ฟินแลนด์ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่อายุน้อยที่สุด ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะเทรนด์ผู้นำประเทศที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้เริ่มปรากฏให้เห็นในยุโรปหลายชาติในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยความเชื่อที่ว่าคนรุ่นใหม่สามารถรับมือกับปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบันได้มากกว่า
ซันนา มาริน นายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ของฟินแลนด์ เพิ่งสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยวัยเพียง 34 ปี ทำให้เธอได้กลายเป็นผู้นำอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
แท้จริงแล้ว อายุโดยเฉลี่ยของผู้นำทั่วโลกได้เพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่ช่วงยุค 50 แต่สำหรับยุโรป อายุเฉลี่ยของผู้นำ กลับลดลงเรื่อยๆ มาตั้งแต่ยุค 80 เป็นต้นมา สวนทางกับค่าเฉลี่ยโลก ปัจจุบัน อายุเฉลี่ยของผู้นำชาติสมาชิกสหภาพยุโรปอยู่ที่ 52 ปี แต่ในบรรดาสมาชิก 28 ประเทศ มีอยู่ 8 ประเทศที่มีผู้นำที่อายุต่ำกว่า 45 ปี ในขณะที่มีเพียง 6 ประเทศเท่านั้นที่มีผู้นำอายุมากกว่า 60 ปี
การขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศของมาริน ยิ่งไม่น่าประหลาดใจ เพราะอีก 4 พรรคร่วมรัฐบาลของเธอล้วนมีผู้นำเป็นนักการเมืองหญิง และส่วนใหญ่มีอายุ 30 กว่าปีด้วย สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมทางการเมืองแบบก้าวหน้าของฟินแลนด์ นอกจากนี้ หากย้อนไปดูในประวัติศาสตร์ ฟินแลนด์ยังเป็นชาติแรกที่อนุญาตให้ผู้หญิงได้ใช้สิทธิ์ออกเสียงด้วย
บทวิเคราะห์ของหนังสือพิมพ์สเตรทไทมส์ ระบุว่า การที่ชาติในยุโรปมีผู้นำที่อายุยังน้อย จะส่งผลให้การเมืองในยุโรปแปลกใหม่และแบ่งภาคมากขึ้น โดยเดนมาร์ก เคยมีนายกรัฐมนตรีหญิงเมตเต เฟรเดริกเซน วัย 41 ปีบริหารรัฐบาลเสียงข้างน้อย ด้วยนโยบายกลางซ้าย แต่มีจุดยืนต่อต้านผู้อพยพอย่างแข็งกร้าว แต่รัฐบาลของเธออยู่รอดเพียง 152 วันเท่านั้น ขณะที่ออสเตรีย มีเซบาสเตียน เคิร์ซ อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 33 ปี สายกลางขวา เขาได้จัดการเลือกตั้งใหม่และชนะการเลือกตั้งอีกรอบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่
ฝรั่งเศสก็มีนายเอ็มมานูเอลมาครง ซึ่งชนะการเลือกตั้งเมื่อสองปีก่อนได้เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสตอนอายุ39 ปี ขณะที่เอสโตเนีย มี นายจูรี ราตาสซึ่งขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ.2559 ด้วยวัย 38 ปี รวมถึงไอร์แลนด์ ก็มีนายลีโอ วารัทการ์ ลูกครึ่งอินเดีย เปิดตัวเป็นเกย์ และชนะการเลือกตั้งได้เป็นนายกรัฐมนตรีตอนอายุ 39 ปีด้วย ขณะที่สโลวีเนีย ในปีที่แล้วได้นายมาร์ยัน ซาเรคนายกรัฐมนตรีอายุ 41 ปี
ทั้งนี้ นักการเมืองของยุโรปที่มีอายุช่วง 30-40 กว่าปี ไม่ได้มีอุดมการณ์ดั้งเดิมแบบฝ่ายซ้ายฝ่ายขวาแบบชัดเจนมากนัก เมื่อเทียบกับนักการเมืองรุ่นใหญ่ และแม้พวกเขาอาจขึ้นสู่หนทางแห่งอำนาจผ่านสถาบันทางการเมืองแบบดั้งเดิม แต่ไม่ได้รู้สึกจงรักภักดีต่ออุดมการณ์อย่างเข้มงวด
สำหรับมารินและมาครง ถือเป็นตัวแทนรุ่นใหม่ทางการเมืองที่กำลังเป็นดาวรุ่ง พวกเขาได้รับการศึกษานานกว่าคนรุ่นก่อนๆ ได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายมากกว่า และคุ้นเคยกับอินเทอร์เนต ซึ่งนักการเมืองแนวนี้มักจะเชื่อในภาคประชาสังคมมากกว่าความเป็นพรรคการเมือง และหมกมุ่นกับประเด็นที่เฉพาะเจาะจงมากกว่าการรับอุดมการณ์มาทั้งหมด
เมื่อคนรุ่นใหม่คือพลังสำคัญในการหย่อนบัตรมากขึ้นเรื่อยๆ บรรดา สถาบันการเมืองแบบดั้งเดิมในยุโรปจึงไม่สามารถนิ่งเฉยได้ นอกจากการนำเสนอผู้นำรุ่นใหม่ที่เป็นตัวเลือกน่าสนใจและมีภาพลักษณ์ของการรับฟังประชาชน
กระแสนิยมนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ยุโรปเท่านั้นแต่นิวซีแลนด์ ยังมีนายกรัฐมนตรีหญิง เจซินดา อาร์เดิร์น วัย 37 ปี ซึ่งได้รับคะแนนเสียงท่วมท้นจากคนรุ่นใหม่ รวมถึงในยุโรปตะวันออกอย่างยูเครน ก็ยังมีประธานาธิบดีโวโลดิมีร์เซเลนสกี วัย 41 ปี ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งในปีนี้ด้วย จึงถือเป็นประเด็นที่น่าสนใจสำหรับนักการเมืองรุ่นเก่าว่าจะทำอย่างไร ให้พวกเขายังจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนที่ออกไปใช้สิทธิ์เลือกผู้แทนฯของพวกเขานั่นเอง
@koopnot01
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี