นับว่าชีวิตของนักร้องสาวเสียงดี ศิรินทรา นิยากร ต้องเจอกับสิ่งที่สาหัสและความรักที่ผิดหวังมามากมายเหมือนดั่งต้องคำสาป เหมือนเช่นกับเพลงที่เธอได้ร้องไว้ รู้ว่าเขาหลอก เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ ศิรินทรา ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อน แต่ได้มาเปิดใจนั่งคุย นั่งเล่าในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 กับความรักที่รักมากจนเชื่อใจและยอมตรงลงที่จะแต่งงานกับผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่ามีเจ้าของแล้ว และครั้งหนึ่งเกือบคิดจะฆ่าตัวตายเพราะหมดตัว พร้อมเผยโมเมนต์เล่าไปก็ยังเขินสมัยเข้าวงการใหม่ แอ๊ด คาราบาว เคยจีบ
ศิรินทรา : พี่แอ๊ดเพิ่งกลับจากเมืองนอก บริษัทจับไปอยู่วงเขาเดินสายใกล้ชิดกัน เขาก็เงียบๆ ไม่ค่อยพูด ตอนแรกไม่รู้ จนมี ยังบาวเดอะมูวี่ เพิ่งรู้เขามีความรู้สึกกับเราแบบนี้เหรอ เขาเงียบมาก แต่แสดงออกผู้ใหญ่ก็คงจะเห็น แต่มีบ้างจับมือ ไม่ค่อยอะไร
ก็ต้องจีบแหละ แกมีมารับส่ง จำได้รถคันเล็กๆตอนนั้น ขับน้ำมาส่งหน้าบ้าน เขาปีนไม่ให้เราเหยียบน้ำเขามาขอบริษัทให้เรามาร้องเพื่อชีวิต อยู่วงเขาแต่บริษัทไม่ให้ ช่วงนั้นมีผู้บริหารบริษัทมาจีบด้วย ถามว่าเป็นส่วนหนึ่งที่พี่แอ๊ดถอยด้วยหรือเปล่า ศิรินทรา ยอมรับว่า ส่วนหนึ่ง ยอมรับตอนนั้นก็ชอบพี่เขาเพราะก็ใกล้ชิดกัน เขามีทีท่ามาชอบ แม่ก็รู้ พอมาเจอผู้บริหารคนนี้ เขาก็เฟด พยายามหายไป ทรา ก็อยากไปอยู่วงพี่แอ๊ด แต่บริษัทไม่ให้ (ถามว่ากลับมาเจอกันเมื่อไม่นานเป็นยังไงบ้าง) เขาก็พูดน้อยอยู่แล้ว หน้าเวที ก็งงรู้ว่าเขามาพักที่นั่น ที่ทราจะมีคอนเสิร์ต พอดี เขาเดินเอาดอกไม้มาให้ เสร็จปุ๊บก็หอมแก้มเลย เขาคงคิดเป็นพี่หอมน้อง ตอนนั้นที่แยกกันไปต่างคนต่างเดินสาย โทรศัพท์ก็ลำบาก จนมาได้ข่าวอีกที พี่แอ๊ดแต่งงานเหรอ
ถาม เพลงที่ทราร้องร้องคือ เป็นชีวิตจริ๊ง ชีวิตจริง
ศิรินทรา : ก็ยังว่าครูกานต์บอกทำไมครูเห็นอนาคต ทรา ขนาดนี้จริงๆอย่าง รู้ว่าเขาหลอก เราก็ไม่คิดจะมาเจอกับตัวเองเพราะเราใสมากอายุ 18 แล้วเราร้องถึงเขาร้องแต่เต็มใจให้หลอก เราก็ไม่คิดว่าเขาจะมาหลอกเรา จะขอก็รีบขอ ความรู้สึกตอนนั้นก็อยากให้คนมาขอนะ แต่เป็นแค่จะมันแค่จะ จะอย่างเดียวเลย
ถาม ที่ทราบมาคือ มีคนที่คบแล้วบอกให้รอเป็นสิบปีเลย
ศิรินทรา : เป็นอะไรที่มันเป็นความรู้สึกที่ที่มันลึกๆที่เราผูกพันก็ได้ หรือเพราะทราไปทำพิธีกับพระหรือเปล่าคือเรารู้สึกว่าคนนี้ใช่ เจอกันครั้งที่โรงเรียนมาสมัครเรียนโรงเรียนเดียวกัน เข้าไปพร้อมกัน เดินไปพร้อมกัน เขามากับพ่อเขา ทรามากับพ่อทรา เราเห็นเขาคือ หล่อมาก แล้วยิ่งรู้ว่าเขาสอบเข้าทหารได้แล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าใช่เลย อาจจะเป็นเพราะใช้คำว่าขาดความอบอุ่นไหมก็ไม่นะเพราะอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ แต่เราอยากได้คนที่มาปกป้องเราดูแลเรามากกว่าแล้วพี่สาวเรามีแฟนเป็นทั้งหทารเรือ และ อากาศ แล้วคือ เขาก็สอบติดทหารบก แล้วตอนที่เรามาเรียนเขาก็มาเรียนห้องเดียวกับเราอีกแต่พอได้หนึ่งเดือนเข้าก็ถูกเรียกตัวไปเป็นหทาร แล้วเราก็เขียนจดหมายหากันตลอดจนม. 5 ทรา ก็ได้มาเป็นนักร้อง ก็ค่อยๆห่างกันไปแล้ววันหนึ่ง ทรา ก็ไปร้องเพลงที่ค่ายหทารก็ได้ข่าวเขาเราก็กลับมาติดต่อกันอีกหลังจากที่ห่างกันไป 4-5 ปี ติดต่อกันมาเรื่อยๆจนได้มาเจอตัวกันคือเขาเข้ามาเรียนเสนาธิการทหารบกที่ กรุงเทพ แต่ก็ไม่ได้คบกันนะคะ เพราะเขามีครอบครัวแล้ว เขามาเจอเราครั้งนั้นเขาก็บอกเราว่าเราหายไปเลยแต่การแต่งงานครั้งนั้นเขาก็บอกว่าแค่ทำพิธีนะเพราะผู้หญิงบอกเลิกเขาแล้ว (เพราะพิธีถูกจัดไว้แล้ว) เขาก็เข้าพิธีเสร็จก็จบแยกย้ายกันไป แล้วหลังจากนั้นเราก็มาคบกันแต่ช่วงนั้นคือเรามีภาระคือวงเจ๊ง หนี้สินเยอะ แล้วเรามองว่าเราต้องเคลียร์ตรงนี้ก่อนเพราะไม่งั้นพ่อแม่ของเราลำบากเราต้องหาช่องทางทำมาหากินจะไปมีครอบครัวเลยไม่ได้ ถามว่าอยากแต่งไหมอยากแต่งมาก แต่เรามองไปว่าเราแต่งแล้วเราจะทำอะไรเพราะสิ่งที่เป็นภาระที่เราต้องรับมันยังมีอยู่ก็ทำให้ห่างกัน จนกระทั่ง เขาได้ไปแต่งงานจริงๆ
ถาม รู้ว่าเขาหลอกไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวมันก็ยังมีเหตุการณ์มันก็จะวนกับมาว่ารู้แต่ฉันก็อยู่ตรงนั้นได้
ศิรินทรา : หนักมากถือว่าหนักมากในชีวิตที่ว่าเราเหมือนกับเราคิดว่าใช้แล้วเรื่องราวที่มันเข้ามาเราก็มองว่าอย่างที่เขาทำนายไว้ว่าเราจะเจอคนที่มีตำหนิจะต้องมีครอบครัวแล้วเราก็ผ่านๆ แล้วมีครั้งหนึ่งที่เขาตั้งใจเอาเราไปเป็นครอบครัวจริงๆแล้วให้เราหยุดร้องเพลง (เพราะความใฝ่ฝันของเราคืออยากหยุดร้องเพลงไม่อยากทำงานในวงการนี้แล้ว) เราอยากจะเป็นแม่บ้านไง เป็นความฝันความรู้สึกลึกๆในใจอยู่แล้ว ว่าเราอยากอยู่บ้าน อยากเป็นแม่บ้าน(คนนี้ที่เจอคือ) เขามาจ้างเราไปร้องเพลงเราก็รู้ทุกอย่างว่าเขามีครอบครัว รู้ว่าฝ่ายผู้หญิงของเขามีลูกติด แต่ตัวเขาไม่มีลูกด้วยกันแต่เขาอยู่ด้วยกัน แต่เขามาบอกเราว่าเขาอยากมีครอบครัวนะที่เป็นครอบครัวสมบูรณ์ (เขาอยากจะมีลูกที่ไม่ต้องเพิ่งวิทยาศาสตร์) ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่ามันใช้ๆเลย มันเป็นความฝันของเราเลยว่านี่เราจะได้มีครอบครัวแล้ว ไม่อยากทำงานแล้วเราแทบจะกระโจนเข้าใส่เลย แล้วเขาไม่ได้บอกกับเราคนเดียวแต่เขาบอกกับครอบครัวเรากับเพื่อนที่อยู่รอบตัวเรา(เพราะที่เขาบอกว่าเขามาสร้างครอบครัวกับเราเขาจะเลิกกับภรรยาเขาไม่ได้จดทะเบียนกัน) เราก็เลยมีความหวังแล้วเขาตั้งเงินรางวัลสูงมากถ้ามีลูกสาวจะให้ 20 ล้าน ถ้ามีลูกชายให้ 50 ล้าน เราคิดอย่างเดียวเลยเราไม่ต้องเหนื่อยแล้วเพราะเราทำงานตั้งแต่เรียนจบ ทำงานอย่างเดียวไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่เราเป็นเลยพอเขามานำเสนอเท่านั้นเราก็รีบคว้าเลย แต่ข้างในเราก็รักเขานะคะ เพราะเขาดูแลพ่อแม่ดูแลและทุกคนที่อยู่รอบข้างเรา
ถาม แล้วได้แต่งงานกันไหมกับคนนี้
ศิรินทรา : เขาเรียกว่าให้ผู้ใหญ่รับรู้กัน ผูกข้อไม่ข้อมือ (แต่ตอนนี้ที่เราตัดสินใจแต่งงาน) คือ เขาบอกว่าเขาเคลียร์แล้วโสดแล้วไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว เราก็เชื่อนะคะเพราะเขามาสร้างความมั่นใจให้เราด้วยการที่เขามาคุยกับที่บ้านแล้ววันที่มาทำพิธีอะไรต่างๆก็มีผู้ใหญ่มาเป็นตัวแทนอะไรต่างๆตรงนั้นเราเลยมั่นใจ (นี่เป็นเรื่องที่ไม่เล่าให้ใครฟังเลย) เขามาจัดสรรทุกอย่างไม่รู้ว่าพูดออกอากาศไปแล้วไม่รู้ว่าเขาจะมาราวีอีกหรือเปล่า เพราะเขาสร้างให้เราทุกอย่างบ้าน ดูแลเราให้เรามั่นใจ พอหลังจากพิธีอะไรเสร็จก็มีอะไรเข้ามาทำให้เรารับไม่ได้ก็คือฝ่ายเขามา(ผู้หญิงคนที่เขาบอกว่าเลิกแล้ว)แล้วก็มาบุกที่บ้านเพราะว่าเขาให้คนตามสืบว่าเรามีบ้านที่นี่ แต่เขาไม่เจอเรานะคะ แต่เจอพ่อกับแม่ แล้วเขาก็เดินเข้าไปที่บ้านแล้วเข้าก็เดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อหาว่าเราอยู่ไหม แต่ก็โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็งงพอดูเสร็จเขาก็เดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หลังจากนั้นเขาก็มาด่า มาวีน จนตัวเราไม่ไหวแล้ว แล้วตอนนั้นเราก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว สิ่งที่เขาพูดมันไม่ใช่แล้ว แล้วเราก็ไปแอบดักดูเขาด้วยว่าเขาโกหกเราไหมที่เขาบอกว่าเลิก ก็ไปดักที่หน้าบ้านเขาเห็นเขาเดินออกมาจากบ้านกับแฟนเขา ตอนนั้นเราคิดว่าไม่ใช่แล้ว
ถาม เคยถามเขาไหมว่าทำไมถึงต้องมาหลอกกันแบบนี้
ศิรินทรา : เขาคงมีความประสงค์อย่างนั้นจริงๆแต่เขาทำแบบที่พูดไม่ได้เพราะพอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นปุ๊บ !! ทางแฟนเขาที่มีลูก เขาก็ขู่ ว่าถ้ายังมาติดต่ออะไรกับเราเขาจะฆ่าลูก ซึ่งเขารักลูกคนนั้นมากเราก็บอกไม่เป็นไรถ้าเป็นแบบนั้นเราไปเองก็จบ คือจบเร็วมาแต่วันสุดท้ายคือร้องไห้หนักมากปล่อยมาหมดเลย ฉันล้มเหลวอีกแล้วเหรอแย่มากเพราะครั้งนี้ คือ เราตัดสินใจแล้วว่านี้คือครอบครัวนะ (น้ำตาคลอ) คุณพ่อคุณแม่ก็สงสารเนอะเพราะเห็นว่ามันเป็นความตั้งใจจริงๆของเราเขาก็ให้กำลังเราว่าไม่เป็นไรนะ
ถาม มีการตัดสินใจครั้งหนึ่งที่เราตัดสินใจว่าจะออกมาทำวงของตัวเอง เป็นหัวหน้าวงอย่างแท้จริงแต่ปรากฏว่ากับเจ๊งเกิดอะไรขึ้น
ศิรินทรา : คือ เราก็ทุ่มทุนสร้างเพราะอยากให้งานทั้งหมดออกมาดีตัดชุดหางเครื่องสวยมากมีไฟโค้งเป็นลำแสงเวลาเห็นจะสวยมาก ซึ่งวงลูกทุ่งจะไม่ค่อยลงทุนตรงนี้แต่เราอยากจะทำให้เห็นตรงนั้นแล้วอยากให้คนที่เข้ามาดู ว้าว !! สวยเครื่องเสียงดี แต่ระบบการจัดการเราไม่ได้เรียนรู้เลยว่าการที่ไปแสดงไม่ใช่เอาของดีไปตั้งปุ๊บ !! แล้วจะมีคนเข้ามาดูไม่ใช่ มันต้องมีการโปรโมทประชาสัมพันธ์ทั้งหลายทั้งปวงต้องมีคอนเนชั่นกับนักจัดรายการในพื้นที่เชิญชวนคนมาดูแต่เราไม่มีตรงนั้น ไม่มีการโฆษณาที่ถึงพอ ไม่ได้มีสิ่งเร้าใจที่คนเขาอยากจะมาดูผลงานของเรา เขาก็มาน้อยมากเก็บเงินไม่ได้ อย่างเราไปบางทีเขาก็เพิ่งรู้ว่าเรามา
ถาม พอถึงวันหนึ่งเงินเข้าไม่เท่าเงินออก เราก็ไม่มีต้นทุนมากพอ
ศิรินทรา : ตอนนั้น คือ ถ้าพูดถึงเมื่อก่อนจะร้องไห้มาก (เสียงเริ่มสั่น) เพราะอะไร เพราะเรารู้สึกว่าเราตั้งใจทำทุกอย่างให้กับคนที่เรารัก คนที่อยู่กับเราทุกคนที่มาอยู่กับเราเราก็ทุ่มทุกอย่าง ได้เงินจาก ถ่ายโฆษณา หนัง มีร้องเพลง (น้ำตาเริ่มไหล) ก็นำมาจ่ายให้พวกลูกค้าเพราะเรานึกถึงแต่เขา กลัวเขาไม่มีข้าวทาน อย่างวันไหนไม่ได้เล่นเพราะฝนตกเราก็ต้องเอาเงินไปจ่ายเบี้ยเลี้ยงเขา ซึ่งเมื่อก่อนเราไม่เข้าใจว่าทำไมนายทุนเขาถึงต้องหักค่าตัวเรา (แต่พอเรามาทำเองเราถึงได้รู้ว่า) รายจ่ายมันเยอะมาก จ่ายชนิดที่ว่าแบบเต็มๆ ของในบ้านที่มีตอนที่เราดังมาขายหมดมันไปเร็วมากอะไรที่เข้าธนาคารได้เข้า ไฟแนนซ์ทั้งหลาย เงินที่มีอยู่หมดเลย เพราะว่าตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะทำยังไงให้มีเงินเลี้ยงดูลูกน้องก็ปล่อยให้เวลาผ่านไปนานค่ะ ยื้ออยู่นานน่าจะประมาณ 2 ปีกว่าจนแบบเราไม่เหลือแล้ว
ถาม เห็นบอกว่าเครียดจนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย ?
ศิรินทรา : มันเครียดมากนะคะ เป็นอะไรที่เรารู้สีกว่ามันกระทบจิตใจด้วยที่ลูกน้องไม่เข้าใจเราเวลาที่เราขอหักหน่อยนะ เพราะเราแบกไว้ไม่ไหวแล้ว พอเราขอหักเพื่อไว้เป็นค่าน้ำมันเขาก็ไม่พอใจหนีกลับ ซึ่งการแสดงหน้าเวทีนักดนตรี หรือ หางเครื่องขาดไปคนก็จะระส่ำระสายแล้วเพราะทุกอย่างจะถูกบล็อกไว้แล้ว ตอนนั้นเราทรมานใจมากเพราะเราทุ่มเทขนาดนี้เขาไม่เข้าใจเราบ้างเลยเหรอ เราอยากให้เขาแต่วันหนึ่งที่เราไม่มีจะให้แล้วเราขอเพียงแค่แบ่งส่วนเล็กๆเพื่อมาดูแลตรงนี้ต่อ เราก็เสียใจมากขึ้นก็ไม่ไหวแล้วจะไปหาเงินตรงไหนเราก็ร้องไห้ ร้องไห้ ร้องอยู่คนเดียว เพราะไม่ใช่แค่เราหมดแต่เรากลับเป็นหนี้ด้วย ตอนนั้นคิดอย่างเดียวไม่อยากอยู่แล้ว ตอนที่เราคิดจะฆ่าตัวตายเราก็ฟังข่าวเยอะ (ปืนก็อยู่ใกล้ๆเรา) ก็คิดว่าถ้าเรายิงตัวเองแล้วไม่ตายพ่อแม่ต้องดูแลเรานะมาลำบากพ่อแม่อีกก็เลยไม่ยิงดีกว่า เพราะถ้าเราจะฆ่าตัวตายแล้วไม่ตายก็จะเป็นภาระคนที่อยู่คิดไปคิดมาก็สวดมนต์ไหว้พระขอพลังจากเสด็จพ่อปิยะมาเป็นพลังให้ทราด้วยเราก็มองคนที่อยู่ข้างๆเรา พ่อแม่ที่อยู่กับเรามาตลอดเราก็คิดอย่างเดียวว่าเราต้องอยู่ได้ และเราก็ต้องรู้ว่าเราต้องตัดอะไรเพื่อให้เราอยู่ให้ได้สุดท้ายก็มาคุยกับลูกน้องว่าเรารวมกันเราน่าจะตายหมู่ แต่ถ้าเราแยกกันเราน่าจะรอดได้ก็แยกย้ายกันไปทำมาหากินวันนั้นเราก็เสียใจมากนะคะ เพราะเราสร้างมาด้วยมือเราเองและเราก็ทำลายด้วยมือของตัวเอง
สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี