฟฟิล์ม” คือเจอหนูในไอจี ก็ส่งข้อความมาหาค่ะว่ามีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งซึ่งเป็นแนวอีสาน และหนูอยู่อีสานเป็นคนอีสานพอดี สนใจมาแคสหรือเปล่า หนูก็สนใจอยู่แล้วเพราะว่ามันลิงก์กับการเรียนของหนู คือเป็นบุคคลเบื้องหลังแล้วถ้าเรามีโอกาสได้ไปแคสก็อยากรู้ว่าเบื้องหน้าเขาทำงานกันยังไง ก็ไม่คิดว่าจะได้ มันเป็นประสบการณ์ใหม่ที่หนูคิดว่ามันน่าลองมากเขาเอาบทให้อ่านและให้ลองเล่นดู ตอนนั้นหนูยังไม่เก่งนะคะ ตอนนี้ก็ยังไม่เก่ง (หัวเราะ) ก็สรุปว่าได้หลังจากนั้นเขาก็ส่งหนูไปเรียนแอ๊กติ้งเลยนะคะ คือหนูก็ไม่ทราบว่ามีคนมาแคสเยอะไหม แต่เห็นว่าเขาไปที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นด้วย มีนักศึกษาที่มาลองแคส แต่ว่าตอนนั้นหนูไม่รู้เรื่องค่ะ มารู้ตอนที่เขาส่งข้อความไปหาก็เลยโอเคมาแคส แต่ก็ไม่ได้คาดหวังเลยนะคะว่าจะได้ หนูรู้สึกว่าเราทำเต็มที่แล้วมันก็สนุกดีได้ไม่ได้ไม่เป็นไรค่ะ เพราะว่าตอนแรกหนูก็ไม่คิดว่าหนูจะมาเป็นนักแสดงเลย อยากเป็นแอร์โฮสเตส
ปลดล็อกความเป็นตัวเอง
โอ้โห! ยาก หนูรู้สึกว่าถ้ากับคนเยอะๆ คนใหม่ๆ หนูก็ยังอายอยู่นะคะ แต่ถ้ากับคนที่หนูสนิทหนูก็จะพูดเยอะแล้วพอวันนั้นที่หนูไปก็ได้ละลายพฤติกรรมหลายอย่างคือมีครูร่มเป็นครูสอนการแสดง ซึ่งครูให้ทำตัวน่าเกลียดที่สุด แล้วหนูยืนคิดเลยค่ะว่าหนูจะทำยังไง (ยิ้ม) ตลอดชีวิตหนูพยายามทำตัวเองให้ดีให้ดูดี แต่เขาให้เราทำน่าเกลียด เหมือนกับว่าเขาอยากจะปลดล็อกความเป็นตัวเรา ให้เราเป็นคนอื่นได้ หนูนิ่งเลยค่ะไม่รู้จะทำยังไงให้น่าเกลียด ก็เลยทำตาเข ทำหลายอย่างแต่ว่ามันก็ยังไม่สุด ความจริงแล้วคือเขาอยากให้เราทำอะไรก็ได้ตามความรู้สึก ก็มีพี่มาทำให้ดูเขานอนกลิ้งกับพื้นส่งเสียงเหมือนสัตว์ประหลาดก็เลยทำให้เราได้เรียนรู้ พอได้ไปเรียนหลายๆ ครั้ง ก็เริ่มมั่นใจขึ้นค่ะ เวลาที่ครูให้ทำอะไรเราก็ทำตามเลยเพราะว่ามันเป็นผลดีกับเรา เราจะได้ไม่คีฟความเป็นตัวเองไว้และจะได้เป็นคนอื่นในหนังเรื่องอื่นๆ
ประกบ 2 พระเอกเลือดอีสาน
ก่อนที่จะมาเจอ “พี่ริท” (เรืองฤทธิ์ ศิริพานิชย์) “พี่เต๋า” (เศรษฐพงศ์ เพียงพอ) หนูก็มีความเครียดอยู่นะเพราะว่าพี่ๆ เขามีชื่อเสียงอยู่แล้ว และพี่เขามีผลงานกันมามาก ในคลาสการแสดงครูร่มก็ให้พี่ริท พี่เต๋ามาช่วยด้วยมาพูดคุยกันให้เราคุ้นเคยกันไม่กลัวกัน แต่หนูก็เขินๆอยู่นะคะ (หัวเราะ) เพราะว่าหนูชอบพี่เขา แล้วพอมาถึงหน้ากล้องจริงๆ ในสถานการณ์จริง พี่เขาก็แนะนำเรื่องการแสดงให้ รวมไปถึง “พี่หม่ำ” (เพชรทาย วงศ์คำเหลา)พี่ผู้กำกับและทุกคนในกองเขาก็พยายามดูแลเราอย่างดีเพราะว่าเราเป็นน้องใหม่คือทุกคนก็ใจดีมาก พอไปถึงกองความกดดันความเครียดก็ไม่มีค่ะ
ร่วมถ่ายทอดความเป็นคนอีสาน
ต้องพูดภาษาอีสานทั้งเรื่องเพราะว่าเป็นหนังอีสานเลยค่ะ โดยเรื่องราวจะเกิดขึ้นในเมืองขอนแก่นหมดเลย ก็ถ่ายที่ขอนแก่น ตัวหนูเองเล่นเป็นนักกายภาพบำบัดทำงานที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ แล้วพี่ริทก็มีร้านอาหาร ทำอาหารตามสั่งขาย ส่วนพี่เต๋าเป็นวิศวกร คาแร็กเตอร์จะเป็นคนสมัยใหม่ คือในเรื่องหนูเพิ่งอกหักมา คนรักเขาทิ้งไปโดยที่เราไม่รู้ว่าเราทำอะไรผิดทั้งที่เรารักเขามากๆ ก็เสียใจแล้วเหมือนเราเดินไปทำงานและพี่ริท พี่เต๋าเขาก็มาเห็นเราพร้อมกันพอดี เขาก็เลยตกหลุมรักเราพร้อมกัน และเขาก็ชอบเราโดยที่ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าชอบผู้หญิงคนเดียวกัน เขาก็เลยแข่งกันจีบหนู พาไปนู่นไปนี่ จนสุดท้ายเขาก็เลยมารู้ว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวกัน ความสนุกก็คือ 2 คน เป็นเพื่อนสนิทกันเขาแข่งกันไม่มีใครเสียสละให้เพื่อนเลย ต่อให้เป็นเพื่อนรักก็ตาม ก็ต้องมาลุ้นกันต่อในโรงภาพยนตร์นะคะว่าหนูจะเลือกใคร
การันตีความฮา
เป็นหนังตลกมากค่ะ นอกจากเรา 3 คนแล้วก็ยังมีพี่หม่ำด้วย เหมือนเอ็กซ์ตร้าที่เข้ามาบ่อยๆ และทุกครั้งที่พี่หม่ำมาจะสร้างเสียงหัวเราะได้แน่นอนรับประกัน อีกอย่างคือหนังเรื่องนี้จะทำให้คนรู้จักจังหวัดของแก่น เพราะว่าเราได้ไปถ่ายสถานที่สำคัญในจังหวัดขอนแก่นค่ะ อย่างเช่นวัดหนองแวง โรงพยาบาลศรีนครินทร์ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์และอีกหลายที่ จริงๆ หนูเกิดและโตที่จังหวัดร้อยเอ็ดแต่ว่ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งถ้าหนูไม่ได้เล่นหนังหนูก็คงจะรู้จักขอนแก่นในฐานะแค่นักศึกษาคนหนึ่ง รู้แค่ในมหาวิทยาลัย ในตัวเมืองคงไม่รู้จักขนาดนี้ และก็เชื่อว่าทุกคนที่ดูหนังคงจะรู้สึกแบบหนูว่ามันมีตรงนี้แบบนี้ด้วยเหรอ
ความภูมิใจของพ่อ-แม่
คุณพ่อ-คุณแม่สนับสนุนมากๆ ค่ะ คือทุกอย่างที่หนูเลือกเดิน เลือกทำ ตั้งแต่เลือกคณะ เลือกมหา’ลัยคุณพ่อ-คุณแม่ก็สนับสนุนว่าหนูอยากทำอะไรก็ให้หนูทำเต็มที่ อย่างหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ที่รู้ว่าจะมีโปรโมท พ่อ-แม่ก็โปรโมทกันให้ใหญ่เลย หนูก็ดีใจค่ะที่ทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจเพื่อนๆ ที่มหา’ลัยก็มีแซวเหมือนกันหนูก็รู้สึกว่าเรายังไม่ใช่ดาราดังขนาดนั้น ใจเย็นๆ นะเพื่อน เราแค่เป็นนักแสดงหน้าใหม่อยู่ ต้องใช้เวลาพัฒนาตัวเองต่อไปก่อน
ฝากภาพยนตร์เรื่อง “สี้น 3 ต่อน” ด้วยนะคะ เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของป๊อปปี้ ก็อยากจะให้ไปติดตามดูกันเยอะๆ รับรองว่าจะมีแต่ความสนุกและเสียงหัวเราะในโรงภาพยนตร์ค่ะ และสามารถติดตามไอจีป๊อปปี้ได้ที่@popppuppy ติชมและให้กำลังใจกันได้นะคะ
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี