ถือเป็นเสียงเชียร์จากแฟนๆ สถานีโทรทัศน์ ช่อง MONO29 (โมโน ทเวนตี้ไนน์) ได้ไม่น้อย กับการเปลี่ยนแปลงพร้อมต่อยอดการเป็นอีกหนึ่งช่องที่มีวิสัยทัศน์พร้อมผลักดันรายการข่าวให้มีคุณภาพ และเป็นกระบอกเสียงแก่ประชาชนทั่วไป โดยภาพต่างๆ เหล่านี้เริ่มชัดเจนและเห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เมื่อคนข่าวเลือดใหม่ มากประสบการณ์ในวงการข่าวกว่า 10 ปี “ต๊ะ-พิภู พุ่มแก้วกล้า” มาเป็นทัพหน้าในรายการ “ข่าวเช้า” (Good Morning Thailand) ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.30-07.30 น. ให้ทุกการเล่าข่าวเข้มข้นและทันต่อเหตุการณ์ และตีโจทย์ทำให้ช่องหนังดีซีรี่ส์ดัง เป็นที่พูดถึงในเรื่องข่าวไม่เป็นรองใคร

มองข่าวสมัยนี้อย่างไรบ้างคะ? กับการเล่าข่าวแต่ไม่ใช่การรายงานข่าว

“เพราะรอบตัวสามารถเป็นข่าวได้หมดเลยครับ โลกสมัยนี้มันเปลี่ยนไป ทุกคนสามารถเป็นสื่อกันได้หมด ข่าวหรือรูปแบบการทำข่าวมันแตกต่างจากเมื่อก่อนไปเยอะแล้วครับ จากเมื่อก่อนที่ต้องมีลำดับขั้นตอน มีคนที่สามารถเป็นผู้สื่อข่าว  มีคนเขียนข่าว มี บก.ข่าว พวกนี้เขาทำงานเป็นทีม เป็นกระบวนการ ก่อนที่จะเป็นข่าวๆ หนึ่งได้ มันใช้เวลาคัดเอาข่าวหลายเลเยอร์มากๆ แต่ว่าปัจจุบันข่าวมันง่ายมาก ใครอยู่ที่ไหนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเป็นคลิป เล่าเหตุการณ์คร่าวๆ ยังไม่ต้องรู้ถึงรายละเอียด ส่งขึ้นเฟซบุ๊คมาก็กลายเป็นข่าวได้แล้ว ทุกวันนี้เลยต้องปรับตัวค่อนข้างจะเยอะ เพราะไม่ได้แข่งแค่คนที่อยู่ในสายข่าวด้วยกัน แต่ต้องแข่งกับเวลา แข่งกับเทคโนโลยีที่หมุนไป แข่งกับทุกๆ คน รอบๆ ตัวเรา การทำข่าวก็จะสนุกขึ้น ท้าทายขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ยากขึ้นด้วย เพราะมันก็มีข้อดีและข้อเสีย ทุกอย่างที่เร็วมันก็จะมีความถูกต้องชัดเจนน้อย แล้วหลายๆ ครั้ง สิ่งที่นำเสนอไปมันก็ผิดซึ่งก็ต้องกลับมาแก้ไข

ขณะเดียวกันมันก็ทำให้ข่าวสามารถไปถึงผู้คนที่เป็นผู้รับสารหรือผู้เสพข่าวได้เร็ว ก็สามารถช่วยเหลือในเหตุการณ์ที่มันจำเป็นต้องการแก้ไข มีการช่วยเหลือที่เร็ว คือมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ ถ้าในแง่ของการเล่าหรือการอ่าน ก็ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับแต่ละสำนักข่าวหรือสถานีจะดีไซน์ออกมา ก็แตกต่างกันไป อ่านหรือรายงาน ทุกอย่าง คือ ความถูกต้อง ครบถ้วน  รวดเร็ว การเล่ามันก็ต้องใช้ในเรื่องของอารมณ์ร่วม มีเรื่องของการนำเสนอความคิดเห็นเข้าไปเล็กๆ น้อยๆ มันก็จะมีสีสัน ความบันเทิงเข้ามาผสมนิดหน่อย มันต้องขึ้นอยู่กับว่าคนเสพข่าวชอบแบบไหน

ผมชอบทั้ง 2 แบบนะครับ ในบางสถานการณ์บางข่าว บางเรื่องราว ไม่ต้องการความเยอะ ไม่ต้องการอธิบายอะไรที่มากมาย แค่รายงานว่าอะไรเกิดขึ้นที่ไหน? อย่างไร? จบ เช่น ข่าวอุบัติเหตุ ข่าวฆาตกรรม แค่ต้องการเนื้อหาใจความ ไม่ต้องละเอียดก็ได้ แต่บางข่าวที่เป็นข่าวนอกเหนือจากเนื้อหาความรู้ ความสามารถ หรือความเข้าใจพื้นฐานของเรา

ถ้ามีคนที่มานั่งเล่านั่งย่อยเรื่องยากให้เข้าใจง่าย และนำเสนอในแง่มุมที่มันลึกกว่าการอ่านทั่วไป ก็จะให้ประโยชน์แก่คุณผู้ชม เช่น ข่าวเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า หรือแม้แต่ประเด็นความลึกซึ้งทางการเมือง ฯลฯ ถ้าฟังแค่รายงานเฉยๆ อาจจะไม่เข้าหู แต่ถ้าฟังแล้ว มีคนที่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง คนฟังก็จะได้ประโยชน์มากกว่าครับ”

ในมุมของคนทำข่าว ชอบทำข่าวแบบไหน ระหว่าง เข้มข้นเจาะลึก หรือ ทันเหตุการณ์

“ชอบทั้งหมดครับ ถ้าเป็นข่าวที่เพิ่งเกิดขึ้น เช่น แผ่นดินไหว ผมก็ชอบเพราะมันทันเหตุการณ์ แล้วก็จะต้องพูดให้เร็วที่สุด เพราะมันจำเป็นที่จะต้องนำเสนอให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันการตื่นตระหนก เช่น มีข่าวไวรัสบางอย่างกลายเป็นโรคระบาดต้องได้รับการเตือนภัยให้เร็วที่สุดเพื่อป้องกันการติดต่อ ก็จำเป็นต้องรีบให้ทันต่อเหตุการณ์ ไม่ต้องละเอียดมาก รู้แค่ใจความหลักๆสัก 3 บรรทัดก็พอ เมื่อมีข้อมูลอื่นๆ ค่อยมาเสริมในภายหลังหรือ บางข่าวจะต้องใช้เวลากับมันในการหาข้อมูลให้ละเอียด มีการอิงประวัติศาสตร์เข้ามาเปรียบเทียบให้เห็นไทม์ไลน์ต่างๆ แล้วก็นั่งเล่า ให้เวลากับมันแบบสนุกๆ ก็มีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นผมชอบทั้ง 2 แบบครับ ได้หมด แล้วในวันหนึ่งๆ ผมก็อยากเสนอทั้ง 2 แบบครับ บางข่าวก็ไปไวๆ บางข่าวก็เล่นอยู่กับมันนานๆ หน่อย เพราะผมรู้สึกว่าคนดูก็จะได้รับความหลากหลาย แล้วก็ไม่รู้สึกเบื่อด้วย”

ฐานะคนข่าว มีวิธีการเล่าข่าวแบบง่ายๆ หรือเล่าแบบมีชั้นเชิง ใช้คำหรือปรับเปลี่ยนภาษาในการเล่าอย่างไรบ้างคะ?

“เอาตรงๆ ขึ้นอยู่กับข่าว จริงๆ ไม่จำเป็นต้องใส่ลูกเล่นหรือชั้นเชิงกับทุกข่าว เพราะบางข่าวดูเป็นการไม่ให้เกียรติกับคนที่อยู่ในเนื้อหาข่าวนั้นๆ กรณีตัวอย่าง แม่ยิงลูกตาย ผมก็คงจะเล่าแบบเรียบๆ ใส่อารมณ์แบบมีความเป็นห่วงเป็นใย แล้วก็มีอารมณ์สงสารเจือในเสียงการเล่านิดหน่อย แต่คงไม่ใส่ชั้นเชิงอะไรลึกซึ้งกว่านั้น เพราะว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วและเป็นเรื่องที่น่าเศร้า

ในความเป็นจริงถ้านึกถึงว่าเราเป็นญาติของเขา เป็นคนในครอบครัวคงรู้สึกสลดกับข่าวนี้ไม่น้อย ในฐานะประชาชนทั่วไปข่าวนี้ก็ไม่ใช่ข่าวที่ดีอะไรมากนัก ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องนำเสนอให้ดราม่าเกินไป แค่ให้รู้ว่านี่เป็นความจริงของสังคมและแม่คนหนึ่งที่ต้องตัดสินใจยิงลูกของตัวเอง นั่นหมายความว่ามันคงถึงที่สุดของเขาแล้วจริงๆ มันต้องเกิดอะไรบางอย่างขึ้น ฉะนั้นนำเสนอในแง่ของความเป็นจริงดีกว่า อย่าใส่ดราม่าหรืออารมณ์มากเกินคงไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากพยายามที่จะเอาเรตติ้งเท่านั้นเอง”

คิดว่าวันนี้เดินทางมาไกลแค่ไหนแล้วคะ บนถนนของคนข่าว

“ก็ไกลพอสมควรครับ เพราะว่าทำไป-ทำมาก็10 ปีเต็มล่ะ (นั่งนึก) ย้ายมา 5 บ้านแล้ว ผมคิดว่าโดยเฉลี่ยแล้ว 2 ปีย้ายที่ทำงาน มันก็มากกว่าคนทั่วไปค่อนข้างเยอะแล้ว ถ้าเป็นนักฟุตบอลหรือแม้แต่เป็นตัวเอง ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แต่ทุกการเดินทางมันก็ทำให้ได้เรียนรู้ทำให้ได้ฝึกฝนตัวเอง ถามว่าผมมาไกลไหม ผมว่าตัวเองมาไกลพอสมควร แต่เส้นทางของผมมันยังอีกไกลมากๆ ประสบการณ์ยังค่อนข้างน้อยในสายงานนี้ ก็ยังคิดว่ายังมีอะไรให้ต้องเรียนรู้ ให้ได้ก้าวต่อไป ให้ได้ทำและจะได้ปรับตัวอีกเยอะ ตอนนี้มาได้ไกลแล้ว แต่ถึงครึ่งทางไหมก็ยังไม่รู้ครับ รู้แต่ว่าต้องเดินต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ ครับ”

คาดหวังอะไรต่อไปไหมคะ?

“ผมก็คาดหวังว่าจะสามารถทำสิ่งที่ทำอยู่ได้ดีเรื่อยๆ ผู้คนยอมรับ ทั้งเพื่อนร่วมอาชีพและคนที่เป็นผู้รับสารจากผมทั้งผู้คนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงานทั้งหมดครับ แล้วก็รู้สึกว่าวันหนึ่งจะภาคภูมิใจกับสิ่งที่
ตัวเองทำมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็มีความสุขกับมัน ก็จะอยู่กับมันได้ตลอดชีวิต แค่นั้นเองครับ”

สมมุติว่า...มีคนทั่วไปเดินพบ ต๊ะ-พิภู ในตลาด แล้วขอความช่วยเหลือ เราจะมีโอกาสให้ความเป็นธรรมกับเขาอย่างไรบ้างคะ?

“ก่อนอื่นก็ต้องขอฟังเรื่องราวของเขาให้ละเอียดก่อนครับขอหลักฐานแล้วก็ต้องประเมินพอสมควรคงไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ทันที เช่น ถ้าเขาเดินมาแล้วบอกว่ากำลังลำบากมากเลยขอตังค์ ผมเองก็ไม่มีทางรู้เลยว่าเขาลำบากมากจริงรึป่าว หรือถ้าเขาบอกว่าเขาถูกกดขี่ข่มเหงจากเรื่องใด ก็ต้องมีหลักฐาน ผมก็อาจจำเป็นที่ต้องส่งเรื่องต่อให้กับคนที่ผมรู้จัก ไม่ว่าจะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ, มูลนิธิองค์กรต่างๆ หรือบรรดาสภาผู้แทนราษฎร ที่พร้อมจะทำหน้าที่ช่วยเหลืออยู่แล้ว เพราะผมเองก็อาจะเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงความช่วยเหลือ ไปยังบุคคลเหล่านั้น แต่คงไม่ง่ายถึงขนาดมาถึงปุ๊บ เดินมาบอกปั๊บ ช่วยเหลือได้เลยโดยที่ไม่มีการตรวจสอบ ทุกอย่างมันต้องผ่านการตรวจสอบ ก็ต้องมีการคัดกรองก่อนว่า สิ่งที่เขาพูดมานั้น จริงหรือไม่จริงยังไง แต่โลกยุคนี้ดีอย่างหนึ่ง ตรงที่การตรวจสอบง่ายขึ้น แล้วทุกคนก็พร้อมจะเป็นกระบอกเสียงและเป็นเครื่องตรวจสอบให้ไปในตัวสามารถช่วยได้ในอีกระดับครับ”

ถ้ามีคนมาคอมเมนท์ในเพจข่าว...ขอความช่วยเหลือ เพราะหลายคนมองว่า ผู้ประกาศข่าว/นักข่าว จะสามารถคลายทุกข์ให้ได้ มีมุมมองในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง?

“สำหรับผม  การที่เขาได้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือนี้ออกไป ไม่ว่าจะผ่านคลิปหรือบอกเล่าอย่างไรก็ตาม เป็นการช่วยเขาได้ระดับหนึ่งล่ะครับ เพราะจะทำให้เขาไม่ต้องเก็บกดความรู้สึกนั้นเอาไว้ ไม่ให้เขารู้สึกว่าเขาไม่มีทางออก เพจต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข่าวสายตรง หรือเพจบุคคลทั่วไป ที่นำเสนอข่าวถือเป็นการช่วยคนทางตรงและทางอ้อม

ผมมองว่ามันมีประโยชน์นะครับ แต่อย่างที่บอกก็ต้องตรวจสอบและกลั่นกรอง ถ้าถามผม ผมว่าดี เพราะจากประสบการณ์ตัวเอง ที่ผ่านมาหลายสำนักข่าว ทุกที่ก็จะมีการสร้างเพจขึ้นมา และทุกเพจก็มีเรื่องราวอย่างนี้เกิดขึ้นเสมอ มีคนส่งเรื่องขอความช่วยเหลือ ฉะนั้นสิ่งที่จะทำต่อ คือ การประสาน ตรวจสอบ ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็จะนำเสนอข้อมูลต่อไปเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและความถูกต้องกลับให้เร็วที่สุด ผมว่า...สื่อออนไลน์และเทคโนโลยีถูกคิดค้นมาเพื่อให้มันเกิดประโยชน์กับทุกคนครับ”

มาเริ่มต้นทำงานใหม่ กับ ช่อง MONO29 (โมโน ทเวนตี้ไนน์) มาสักพักแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง ?

“ผมมา MONO29 เป็นการตัดสินใจที่กลั่นกรองและคัดเลือกแล้วอาจจะเป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆ สำหรับใครหลายๆ คน นะครับ แต่สำหรับผมไม่ได้คิดว่ามันเป็นความฟลุค หรือดวง แต่ผมก็ตัดสินโดยใช้เหตุผลหลายๆ อย่างที่เลือกมาที่นี่ และผมก็เชื่อว่ามันจะเกิดอะไรที่สนุกๆ ขึ้น และมีแนวทางใหม่ๆ ขึ้นในการทำงานของผมครับ ต้องชื่นชมและต้องขอบคุณผู้บริหารของทาง MONO29 ครับที่ให้เกียรติมาก ทำให้ผมรู้สึกว่าท้ายที่สุดแล้ว ผมตัดสินใจไม่ยากอย่างที่คิดสำหรับผมแล้ว ผมเพิ่งเริ่มต้นกับรายการข่าวเช้า (Good Morning Thailand) ทุกวันจันทร์ ถึง ศุกร์ เวลา 05.30-07.30 น. ก็คงต้องปรับตัวต่อไป

ส่วนตัวมอง MONO29 ยังไม่มีภาพข่าวที่ชัด ทั้งๆ ที่จริงก็มีรายการข่าวมาสักพักแล้ว ฉะนั้นต้องช่วยกันทำให้ภาพข่าวมันชัดขึ้น ต่อไป...คุณดูหนังได้ ทำไมคุณจะดูข่าวช่องนี้ไม่ได้ ตอนนี้อยู่ในกระบวนการที่จะจัดทัพกันใหม่ จัดรูปแบบกันใหม่ เพื่อให้การเสนอข่าวมันมีทั่วทุกกระบวนความ ทุกข่าวควรค่าแก่การนำเสนอ จากที่ผ่านมาข่าวของ MONO29 จะเป็นข่าวที่สะอาด สร้างสรรค์และเชิงบวก

ส่วนตัวผมก็เห็นด้วยว่าดี ควรมีนำเสนอข่าวแบบนี้เยอะๆ แต่ว่าในหลายๆ ครั้ง ก็ควรที่จะตีแผ่ความจริง ต้องทำข่าวในเชิงช่วยเหลือผู้คน หรือว่าตีแผ่ให้เห็นด้านมืดของสังคมบ้าง โดยไม่กลัวว่าจะเป็นสิ่งที่โหดร้ายเกิน หรือข่าวที่ใครๆ ก็นำเสนอกัน ถ้ามีวิธีการนำเสนอข่าวเพื่อหาโซลูชั่น หรือทำอะไรให้กับสังคมได้ คือ สิ่งที่ผมพยายามจะทำที่ MONO29 ครับ

คอนเซ็ปต์ภาพรวมข่าวของช่อง ก็เป็นทิศทางเดียวกันและตรงใจผมมากๆ กับการสร้างสรรค์ คือ ได้เห็นสิ่งใหม่ มุมมองที่แตกต่างออกไป, มีสาระ คือ เป็นข่าวที่มีสาระ ความรู้ สามารถสร้างแรงบันดาลใจ และเข้าใจง่ายในการเล่าเรื่องที่ยากให้เป็นเรื่องง่าย น่าจะเป็นการเสิร์ฟข่าวที่ถูกใจแฟนๆ รายการข่าวนะครับ”

ฝากถึงมุมมองของคนข่าวกับข่าวสมัยนี้หน่อย?

“ผมอยากให้คนที่เสพข่าวจะด้วยทางใด ก็แล้วแต่ ทางสื่อทีวี, ออนไลน์ หรือสิ่งพิมพ์ พยายามมีสติมีวิจารณญาณ เข้าใจครับว่า บางทีมันมีอารณ์ร่วม แต่ก่อนที่แชร์หรือแสดงความคิดเห็นต่างๆ ออกไป ผมอยากให้ตรวจสอบให้ดีก่อน เพราะบางครั้งสิ่งที่คุณรีบเชื่อหรือรีบแชร์ออกไป อาจจะส่งผลกระทบต่อบางคน บางทีอาจจะไม่ได้ทำผิดก็ได้ อาจจะตกเป็นจำเลยของสังคม ถ้ายังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าผิดจริงๆ ก็อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินครับเช่นเดียวกับข่าวอื่นๆ ทุกคนเป็นสื่อได้เพราะทุกคนมีโทรศัพท์มือถือในมือ ทุกคนมีอินเตอร์เนต ทุกคนมีเฟซบุ๊ค มีแพลตฟอร์มออนไลน์ ทุกคนอยากมีส่วนร่วมช่วยเหลือให้สังคมดีขึ้น แต่ก่อนที่จะทำอะไรก็ตามแต่ ใช้สติในการตัดสิน คิด วิเคราะห์ แล้วก็แยกแยะ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น อาจจะเป็นการทำร้ายใครบางคนโดยที่ไม่รู้ตัวเลยก็ได้”

ยุทธนา นารี