วอลท์ ดิสนี่ย์ ประกาศวางแผนส่ง Star Wars ออกฉาย 3 เรื่องรวด พร้อมกับขยับหนังที่โลกรอคอยจนเหงือกแห้งไปแล้วอย่าง Avatar ออกไปอีก1ปี

ภาพยนตร์เรื่องใหม่“ Star Wars” ที่จะเข้าฉายปลายปีนี้ ประมาณวันที่ 20 ธันวาคม 2019 “Star Wars: Episode IX – The Rise of Skywalker” ล่าสุด ดิสนี่ย์ ยืนยันว่า จะมีอีก 3 ภาคตามมาในวันที่ 16 ธันวาคม 2022, วันที่ 20 ธันวาคม 2024 และวันที่ 18 ธันวาคม 2026

ขณะที่แฟน ๆ ของภาพยนต์เรื่องดังอย่าง “Avatar” ต้องรอต่อไปอีก 1 ปี โดย “ Avatar 2” จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 17 ธันวาคม 2021 แทนแผนเดิมคือ วันที่ 18 ธันวาคม 2020

นั่นหมายความว่า ภาค 3-5 จะขยับออกไปแน่นอน โดย “ Avatar 3” จะเข้าฉายในวันที่ 22 ธันวาคม 2023 ขณะที่“ Avatar 4” จะฉายในวันที่ 19 ธันวาคม 2025 แทน 20 ธันวาคม 2024 และ“ Avatar 5” จะ เปิดตัว 17 ธันวาคม 2027 

ข่าวดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Walt Disney Studios บริษัท กำลังเปลี่ยนแปลงการเปิดตัวภาพยนตร์ต่าง ๆ ที่สืบทอดหลังจากซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และโทรทัศน์จาก 21st Century Fox’s ด้วยมูลค่ามหาศาลถึง 71.3 พันล้านดอลลาร์ โดยก่อนหน้านี้เพิ่งประกาศเลื่อนกำหนดถ่ายทำ Indiana Jones ภาค 5 ไปถึงปี 2020 มาแล้ว

ทั้งนี้ ดิสนีย์ วางแผนว่า จะครองตลาดหนังในช่วงวันหยุดยาว ด้วยการสลับการฉายระหว่าง Star Wars กับ Avatar ในทุก ๆ ปี ตั้งแต่ 2021-2027 

สำหรับปีหน้า(2020) สตีเว่น สปีลเบิร์ก จะนำเสนอภาพยนตร์ 2 เรื่อง คือ “West Side Story” ซึ่งเป็นหนังรีเมค หลังจากประสบความสำเร็จ ละครเวทีที่บรอดเวย์เมื่อปี ค.ศ.1957 หรือปี พ.ศ.2500 เป็นครั้งแรกแสดงอยู่ประมาณ 2 ปี รวมถึง 732 รอบ ก่อนจะฉายในโรง ปี 1960 ซึ่งกำหนดจะเข้าฉายครั้งนี้ 18 ธันวาคม 2020

อีกเรื่องคือ Cruella นั้นเป็นหนึ่งในโปรเจกต์หนังที่เป็นการดัดแปลงมาจาก 101 Dalmatians อนิเมชันสุดคลาสสิคของดิสนี่ย์ เข้าฉาย 23 ธันวาคม 2020