มาเก๊า อดีตอาณานิคมโปรตุเกสที่กลับคืนสู่อ้อมกอดของจีนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งกาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง และแซงน้าฮ่องกง อดีตอาณานิคมอังกฤษ ในแง่รายได้ต่อหัวประชากรไปแล้ว จึงทำให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างสถานการณ์ในมาเก๊าและฮ่องกง ซึ่งสื่อตะวันตกมองว่า คนมาเก๊านั้นเลือกความเป็นอยู่ที่ดีมากกว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเช่นฮ่องกง
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ของจีน ไปร่วมพิธีเฉลิมฉลอง 20 ปี มาเก๊าภายใต้การปกครองของจีน รวมถึงเน้นย้ำนโยบายต่างๆ ที่จะช่วยทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของมาเก๊าหลากหลายมากขึ้น ด้วยการก่อตั้งตลาดการเงินที่ใช้เงินหยวน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณไปที่ฮ่องกงไปในตัวสื่อหลายสำนักมองว่า เป็นการส่งสัญญาณไปยังฮ่องกง ที่อยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกเพียง 50 กิโลเมตรเท่านั้นว่า “ร่วมมือกับเรา แล้วคุณจะรวย” โดยทั้งมาเก๊าและฮ่องกงเคยเป็นอดีตอาณานิคมชาติตะวันตก และประชากรใช้ภาษากวางตุ้งเหมือนกัน รวมถึงยังได้รับสิทธิในการปกครองตนเองในระดับหนึ่งจากจีนเช่นกัน แต่ผู้คนสองเกาะมองพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่แตกต่างกัน
ขณะที่สำนักข่าวซินหัวได้ตีพิมพ์บทความที่ย้ำว่า มาเก๊านั้นมีความจงรักภักดีต่อจีนแผ่นดินใหญ่ จึงทำให้มาเก๊าเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และอัตราการว่างงานก็ลดลงอย่างมาก รวมถึงมาเก๊ามีสถานการณ์ที่มั่นคงอย่างมาก และประสบความสำเร็จในด้านเศรษฐกิจอย่างน่ามหัศจรรย์ เพราะคนมาเก๊ารู้ว่าอนาคตของมาเก๊าและของจีนนั้นเชื่อมโยงกัน
รายงานของธนาคารโลกระบุว่า มาเก๊ามีประชากร 670,000 คน และกลายเป็นดินแดนที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับสองของโลกในแง่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัว เป็นรองเพียงลักเซมเบิร์กเท่านั้น
รายได้ของมาเก๊าส่วนใหญ่มาจากธุรกิจกาสิโนที่ผูกขาด ซึ่งนำรายได้เข้ารัฐเป็นสัดสวนถึงร้อยละ 80 และยังทำให้รัฐบาลสามารถแจกเงินให้ประชาชน
ได้คนละราว 1,000 ดอลลาร์ หรือ 30,000 บาทต่อปี แต่ยังคงมีคำถามว่ามาเก๊าจะสามารถคงสถานะเช่นนี้ไว้ได้นานเท่าไหร่ท่ามกลางปัญหาการเติบโตอย่างชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการแข่งขันระหว่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้นจนทำให้ธุรกิจกาสิโนมีรายได้ลดลงนอกจากนี้ยังเกิดปัญหาสังคมอื่นๆ ตามมาเช่น อาชญากรรม การปล่อยกู้นอกระบบ การฟอกเงิน และการค้าประเวณี เป็นต้น
รัฐบาลมาเก๊าได้ผ่านกฎหมายความมั่นคงไปแล้วเมื่อทศวรรษที่แล้ว และไม่ค่อยพบเห็นการชุมนุมใหญ่ๆเกิดขึ้นมากนัก โดยนายเอียง เหม็ง ยูนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยมาเก๊ามองว่า นั่นเป็นเพราะคนฮ่องกงมักเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อค่านิยมที่เป็นนามธรรม เช่น ประชาธิปไตย และเสรีภาพ แต่สำหรับคนมาเก๊านั้น พวกเขามองเรื่องผลประโยชน์ที่จะได้รับก่อน และไม่ค่อยมีนโยบายของรัฐบาลมาเก๊าที่จะทำให้เกิดการประท้วงทางสังคมไปทั่วเกาะเท่าไหร่นัก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า ความสำเร็จของมาเก๊าเป็นสิ่งที่ทำให้จีนมาข้ออ้างได้ว่า ปัญหาในฮ่องกงนั้นเกิดจากปํญหาช่องว่างความร่ำรวย และการมีกฎหมายความมั่นคงที่ล้าสมัยนั่นเอง ขณะที่เมื่อสองปีก่อน นายสี จิ้น ผิงได้เดินทางไปยังฮ่องกงเพื่อร่วมพิธีครบรอบ 20 ปีการกลับคืนสู่จีน และเคยเรียกร้องให้ฮ่องกงใช้ประโยชน์จากจีน ไม่ใช่ต่อต้านจีน โดยนายสีย้ำว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจ คือกุญแจสำคัญที่จะแก้ปัญหาหลายอย่างของฮ่องกงได้
นายสตีฟ จาง ผู้อำนวยการสถาบันจีนของโซแอส แห่งมหาวิทยาลัยลอนดอนกล่าวว่า สารของนายสี จิ้น ผิงนั้นชัดเจนสำหรับฮ่องกง ว่าทุกอย่างมีทางออก ทั้งง่ายและดี ดังเช่นมาเก๊าแต่คนฮ่องกงอาจไม่เชื่อเช่นนั้น นั่นเป็นเพราะที่มาเก๊า ค่าเช่า ร้านอาหาร ร้านค้าทุกอย่างมีราคาถูก แต่ที่ฮ่องกง กลับมีคนจีนแผ่นดินใหญ่จำนวนมากหลั่งไหลเข้ามา ทั้งมาแย่งโควตาเข้ามหาวิทยาลัยและเข้ามาทำงาน จนทำให้ฮ่องกงกลายเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่แพงลิ่วยากต่อการซื้อเป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน นอกจากนี้ มาเก๊ายังมีขนาดเล็กกว่า มีพื้นที่เพียงครึ่งหนึ่งของแมนฮัตตันเท่านั้น และพลเมืองมาเก๊าได้รับความคุ้มครองจากนโยบาย ที่ทำให้การหางานและการเข้ามาอาศัยของชาวจีนและชาวต่างชาตินั้นทำได้ยากขึ้น
@koopnot01
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี